สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

รถเมล์เอ็นจีวีต้องจบให้โปร่งใส/คอลัมน์ส่องความคิด

จาก โพสต์ทูเดย์
รายงานโดย :ช่อพลับพลึง:



รถเมล์เอ็นจีวีต้องจบให้โปร่งใสดูเหมือนจะ กลายเป็นเรื่องที่จบยาก หรือลงเอยไม่ได้ง่ายๆ เสียแล้ว สำหรับโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน แม้ว่าคณะรัฐมนตรีจะมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ (สศช.) กลับไปศึกษามาใหม่ก็ตาม แต่กระแสคัดค้านก็ยังไม่เบาลงสักเท่าไร เพราะล่าสุดเหล่ากรรมาธิการทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ต่างร่วมกันผนึกกำลังออกโรงคัดค้านกันเต็มที่

โดย น.ส.รสนา โตสิตระกูล สว.กทม. ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล กล่าวว่า เห็นด้วยที่ให้สศช. ศึกษาโครงการนี้ แต่ไม่ควรให้ศึกษาเฉพาะประเด็นเช่าหรือซื้อเท่านั้น เพราะมีปัญหาหลายประเด็นที่ควรจะต้องมีการศึกษาด้วย เช่น การบริหารในสัญญามีการแบ่งเป็นช่วง

นอกจากนี้ ยังพบในหลายประเด็นที่ทำให้รัฐจะเสียประโยชน์ เช่น การเสียค่าปรับหากการส่งมอบรถไม่เป็นไปตามสัญญา 11.90 บาทต่อวันต่อคันถือว่าน้อยมาก ค่าประกันภัยรถรวมอยู่ในค่าเช่า แต่ไม่ได้กำหนดว่าหากวิ่งไม่ถึง 300 กม. ผู้ให้เช่าต้องคืนส่วนต่างตรงนี้หรือไม่ ซึ่งเฉลี่ยแล้วรถเมล์จะวิ่งวันละ 240 กม.

การกำหนดทีโออาร์เช่นนี้ทำให้รัฐขาดทุน ถือว่าจงใจทุจริต และการที่ขสมก. และรัฐบาลบอกว่า โครงการนี้จะได้กำไร 5 หมื่นล้านบาท แต่ความจริงขาดทุนถึง 6 หมื่นล้านบาทในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า

ขณะที่พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทย ก็ได้เดินทางเข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้พิจารณาโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก พร้อมต้องรับผิดชอบหากโครงการนี้ไม่เป็นผลสำเร็จ และควรพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบและรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่าได้พิจารณาการใช้งบประมาณแผ่นดินอย่าง โปร่งใสมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด

ด้านเจ้าของโครงการอย่าง โสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ก็ออกมายืนยันเสียงแข็งเช่นเดิมว่า วิธีการเช่าดีกว่าการซื้อแน่นอน และต้องเช่าเป็นจำนวน 4,000 คันด้วย ถึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนทั้งประเทศ แต่ทั้งนี้หากบอร์ดสศช. จะสรุปผลออกมาอย่างไรกระทรวงคมนาคมก็พร้อมที่จะยอมรับและปฏิบัติตาม

เมื่อมองในภาพรวมของเรื่องนี้แล้ว จะเห็นได้ว่าปัญหาคงจะไม่ได้จบตรงที่ การตัดสินของสศช. ว่าจะให้ซื้อ หรือให้เช่า เพราะการที่ครม. มีมติให้สศช. ไปพิจารณาแค่ประเด็นเช่าหรือซื้อนั้น กลับกลายเป็นประเด็นปัญหาไป เมื่อกมธ.วุฒิสภาได้พูดดักไว้แล้วว่า ไม่ว่าผลสรุปจะออกมาว่าให้ซื้อหรือเช่าก็ตาม กมธ.ก็จะยังคงเดินหน้าคัดค้านโครงการนี้อยู่ดี เพราะสิ่งที่ครม. ให้สศช. กลับไปศึกษา ไม่ควรให้ศึกษาเฉพาะประเด็นเช่าหรือซื้อเท่านั้น

นั่นหมายความว่า ไม่ว่าจะเช่าหรือซื้อก็มีเสียงคัดค้านอยู่ดี ดังนั้นการตัดสินใจสุดท้ายจึงอยู่ที่ครม. ว่าจะตัดสินใจอย่างไร จะมีการอนุมัติโครงการทั้งๆ ที่ยังมีเสียงคัดค้านอยู่หรือไม่ หรือว่ายอมหักน้ำใจพรรคร่วมอย่างภูมิใจไทย ตีกลับโครงการให้กระทรวงคมนาคมกลับไปศึกษาถึงความคุ้มทุนอีกรอบ เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้น เผื่อว่าความเสี่ยงต่อการขาดทุนจะน้อยลง

แต่สุดท้ายแล้วโครงการนี้ต้องเกิดแน่นอน แต่จะเกิดอย่างไรที่จะให้ดูโปร่งใสคงเป็นเรื่องยาก ยิ่งมีการโหมโฆษณา ก็ยิ่งจะทำให้คนยิ่งข้องใจกันมากขึ้น ว่าโครงการนี้สำคัญไฉน ถึงยอมทุ่มเงินลงโฆษณาแผ่หลากันซะขนาดนั้น และเมื่อมีการลงทุนก็ย่อมจะมีการถอนทุน ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่คนจะคิดเช่นนี้

ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นการวัดฝีมือ ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี รมว.คมนาคม และหลายๆ ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องว่าจะทำให้โครงการนี้เกิดมาได้อย่างไรโดยไม่มีเสียง วิพากษ์วิจารณ์ หรือเสียงคัดค้านถึงความโปร่งใส

view