สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เปิดผลสอบเอาผิดบิ๊กกบข.(2)

จาก โพสต์ทูเดย์



หมายเหตุ : โพสต์ทูเดย์ได้นำเสนอส่วนหนึ่งของผลสอบที่คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบ การดำเนินงานของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่มี นายสมพล เกียรติไพบูลย์ เป็นประธาน

นายวิสิฐ ได้ชี้แจงว่า เข้าใจว่าในเรื่องดังกล่าวมีการประกาศกบข.ที่ 3/2546 เรื่องจรรยาบรรณและหลักปฏิบัติพนักงานกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ลงวันที่ 31 มี.ค. พ.ศ. 2546 ซึ่งแบ่งแยกจรรยาบรรณของพนักงานกบข. และเลขาธิการกบข.ออกจากกัน และกำหนดหลักปฏิบัติในการซื้อขายหลักทรัพย์ของพนักงานไว้ และตามระเบียบ กบข.ว่าด้วยการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อบัญชีพนักงาน พ.ศ. 2546 ลงวันที่ 30 มิ.ย. พ.ศ. 2546 ได้กำหนดให้พนักงานต้องขออนุญาตก่อนทำการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อบัญชีของ พนักงานกบข.

นายวิสิฐ เข้าใจว่า ตัวเองซึ่งไม่ได้เป็นพนักงาน จึงไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อบัญชีพนักงาน กบข.ดังกล่าว โดยเข้าใจเพียงว่าจะต้องมี การรายงานการซื้อขายหลักทรัพย์เมื่อสิ้นไตรมาสเท่านั้น และที่ผ่านมาฝ่ายธรรมาภิบาลกบข. ไม่ได้มีการตรวจสอบติดตามในเรื่องดังกล่าว

นายวิสิฐ เพิ่งจะมาทราบว่า เลขาธิการ กบข. จะต้องขออนุญาตซื้อขายหลักทรัพย์ เมื่อเกิดเรื่องการตรวจสอบนี้ขึ้นและฝ่ายธรรมาภิบาลกบข. มาแจ้งให้ทราบ โดยที่เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนดังกล่าว นายวิสิฐ จึงชี้แจงว่า ไม่มีเจตนาที่จะไม่ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าว เพราะมีการรายงานการ ซื้อขายหลักทรัพย์ต่อฝ่ายธรรมาภิบาลกบข. เมื่อสิ้นไตรมาสด้วย

สำหรับกรณีที่นายวิสิฐ ทำการซื้อขายหลักทรัพย์ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่ต้องจำกัดการทำธุรกรรม (Restricted List) ตั้งแต่ 26 ม.ค. 2548 จนถึง 27 เม.ย. 2549 คือ IRPC นั้น นายวิสิฐ ชี้แจงว่า หลักทรัพย์ดังกล่าวอยู่ในบัญชีรายชื่อที่ต้องจำกัดการทำธุรกรรม (Restricted List) แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2548 มีการประกาศสู่สาธารณะว่า กบข. จะเข้าไปลงทุนร่วมกับพันธมิตรอื่นๆ ในหลักทรัพย์นั้น รวมทั้งมีการลงนามใน Shared Holder Agreement และระบุราคากันเรียบร้อยแล้วที่ 3.30 บาทต่อหุ้น รวมทั้งทราบกันแล้วว่า พันธมิตรแต่ละรายจะไปลงทุนกันเท่าไร ซึ่งตามปกติควรปลดหลักทรัพย์นั้น ออกจากบัญชีรายชื่อที่ต้องจำกัดการทำธุรกรรม (Restricted List) แล้ว เพราะเป็นข้อมูลที่สาธารณชนรับทราบแล้ว ตัวเองจึงเข้าไปเริ่มต้นลงทุนเมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2548 จึงไม่ได้มีการหาประโยชน์จากข้อมูลภายในที่เป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลง ของราคาหลักทรัพย์อันเป็นการเอาเปรียบบุคคลภายนอก (Insider Trading) เพราะปกติตัวเองจะยึดหลักอยู่ว่า ในช่วงที่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณชน จะเป็นช่วงที่ถูกจำกัดการทำธุรกรรม คือ ต้องไม่มีการลงทุนเรื่องนั้นอยู่แล้ว และราคาของหุ้นดังกล่าวก็มีการปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่ในช่วงที่ได้มีการประกาศ ว่ากบข. และพันธมิตรอื่นจะไปลงทุนในหุ้นนั้นแล้ว

