สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ขีดเส้นฟันทุจริตธอส.สัปดาห์หน้า

โพสต์ทูเดย์

 —
ประธานบอร์ดธอส. เปิดเผยสอบพนักงาน-ผู้บริหารเสร็จแล้ว เตรียมปิดคดีทุจริต 499 ล้าน
นายนริศ ชัยสูตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการสอบสวนการทุจริตธอส. จำนวนเงิน 499 ล้านบาท ที่มีน.ส.โสภาวดี เลิศมนัสชัย เป็นประธาน ได้สอบสวนพยานบุคคลเสร็จสิ้นแล้ว โดยมีการสอบสวนตั้งแต่เจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงถึงผู้ปฏิบัติงาน

ทั้งนี้ คณะกรรมการสอบสวนเตรียมประชุมขั้นสุดท้ายในสัปดาห์หน้าเพื่อสรุปการสอบสวน ทั้งหมด โดยจะพิจารณาทั้งพยาน เอกสาร และพยานบุคคล เบื้องต้นพบว่าการทุจริตดังกล่าว นอกจากเกิดจากพนักงานไม่สุจริตแล้ว ยังเกิดจากความ ไม่พร้อมการขาดการสื่อสารในองค์กรที่ดี และการขาดความเข้าใจในระบบคอร์แบงกิง (Core Banking System : CBS) อย่างเพียงพอ

นอกจากนั้น ระบบการกำกับดูแลและการตรวจสอบยังต้องมีการปรับปรุงให้ดี ขึ้นอีก ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีผู้รับผิดชอบในแต่ละส่วน โดยขั้นตอนต่อไปจะต้องมีการระบุบุคคลที่กระทำทุจริต และที่เกี่ยวข้อง กับการทุจริตหรือมีส่วนให้เกิดการทุจริต ซึ่งเมื่อได้บุคคลดังกล่าวแล้วจะส่งกรรมการสอบสวนวินัยให้ดำเนินการต่อไป

“กรณีนี้ต้องมีผู้รับผิดชอบแน่นอน แต่การสอบสวนอาจจะช้าไปบ้าง แต่อยู่ในระยะเวลาที่ขอนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลังไว้ เพราะต้องการให้เกิดความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย” นายนริศ กล่าว

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ช่องโหว่ในการทุจริตที่คณะกรรมการตรวจสอบพบ คือกระบบคอมพิวเตอร์ของธอส.ที่ขาดประสิทธิภาพ จนเกิดความผิดพลาดในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยผลตอบแทนให้แก่ลูกค้าบ่อยครั้ง ทำให้ที่ผ่านมาฝ่ายนโยบายของธอส. ต้องให้พนักงานสาขาใช้ระบบคีย์ข้อมูลลูกค้าเป็นรายบุคคล แทนที่จะปล่อยให้เครื่องคำนวณอัตโนมัติ

“ตรงนี้เป็นช่องโหว่ให้พนักงานสาขา มีการคีย์ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง โยกย้ายถ่ายโอนเงินเข้าบัญชีตัวเองและเครือข่าย” แหล่งข่าวเปิดเผย

ก่อนหน้านี้ ธอส.ได้ว่าจ้างบริษัท Infosys เป็นผู้วางระบบคอร์แบงกิง ต่อมาเกิด มีปัญหาจึงว่าจ้างบริษัท ดาต้าแมท มาดำเนินการแทน ซึ่งก็ยังแก้ไขไม่เสร็จสมบูรณ์ กระทั่งบริษัท ซุปเปอร์บล็อก มาเทกโอเวอร์บริษัท ดาต้าแมท แต่ระบบคอมพิวเตอร์ก็ยังไม่เรียบร้อย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว นายสมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช อดีตพนักงานธุรกิจสาขาอาวุโส ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ประจำสาขาเซนต์หลุยส์ 3 ก่อเหตุยักยอกเงินของธนาคารกว่า 499 ล้านบาท โดยนายสมเกียรติได้โยกดอกเบี้ยที่ต้องเข้าบัญชีลูกค้าเงินฝากมาเข้าบัญชี ส่วนตัวและนำไปซื้อทรัพย์สิน เช่น บ้านและรถยนต์หรู ขณะเดียวกันก็นำเงินไป ซื้อลอตเตอรี่จำนวนมากในแต่ละงวด

ล่าสุด พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้ออกหมายจับ น.ส.นงลักษณ์ เครือน่าน อายุ 29 ปี เพื่อนสาวคนสนิทของนายสมเกียรติ ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งศาลอาญา ได้อนุมัติหมายจับดังกล่าวแล้ว ขณะนี้ อยู่ระหว่างการประสานฝ่ายสืบสวน กก.1 บก.ป.ติดตามจับกุม อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าพนักงานสอบสวนเชื่อว่านายสมเกียรติไม่ได้กระทำการคนเดียว แต่อาจมีพนักงานอีกหลายคนร่วมกระทำผิดด้วย จึงอาจมีการนำระบบคอมพิวเตอร์ที่นายสมเกียรติใช้มาตรวจสอบอีกครั้ง

view