สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

สุดยอดเทคนิค ชิงลูกค้า

เรื่องโดย สุกัญญา สินถิรศักดิ์
Bangkok Week News

สุดยอดเทคนิค ชิงลูกค้า "ซื้อบ้าน" บนโลกไซเบอร์

หาก มองป้ายโฆษณา "ขายบ้าน" ตามตรอกซอกซอยต่างๆ ที่บรรดาเจ้าของโครงการต่างเสนอแคมเปญโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถมนานารูปแบบกันอย่างดุเดือด ก็เรียกได้ว่าแข่งขันกันอย่างรุนแรงแล้ว แต่มาวันนี้ "โลกไซเบอร์" จะกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เจ้าของโครงการเริ่มหันมาใช้ฟาดฟันแย่งชิง "ลูกค้า" ให้เข้าเว็บไซต์ของตน เสมือน "ป้ายบิลด์บอร์ด" ที่ดึงให้ลูกค้าอยากเข้ามาเยี่ยมโครงการ

ยิ่งมีเทคโนโลยีใหม่ๆ จากมือถือหรือเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ช่วยให้การเข้าสู่โลกไซเบอร์เป็นเรื่องง่ายมากขึ้นเท่าไร สื่ออินเทอร์เน็ตก็ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเท่านั้น เป็นผลให้ผู้บริโภคยุคใหม่หันไปบริโภคข่าวสารผ่านสื่ออินเทอร์เน็ตสูงขึ้น

ผู้ประกอบการในแวดวงอสังหาฯ จึงไม่พลาดที่จะจับเทรนด์ นี้ มาปรับใช้และเริ่มหันมาใช้สื่ออินเทอร์เน็ตให้เป็นประโยชน์กับโครงการของตัว เอง เพราะเห็นแล้วว่าผู้บริโภคยุคใหม่หันหาข้อมูลบ้าน คอนโดมิเนียมผ่านสื่ออินเทอร์เน็ตแล้วเลือกโครงการที่ให้ความสนใจจริงๆ ก่อนเดินทางไปเยี่ยมชมโครงการจริง แทนการตระเวนตามไปทุกโครงการเพื่อหาข้อมูลเหมือนในอดีต

และหากการ "ปักป้าย" โฆษณาโครงการมีเทคนิคให้ป้ายของตัวเองโดดเด่นกว่าคู่แข่งแล้ว ต้องบอกว่า "วิธี" การดึงคนเข้าเว็บไซต์โครงการยิ่งมีเทคนิคเหนือชั้นขึ้นไปอีก โดยเฉพาะกลยุทธ์การชิงพื้นที่อันดับต้นๆ ใน "Search Engine" บนโลกไซเบอร์ เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นเว็บไซต์ของตนก่อนคู่แข่งและ "คลิก" เข้าสู่เว็บไซต์ของตัวเองก่อน

โดยผู้บริโภคสื่ออินเทอร์เน็ตในไทยใช้ "Search Engine" อย่างเช่น Google เป็นช่องทางในการเข้าสู่เว็บไซต์ต่างๆ เป็นหลัก ซึ่งในทีนี้ขอพูดเน้นไปที่ Google ด้วยเพราะคนไทยกว่า 90% ใช้ Google เป็น Search Engine หลัก บรรดาเจ้าของโครงการจำเป็นต้องแย่งพื้นที่ต้นๆ ไม่เกิน 5 อันดับแรกใน Google ด้วยการซื้อ "คีย์เวิร์ด" หรือคำที่เราใช้ค้นหาข้อมูลต่างๆ ใน Google เพื่อให้ผู้บริโภคที่ค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย บ้าน คอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ หรือคำที่เกี่ยวข้องกับองค์กรใน Google แล้วเจอลิงค์ขององค์กรนั้นๆ

ศึกชิง "คีย์เวิร์ด"

อย่างที่กล่าวแล้วว่า วิธีที่จะเข้าเว็บไซต์ต่างๆ ส่วนใหญ่มาจาก Search Engine ของ Google "คีย์เวิร์ด" จึงมีส่วนสำคัญที่จะทำให้เข้าถึงเว็บไซต์ของเจ้าของโครงการ งานนี้จึงเกิด ศึกชิง คีย์เวิร์ด กันระหว่างบรรดาผู้ประกอบการอสังหาฯ โดยเฉพาะผู้ที่หันมาใช้สื่อออนไลน์ในการทำตลาดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, พลัส พร็อพเพอร์ตี้, เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ฯลฯ

