สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ไพฑูรย์ลั่นเอาผิดอดีตเลขาฯสปส.เอี่ยวคอมพ์

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์



รมว.แรงงานลั่นชี้มูลความผิดอดีตเลขาฯสปส.เอี่ยวคอมพ์ฉาว 2,894ล้าน ด้านเลขาสปส.ติดใจป.ป.ช. ไม่พูดถึงการประมูล-บริษัท ชี้แค่อดีตเลขาฯไม่เป็นธรรม

นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดวินัยอาญานายไพโรจน์ สุขสมัฤทธิ์ อดีตเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กระทรวงแรงงาน ปฏิหน้าที่โดยมิชอบในการทำสัญญาเช่าจัดหาและดำนินการระบบงานเทคโนโลยี สารสนเทศแรงงานของ สปส.มูลค่า 2,894 ล้านบาท ว่ายังไม่ทราบรายละเอียดมติของป.ป.ช.ว่าชี้มูลความผิดในประเด็นใดบ้าง ทราบแต่เพียงในหน้าหนังสือพิมพ์ และ ยังไม่ได้รับหนังสือชี้แจงจาก ป.ป.ช.

แต่เรื่องนี้กระทรวงต้องติดตาม ตรวจสอบอยู่แล้ว สำหรับขั้นตอนต่อไปต้องมีการปรึกษาฝ่ายกฎหมายของกระทรวงเพื่อดูว่ามูลความ ผิดเป็นเช่นไร ถึงแม้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดในสมัยที่ตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ในฐานะที่ดูในปัจจุบันนี้ก็ต้องสะสาง

นายไพฑูรย์ กล่าวอีกว่า ส่วนการดำเนินการโครงการฯซึ่งล่าสุดได้มีปรับแต่งให้มีขนาดเล็กลงและถูกต้อง ตามกฎหมายและได้เซ็นสัญญาพร้อมจ่ายเงินให้กับบริษัทเอกชนไปแล้ว 2 งวด ขณะนี้ได้สั่งการให้นายสมชาย ชุ่มรัตน์ ปลัดกระทรวงแรงงานและ ในฐานะประธานคณะกรรมการประกันสังคม(บอร์ด สปส.) ไปศึกษาในข้อกฎหมายว่าขัดกับมติที่ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดหรือไม่ ส่วนกรณีกรรมาธิการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร จะมีการขอมติดังกล่าวไปสอบสวนเพื่อเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมนั้น เป็นเรื่องที่ถูกต้องและเหมาะสมแล้วเพราะฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่ตรวจสอบ การทำหน้าที่ของรัฐบาล ซึ่งเมื่อกรรมาธิการตรวจสอบและสรุปเช่นไร ก็จะเสนอให้สภาผู้แทนราษฏรรับทราบและดำเนินการต่อไป

นายปั้น วรรณวินิจ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า จะนำมติของป.ป.ช.ให้ฝ่ายกฎหมายของ สปส.ว่ามูลความผิดนั้นเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานโครงการที่กำลังทำอยู่หรือ ไม่ ซึ่งถ้าเกี่ยวข้องจะทำอย่างไร แต่จากการดูเบื้องต้นแล้ว เป็นในลักษณะการเร่งรีบดำเนินการมากกว่า ไม่พูดถึงขั้นตอนการอนุมัติ ไม่พูดถึงการประเมิน ตรงนี้จึงไม่น่าจะกระทบกับโครงการที่ดำเนินการอยู่เนื่องจากโครงการที่ ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันลดขนาดเหลือเพียง 2.3 พันล้านและมีการรับรองจากอัยการสูงสุด รวมถึงทำตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาที่ตีความว่าให้ใช้ได้เพียงในหน่วยงานของ สปส.เท่านั้น และขณะนี้ สปส.ได้ทำการจ่ายเงินค่าเช่าให้กับบริษัท เอส โอ เอ คอนเซอร์เทียม จำกัด 2 งวดเป็นเงินประมาณ 1 พันล้านบาทโดยจะหมดสัญญาเช่าในปี 2555 หลังจากนั้นค่อยมาทำข้อตกลงกันอีกครั้งหนึ่ง

"ตอนที่ผมเข้ามามีการตรวจรับเรียบร้อยแล้วและไม่มีใครท้วงติง แต่ผมติดใจมากเรื่องนี้เพราะมีการชี้มูลโยนให้นายไพโรจน์ มากไปหน่อยพิจารณาเฉพาะประเด็นขั้นตอนการอนุมัติ เร่งรีบ ตัดตอนเพียงแค่นี้ไม่พูดถึงการประมูล การนำบริษัทเข้ามา ไม่พูดถึงราคาที่แข่งขันกัน น่าเห็นใจและเห็นว่าไม่เป็นธรรมกับนายไพโรจน์ ” นายปั้น กล่าว

สำหรับขั้นตอนการสอบสวนนายไพโรจน์นั้น ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ อกพ.กระทรวงเป็นคนพิจารณาจัดการ

นายปั้น กล่าวอีกว่า การดำเนินการ ระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศแรงงานของ สปส.นั้นถือว่าเป็นหัวใจของการดำเนินงานด้านบริการของ สปส.เพราะเป็นระบบซอฟแวร์ สร้างเครือข่าย สร้างระบบการจัดเก็บข้อมูล และ เชื่อมโยงกันทั้งระบบทั่วประเทศ เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการบริการด้านสิทธิประโยชน์แก่ลูกจ้างผู้ประกัน ตนซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 9.3 ล้านคนทั่วประเทศ

ขณะที่นายไพโรจน์ อดีตเลขา สปส. กล่าวว่า ต้องขอโทษด้วยจริงๆ เพราะว่าฝ่ายกฎหมายได้แนะนำว่าไม่ให้พูดถึงเรื่องนี้ เพราะเกรงว่าจะเสียรูปคดีได้

view