ประเด็นที่ 1 การใช้ข้อมูลภายในในการซื้อขายหลักทรัพย์ อันเป็นความผิดตามมาตรา 241 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ที่กำหนดห้ามบุคคลใดซื้อหรือขายหุ้นของบริษัทจดทะเบียนโดยอาศัยข้อเท็จจริง ที่ตนได้ล่วงรู้มาจากการปฏิบัติหน้าที่หรือโดยตำแหน่ง ซึ่งข้อเท็จจริงมีสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาของหุ้นและยังไม่ได้เปิด เผยต่อประชาชน ไม่ว่าการกระทำดังกล่าวจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น หรือนำข้อเท็จจริงเช่นนั้นออกเปิดเผยเพื่อให้ผู้อื่นซื้อขายหุ้นโดยตนได้รับ ประโยชน์ตอบแทน ซึ่งการกระทำฝ่าฝืนมาตรานี้เป็นความผิดอาญาต้องมีการเปรียบเทียบปรับหรือ กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ ในกรณีของนายวิสิฐนั้น จากข้อมูลที่ก.ล.ต. ได้รับในเบื้องต้นตามผลการตรวจสอบของคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบการ ดำเนินงานของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ยังไม่อาจชี้ชัดว่าเข้าข่ายฝ่าฝืนพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ หรือไม่ ก.ล.ต.จึงต้องทำการตรวจสอบเพิ่มเติมตามกระบวนการปกติ เพื่อขยายผลการตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป ซึ่งการตรวจสอบยังไม่แล้วเสร็จ
2.การซื้อขายดักหน้ากองทุน เนื่องจากล่วงรู้ข้อมูลการลงทุนหรือการซื้อขายหุ้นของกองทุนที่ไม่เข้าองค์ ประกอบความผิดตามมาตรา 241 กรณีนี้ถึงแม้ไม่ถือเป็นความผิดตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ แต่ก็เป็นความผิดทางจรรยาบรรณ เพราะเป็นการเอาเปรียบกองทุนและสมาชิก ซึ่งหากผู้กระทำผิดเป็นผู้บริหารของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ทั่วไปที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของก.ล.ต. ก็มีมาตรการลงโทษเริ่มตั้งแต่ตักเตือน ภาคทัณฑ์ สั่งพัก จนถึงเพิกถอนการให้ความเห็นชอบ
อย่างไรก็ตาม การที่กบข. ไม่ใช่หน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของก.ล.ต. หากมีความผิดเกิดขึ้นต้องเป็นเรื่องภายในองค์กรกบข. ในการตรวจสอบและลงโทษตามกฎระเบียบวินัยขององค์กรเอง
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการก.ล.ต. กล่าวว่า ขอยืนยันว่าเรื่องนี้จะดำเนินการอย่างตรง ไปตรงมา และเมื่อผลการตรวจสอบมีข้อยุติประการใดแล้ว ผมจะแจ้ง ให้รมว.คลังทราบด้วย ในฐานะ ที่ท่านเป็นผู้ดูแลกฎหมายเกี่ยวกับกบข.