สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เปิดยุทธศาสตร์ ชินวัตร ปักธงทั่วปท. กับถุงเงิน เพื่อไทย ใบที่เล็กลงหรือเปล่า!!

ประชาชาติธุรกิจ


รายงานพิเศษ..เปิดยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยส่งคนในตระกูล"ชินวัตร"ปักธงทั่ว ไทย หลังสิ้นเสียง"ทักษิณ"โฟนอินที่เขาใหญ่ กับ 4 แคนดิเดตหัวหน้าพรรคขัดตาทัพ และเงินในกระเป๋าของทักษิณและเครือญาติในปัจจุบันมีมากน้อยแค่ไหน??

หลัง "ทักษิณ" โฟนอินประกาศสู้ไม่ถอยกลางงานสัมมนาพรรคเพื่อไทย โฟนอินที่เขาใหญ่ มีเสียงวิเคราะห์แตกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกมองว่า นี่คือการประกาศชักธงรบครั้งสุดท้าย กับอีกส่วนเห็นต่างว่า นี่คือการสร้างราคาในการเปิดโต๊ะเจรจารอบใหม่กับประชาธิปัตย์และพวกเสื้อ เหลือง

ล่าสุด เสียงจากเขาใหญ่ได้วางยุทธศาสตร์ให้คนในตระกูลชินวัตรคุมโซนพรรคทั่วประเทศ โดยเจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว รับผิดชอบภาคเหนือ นายพายัพ ชินวัตร น้องชาย และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย รับผิดชอบภาคอีสาน
 
นาง เยาวเรศ ชินวัตร รับผิดชอบดูแลภาคใต้ และน้องสุดท้อง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะรับผิดชอบดูแลกรุงเทพฯ และภาคกลาง พร้อมกับข่าวลือที่ว่า ยิ่งลักษณ์จะเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย รับมรดกทางการเมืองต่อจากทักษิณ

ส่วนหัวหน้าพรรคขัดตาทัพ มีชื่อโผล่ออกมา 4 คน ได้แก่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย  รองประธานสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และนายวิทยา บูรณะศิริ
ชื่อที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่ได้ทำให้พลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร ญาติผู้พี่ของทักษิณสบายใจเท่าใดนัก

ฉะนั้น ถ้าทักษิณและพรรคเพื่อไทยจะประกาศสงครามครั้งสุดท้าย ถามว่า เงินในกระเป๋าของทักษิณและเครือญาติมีมากน้อยแค่ไหน

และถ้าไม่นับกระเป๋าเงินของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ที่จดทะเบียนหย่าขาดกับทักษิณไปแล้ว

เอาเข้าจริงแล้ว ก่อนทักษิณจะต้องอาญาแผ่นดิน ระหกระเหินไปอยู่ต่างประเทศ แต่กระนั้น ฐานที่มั่นสำคัญทางธุรกิจของตระกูลชินวัตรก็ยังอยู่ในประเทศไทย และแม้จะขายชินคอร์ปให้กับเทมาเสกไปแล้ว

เมื่อไม่นานมานี้ "ประชาชาติธุรกิจ" ตรวจสอบพบว่า ความมั่งคั่งของตระกูลชินวัตรพบว่า พวกเขายังคงถือหุ้นใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจต่างๆ อย่างน้อย 13 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่มีนางสาวยิ่งลักษณ์เป็นกรรมการผู้อำนวยการ ซึ่งพบว่าปี 2550 มีกำไร 481,772,350 บาท ปี 2549 กำไร 333,593,683 บาท ปี 2548 กำไร 432,008,242 บาท

ขณะที่บริษัทในเครือ คือบริษัท โอเอไอ แอสเสท จำกัด ปี 2550 มีกำไร 119,425,042 บาท ปี 2549 กำไร 22,079,856 บาท ปี 2548 ขาดทุน 17,914,634 บาท บริษัท อัพคันทรี่ แลนด์ จำกัด ปี 2550 มีกำไร 61,084,655 บาท ปี 2549 กำไร 59,396,296 บาท ปี 2549 กำไร 60,319,420 บาท บริษัท วี.แลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ปี 2550 ขาดทุน 341,114 บาท ปี 2549 ขาดทุน 308,098 บาท และปี 2548 ขาดทุน 603,662 บาท

นอกจากนี้ยังมีบริษัท เอสซี ออฟฟิช ปาร์ค จำกัด โดยปี 2549 มีกำไร 22,176,145 บาท ปี 2548 กำไร 22,859,724 บาท ปี 2547 กำไร 23,565,390 บาท บริษัท พี.ที.คอร์ปอเรชั่น จำกัด ปี 2550 ขาดทุน 10,019,165 บาท ปี 2549 ขาดทุน 5,396,220 บาท ปี 2548 มีกำไร 1,828,121 บาท บริษัท เอสซี ออฟฟิช พลาซ่า จำกัด ปี 2550 มีกำไร 13,230,886 บาท ปี 2549 กำไร 1,723,149 บาท ปี 2548 กำไร 2,845,583 บาท

บริษัท เวิร์ธ ซัพพลายส์ จำกัด ปี 2549 กำไร 2,893,690 บาท ปี 2548 กำไร 1,548,065 บาท ปี 2547 กำไร 2,792,310 บาท บริษัท ไอเอไอ คอนซัลแต้นท์ แอนด์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ปี 2548 กำไร 9,464,888 บาท ปี 2547 กำไร 17,058,639 บาท

บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ต คลับ จำกัด ปี 2549 มีกำไร 18,830,342 บาท ปี 2548 กำไร 21,089,814 บาท ปี 2547 กำไร 3,228,202 บาท บริษัท บี.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ปี 2549 มีกำไร 11,613,274 บาท ปี 2548 ขาดทุน 2,788,438 บาท ปี 2547 ขาดทุน 3,002,339 บาท

บริษัท โอเอไอ ลิสซิ่ง จำกัด ปี 2549 ขาดทุน 7,575,637 บาท ปี 2548 ขาดทุน 2,176,484 บาท ปี 2547 ขาดทุน 2,047,905 บาท มหาวิทยาลัยชินวัตร โดยบริษัท โอเอไอ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด ปี 2549 ขาดทุน 437,531,818 ปี 2548 ขาดทุน 2,193,278 บาท ปี 2547 ขาดทุน 2,093,494 บาท

บริษัท ฮาวคัม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ปี 2549 ขาดทุน 26,918,810 บาท ปี 2548 ขาดทุน 22,532,502 บาท ปี 2547 ขาดทุน 1,100,323 บาท ขณะที่บริษัทลูก ฮาวคัม มีเดีย ปี 2550 พบว่าขาดทุน 34,666,393 บาท ปี 2549 กำไร 1,058,248 บาท ปี 2548 ขาดทุน 4,051,166 บาท บริษัท ฮาวคัม สตูดิโอ จำกัด ปี 2549 กำไร 2,457,518 บาท ปี 2548 ขาดทุน 5,043,054 บาท และปี 2547 ขาดทุน 244,480 บาท บริษัท นิวโอ๊ค จำกัด ปี 2549 ขาดทุน 10,451,169 บาท ปี 2548 ขาดทุน 3,065,526 บาท ปี 2547 ขาดทุน 1,067,147 บาท

และบริษัท โรงพยาบาลพระราม 9 จำกัด ปี 2550 มีกำไร 94,659,946 บาท ปี 2549 กำไร 78,798,937 บาท ปี 2548 กำไร 44,465,835 บาท

นอกเหนือจากที่ดินและทรัพย์สินอื่นๆ แล้ว ตระกูลชินวัตรมีบริษัทลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำกัด ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทุนจดทะเบียน 350 ล้านบาท (ชำระแล้ว 3,210 ล้านบาท..?.) มีนางสาวพิณทองทา ชินวัตร และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 58.938% ปัจจุบัน นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นกรรมการและประธานกรรมการบริหาร

นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบทรัพย์สินของคนในตระกูลชินวัตร พบว่าเจ๊แดง เยาวภามีทรัพย์สินล่าสุด   39.6 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินฝาก 4 บัญชี 40,171 บาท ที่ดิน 14 แปลง มูลค่า 22 ล้านบาท บ้าน 1 หลัง ราคา  2 ล้านบาท รถยนต์ 3 คัน มอเตอร์ไซค์ 3 คัน ทรัพย์สินอื่นๆ 15 ล้านบาท หนี้สิน 46,043 บาท

ส่วนนายสมชาย สามี มีทรัพย์สิน 53.7 ล้านบาท เป็นเงินฝาก  7 บัญชี  22.3 ล้านบาท ที่ดิน 8 แปลง 9.2 ล้านบาท บ้าน 2 หลัง 4 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่นๆ 18.1 ล้านบาท รวม 2 คนมีทรัพย์สิน 93.4 ล้านบาท 

แต่นั่นก็ไม่เท่ากับถุงเงินหลักที่ทำกำไรให้  "เจ๊แดง" คือ บมจ.เอ็มลิงค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ปี 2550 มีกำไร 124,973,097 บาท ปี 2549 มีกำไร 67,329,499 บาท ปี 2548 กำไร  179,859,609 บาท และปี 2547 กำไร 178,368,220 บาท

รวมถึงธุรกิจนอกตลาดหลักทรัพย์อีก 9 บริษัท อาทิ บริษัท วาย เทเลคอม บริษัท เอส.ดับบลิว เทเลคอม  บริษัท เทเลแม็กซ์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น บริษัทเอ็มแคปปิตอล จำกัด โฮลดิ้ง เป็นต้น

แต่ธุรกิจทั้งหมด เจ๊แดงได้ถ่ายโอนให้ลูกๆ ทั้ง 3 คน ก่อนจะเล่นการเมือง ซึ่งว่ากันว่า รวมๆ กันแล้วมีมูลค่ากว่าพันล้านบาท
 
ขณะที่เงินของทักษิณและคุณหญิงอ้อถูกอายัดโดยรัฐเฉียด 8 หมื่นล้านบาท

ฉะนั้นแล้ว นี่คือส่วนหนึ่งของถุงเงินของตระกูลชินวัตรที่มองเห็น แม้จะไม่ใช่ถุงเงินแสนล้านเหมือนเมื่อครั้งไทยรักไทยรุ่งเรือง

แต่อย่างน้อยก็พอทำให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยไม่อดอยากปากแห้งมากนัก!
view