แหล่งข่าวจากแวดวงสื่อออนไลน์ เล่าให้ฟัง คีย์เวิร์ดแต่ละคำจะมีระยะเวลาของการซื้อ บางรายที่อยากเน้นทำตลาดทาวน์เฮ้าส์ในบางช่วง ก็จะซื้อคำว่า "ทาวน์เฮ้าส์" ในช่วงเวลาที่ต้องการทำตลาด หรือในช่วงที่คอนโดมิเนียมร้อนแรง บริษัทพัฒนาคอนโดมิเนียมก็จะชิงซื้อคำว่า "คอนโดมิเนียม" ไว้ โดยแต่ละคีย์เวิร์ดมีมูลค่าที่แตกต่างกันไป ซึ่งหากเป็นช่วงเวลาที่คู่แข่งแต่ละรายต้องการซื้อเหมือนกัน ก็จะชิงไหวชิงพริบกันอย่างดุเดือด

หรือแม้แต่การแย่งซื้อคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับคู่แข่งตัวเอง เพื่อที่เวลาผู้บริโภคคีย์คำนั้นใน Google แล้วก็จะโชว์เป็นลิงค์ของตัวเองคู่กับคู่แข่งด้วย ซึ่งที่ผ่านมามีเจ้าของโครงการรายหนึ่งได้ทำแล้ว และเจอคู่แข่งโต้ตอบกลับด้วยการซื้อคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับรายนั้น เพื่อชิงลูกค้าให้คลิกเข้าสู่เว็บไซต์ของตัวเอง

เอพีฯ ตื่นทุ่มงบโฆษณาผ่านเว็บไซต์

นายวิษณุ สุชาติล้ำพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (AP) เปิดเผยว่า ปีนี้เอพีฯ เพิ่งเริ่มที่จะหันมาให้ความสำคัญกับการทำตลาดผ่านสื่อเว็บไซต์มากขึ้น เพราะมองว่าเป็น "อินเตอร์แอคทีฟ มาร์เก็ตติ้ง" ที่สื่อสารกับลูกค้าไปแล้ว ลูกค้าสามารถสื่อสารกลับมาได้ในเวลารวดเร็ว ทำให้รู้ความคิดเห็นของลูกค้าได้ทันที หรือรับทราบสถิติได้อย่างชัดเจนว่า สื่อที่ออกตัวไปมีลูกค้าจำนวนกี่รายที่ได้รับรู้ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากสื่ออื่นๆ

นอกจากนี้ งบในการโฆษณาผ่านสื่อนี้ยังน้อยกว่าสื่ออื่นๆ แต่เห็นชัดว่าได้ผลในเชิงการรับรู้มากกว่าสื่ออื่นๆ ด้วย โดยยอดขายแต่ละปีเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท มีงบในการทำตลาด 2% หรือประมาณ 300 ล้านบาท ใช้เงินกับสื่อออนไลน์ไปเพียง 5% ของงบการตลาดทั้งหมด คือ 15 ล้านบาทถือว่าน้อยมาก แต่มีลูกค้าที่มาจากสื่อเว็บไซต์และสามารถปิดขายได้ 12-15% ซึ่งเมื่อเทียบกับเงินที่ใส่ไปแล้วถือว่าคุ้ม จึงมองว่าสื่ออินเทอร์เน็ตเป็นสื่อต้นทุนต่ำ แต่ได้ผลตอบรับสูงกว่าต้นทุน

จากผลตอบรับที่เกิดขึ้น ในแง่การวางแผนด้านสื่อต่างๆ ในช่วงปลายปีนี้กับต้นปีหน้าจะใส่เงินกับสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้นไปอีก โดยที่ผ่านมางบการตลาด ถ้าคิดเป็นสัดส่วน 100% แบ่งเป็น ป้ายบิลบอร์ด 50% อีก 40% เป็นแมส มีเดีย เช่น ทีวี หนังสือพิมพ์ และ อีก 10% เป็นสื่ออื่นๆ โดยที่ผ่านมา ถือบิลบอร์ด ลงทุนไป 50% ได้ผลตอบกลับมา 55% - 60% ถือว่ากำไร แต่ในแง่แมส มีเดีย ใส่เงินไป 40% แต่ผลที่ได้เพียง 30% ถือว่าขาดทุน

สื่ออินเทอร์เน็ต ถือว่าเป็นไลฟ์สไตล์ใหม่ของคน ซึ่งหากไม่รีบเริ่มต้นทำวันนี้ จะช้าไป ทำให้ปีนี้ต้องเริ่มหันมาเน้นสื่อนี้ให้มากขี้น โดยใช้เงินกับสื่อทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การซื้อคีย์เวิร์ด ซื้อพื้นที่โฆษณาใน Google การซื้อโฆษณาตามเว็บไซต์ยอดฮิตต่างๆ เช่น พันทิพ, เว็บประกาศ เป็นต้น  และมีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญมากขึ้น