สำหรับเรื่องของการชำระเงินต่างๆ ในวันที่ 13 ธ.ค. 2548 ก็เป็นกระบวนการที่ตามมาหลังจากที่ข้อตกลงในเรื่องการลงทุนของ กบข. และพันธมิตรชัดเจนไปแล้ว จึงถือเป็นข่าวดีที่เผยแพร่สู่สาธารณะที่คนทั่วไปรับทราบ หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีข่าวดีอะไรที่มี ผลกระทบต่อราคาหุ้นอีก การชำระราคาในวันที่ 13 ธ.ค. 2548 ไม่มีผลกระทบต่อราคาหุ้นในช่วงนั้นเลย โดยในวันดังกล่าวราคาหุ้นนั้นก็ยังปรับตัวลดลงอยู่ และหุ้นกลุ่มพลังงานมาปรับตัวขึ้นในเดือนม.ค. 2549 ไม่ใช่หุ้นตัวเดียวที่ขึ้น แต่หุ้นกลุ่มพลังงานทั้งกลุ่มที่ปรับขึ้นมา จึงถือไม่ได้ว่าการชำระราคาในวันที่ 13 ธ.ค. 2548 เป็นข่าวดีที่น่าไปลงทุน

กรณีที่พิจารณาว่า จำนวนและมูลค่าของหลักทรัพย์ที่นายวิสิฐลงทุนมีมากนั้น นายวิสิฐ ชี้แจงว่า เป็นเพราะการรายงาน รวมทั้งไตรมาสที่มีการซื้อขายหลายครั้ง ซึ่งที่จริงแล้วอาจมีจำนวนเงินที่ลงทุนจริงเพียง 5 ล้านบาท

นายวิสิฐ ชี้แจงด้วยว่า สาเหตุที่มีการรายงานไม่ครบถ้วน หรือรายงานล่าช้าเพราะตนเองไม่ได้จัดทำรายงานเอง แต่มอบหมายให้เลขานุการเป็นผู้ดำเนินการให้ และบางครั้งข้อมูลที่โบรกเกอร์ส่งมาให้อาจล่าช้า ตัวเองก็ไม่ได้มีเวลา จึงหลงลืมในการติดตามไปบ้าง และผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว คือ ฝ่ายธรรมาภิบาลกบข. ก็ไม่ได้มาติดตามด้วยตนเองขอยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาปิดบังข้อมูลแต่ประการใด เมื่อฝ่ายธรรมาภิบาลกบข. มาติดตามและเห็นว่าการรายงานไม่ครบ ตัวเองก็รายงานข้อมูลทั้งหมดให้ครบในเวลาต่อมา

ทั้งนี้ การรายงานข้อมูลจะเป็นไปตามแบบที่กำหนด โดยเลขานุการเป็นผู้จัดทำมาให้ ซึ่งตนเองก็ไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล เนื่องจากมีภารกิจมาก และเห็นว่าเป็นข้อมูลที่เคยทำกันมาแล้ว จึงไม่ได้สนใจมากนัก โดยยืนยันว่า ข้อบกพร่องดังกล่าว มิได้มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน และไม่ได้ ใช้ข้อมูลภายในของกบข. ไปแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ตัวเองหรือผู้อื่น ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการกบข. ก่อนเข้ามาดำรงตำแหน่งว่า ตัวเองได้มี การซื้อขายหลักทรัพย์อยู่แล้ว และโดย ข้อเท็จจริงแล้ว เมื่อคิดถึงผลกำไรขาดทุน จากการซื้อขายหลักทรัพย์ในระยะที่ผ่านมาและการ Mark to Market ยังประสบการขาดทุนอยู่

อย่างไรก็ตาม การลงทุนของตนเองส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในระยะยาว จะมีการซื้อขายระยะสั้นเพื่อผลกำไรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

คณะกรรมการเฉพาะกิจ มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อบัญชีพนักงาน ดังนี้

  • พนักงานกบข.บางส่วนมีการไม่ปฏิบัติตามระเบียบ ประกาศ และหลักทรัพย์เกี่ยวกับจรรยาบรรณของพนักงาน กบข. และการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อบัญชีของพนักงานกบข.

 

  • การกำกับดูแลและตรวจสอบการปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวของฝ่ายธรรมาภิบาล กบข. เป็นไปอย่างล่าช้าเกินสมควร โดยฝ่ายธรรมาภิบาลกบข. เริ่มมีการตรวจสอบข้อมูลการรายงานธุรกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อบัญชี พนักงาน กบข. ในช่วงต้นปี 2552 และตรวจสอบย้อนหลังไปจนถึงปี 2546 ซึ่งเป็นปีที่ระเบียบดังกล่าวใช้บังคับ ทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามระเบียบของพนักงานกบข. ดังกล่าวปรากฏขึ้นในภายหลัง จึงไม่สามารถแจ้ง หรือตักเตือนให้พนักงานกบข. ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวได้ในทันที

กบข. ควรพิจารณาทบทวนและปรับปรุงกระบวนการกำกับดูแลและตรวจสอบการปฏิบัติตาม ระเบียบเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อบัญชีพนักงานกบข.เพื่อให้การ ป้องกันข้อขัดแย้งทางผลประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของระเบียบดังกล่าวมี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

view