พลัสฯ อัดกิจกรรมออนไลน์เดือนละครั้ง

ด้านนางสาวดุษฎี ตันเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายการตลาด บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า ลูกค้าของพลัสฯ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ เกือบ 100% มีอีเมล์ (E-Mail) เพื่อรับข้อมูลข่าวสาร ทำให้พลัสฯ ให้ความสำคัญกับสื่อนี้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สื่ออินเทอร์เน็ตมีความโดดเด่นมาก กลายเป็นหนึ่งในสื่อที่สามารถดึงคนเข้าชมโครงการได้เป็นอันดับต้นๆ

สำหรับพลัสฯ จะสร้างชุมชนในโลกออนไลน์ด้วยการสร้าง "พสัส โซไซตี้" ปัจจุบันมีสมาชิก 6 พันคน เป็นลูกบ้าน เป็นลูกค้าของพลัสฯ ซึ่งเกือบ 50% ที่ร่วมกิจกรรมบนเว็บอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปีนี้ที่พลัสฯ มีกิจกรรมผ่านสื่อดังกล่าวทุกเดือนล้อไปกับเทศกาลต่างๆ เช่น ช่วงต้นปีที่มีเทศกาลสงกรานต์ สร้างกิจกรรมแจกตั๋วเครื่องบินกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ พร้อมที่พัก 3 วัน 2 คืน

หรือช่วงวันแม่ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จัดกิจกรรมประกวดภาพถ่ายวันแม่ หรือช่วงที่ค่าครองชีพขึ้นก็ใช้กิจกรรมแจกบัตรเติมน้ำมัน หรือบัตรช้อปปิ้งในท็อป ซูเปอร์มาร์เก็ต ใบละ 1,000 บาท รวมจำนวน 70 ใบ

ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรก พลัสฯ มีตัวเลขยอดขายที่เกิดจากการหาข้อมูลในเว็บไซต์ก่อนเข้าชมโครงการจริง สูงถึง 50 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ารวม 150 ล้านบาท ทำให้ปีนี้พลัสฯ เพิ่มงบการตลาดให้กับสื่อนี้เป็นเท่าตัว จากเดิมที่เคยใช้ 1% ของงบการตลาดทั้งหมด 350 – 380 ล้านบาทต่อปี เป็น 2% ของงบการตลาดทั้งหมด เพื่อทำกิจกรรมสื่อสารกับลูกบ้านและกลุ่มเป้าหมายทั่วไป

แลนด์ฯ เผยมียอดขายผ่านสื่อออนไลน์กว่า 2 พันล.

นางสาวศุภรัชฎ์ วีระกุล ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ลูกค้าที่หาข้อมูลจากสื่ออนไลน์มาก่อนแล้ว จะใช้เวลาในการเยี่ยมชมโครงการจริงประมาณ 3 ครั้ง แล้วตัดสินใจ แตกต่างจากในอดีตที่ใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือนในการเข้ามาหาข้อมูลในไซต์จริงก่อนตัดสินใจว่าจะเลือกซื้อบ้านโครงการ ใด

สื่ออินเทอร์เน็ตเป็นสื่อที่มีต้นทุนต่ำที่สุด แต่ได้ผลตอบรับกลับมาทันทีดีกว่าทุกสื่อ ทั้งในรูปแบบการดึงคนเข้าไซต์ และการตอบโต้กับลูกค้าผ่านสื่อดังกล่าว ซึ่งหากเทียบกับสื่อเดิมอย่างหนังสือพิมพ์ ใช้งบในการลงโฆษณาต่อครั้งต่อฉบับประมาณ 1 ล้านบาท จะมีผู้ตอบรับกลับมาเป็นโทรศัพท์ถามข้อมูลเพิ่มเติมประมาณ 20 ราย

นอกจากนี้ ยังมีตัวเลขที่น่าสนใจจากการขาย ที่พบว่า ในปี 2550 มียอดขายที่เกิดขึ้นจากการที่ลูกค้าศึกษาข้อมูลจากเว็บไซต์ก่อนเข้าชม โครงการจริงสูงถึง 553 ยูนิต รวมมูลค่า 2,400 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 500 ยูนิต

ในขณะที่ปี 2549 มียอดขายผ่านสื่อดังกล่าวที่ 443 ยูนิต เฉลี่ยระดับราคาที่ 4.2 ล้านบาท  และปีนี้ตั้งเป้าที่จะมียอดขายผ่านสื่อนี้เพิ่มเป็น 580 ยูนิต ราคาเฉลี่ยประมาณ 3-4 ล้านบาท ภายใต้การใช้งบการตลาดผ่านสื่อออนไลน์เพียง 1.7% ของงบการตลาดทั้งหมดที่ใช้ประมาณ 2% ของยอดขายรวม

view