จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

       ข้อเสนอแนะ 8 – ยกเลิกการแจ้งให้ปฏิบัติให้ถูกต้อง 2 ครั้งก่อนเลิกสัญญาและยกเลิกอนุญาโตตุลาการ
       
       อสมท ควรสงวนสิทธิในการบอกเลิกสัญญาในกรณีผู้รับสัญญาไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ ตกลงไว้ การกำหนดให้ อสมท ต้องแจ้งผู้รับสัญญาให้ปฏิบัติให้ถูกต้องถึง 2 ครั้ง และให้โอกาสผู้รับสัญญาปฏิบัติให้ถูกต้องก่อนจึงสามารถบอกเลิกสัญญาได้ เท่ากับเป็นการส่งเสริมให้ผู้รับสัญญาไม่เกรงที่จะกระทำผิดสัญญา หรือซื้อเวลาให้ผู้รับสัญญาไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องเมื่อได้กระทำผิดสัญญาแล้ว
       
       เช่นเดียวกับการใช้อนุญาโตตุลการ เนื่องจากในภาวะปัจจุบัน การนำอนุญาโตตุลาการมาใช้ในการแก้ปัญหา มีแนวโน้มที่จะถูกใช้เป็นกระบวนการถ่วงเวลามากกว่าที่จะใช้เป็นกระบวนการ เร่งรัดขจัดข้อพิพาทขัดแย้ง ทั้งบุคคลผู้เป็นอนุญาโตตุลาการ ( บางคน ) ยังมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้รับสัญญา และมีโอกาสถูกควบคุมหรือ Lobby จากผู้คัดเลือก ดังนั้น กระบวนการทางศาลยังสมควรใช้เป็นข้อกำหนดในการขจัดปัญหาขัดแย้งระหว่างผู้รับ สัญญา
       
       ข้อเสนอแนะ 9 – การอนุมัติหรือลงนามผูกพันในสัญญา
       
       อสมท ควรกำหนดขั้นตอนที่รัดกุมในการแต่งตั้งบุคคลในการลงนามในสัญญาต่างๆ และไม่ควรให้อำนาจบุคคลคนเดียวเป็นผู้มีอำนาจในการอนุมัติหรือลงนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสัญญาที่มีผลกระทบถึงวัฒนธรรม และความมั่นคงต่อประเทศ
       
       ข้อเสนอแนะ 10 – การมอบหลักประกันสัญญาและการกำหนดบทลงโทษ
       
       ในทางปฎิบัติของการทำธุรกิจ สัญญาขนาดใหญ่ต้องมีการประกันและควบคุมมาตรฐานในการปฏิบัติตามสัญญา การวางหลักประกันที่น่าเชื่อถือเป็นจำนวนร้อยละของค่าตอบแทนที่จะให้แก่ อสมท ถือเป็นการควบคุมการปฎิบัติตามสัญญาที่ได้ผล และเพื่อความเป็นธรรมของผู้วางหลักประกัน บรรดาดอกผลต่างๆ ที่เกิดจากหลักประกันควรมอบให้แก่ผู้วางหลักประกันนั้น นอกจากการประกันสัญญาแล้ว บทลงโทษต่างๆ เช่น การริบหลักประกันสัญญา การบอกเลิกสัญญา การเรียกค่าเสียหาย ก็มีส่วนช่วยในการควบคุมให้ผู้รับสัญญาปฏิบัติตามข้อตกลง นอกจากนั้น การเรียกค่าเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตก็เป็นมาตรการหนึ่งที่ควรกำหนดไว้ ในสัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ผลของความเสียหายอาจปรากฏภายหลังจากการเลิกสัญญา แล้ว
       
       ข้อเสนอแนะ 11 – การมีส่วนร่วมในการอนุมัติรับรองแผนธุรกิจ
       
       สัญญาควรกำหนดให้ อสมท มีสิทธิที่จะเข้าร่วมและรับรู้ในการอนุมัติรับรองแผนงานทางธุรกิจประจำปี ในทุกๆปี สัญญาควรกำหนดให้ผู้รับสัญญาต้องเสนอแผนงานทางธุรกิจแก่ อสมท เพื่อรับทราบและให้การอนุมัติเห็นชอบทุกครั้งที่มีการเสนอหรือเปลี่ยนแปลง แผนงาน แม้ว่าสัญญาจะระบุว่า ผู้อำนวยการ อสมท ทำหน้าที่ในการบริหารงานของผู้รับสัญญา สัญญาก็ยังควรระบุถึงอำนาจหน้าที่ในการอนุมัติรับรองแผนธุรกิจไว้เป็นการ ชัดเจน
       
       ข้อเสนอแนะ 12 – การป้องกันความเสี่ยงจากการถูกฟ้องร้อง
       
       ตามที่ระบุในสัญญาร่วมดำเนินกิจการส่งโทรทัศน์สีแก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2530 บีอีซี ตกลงยินยอมให้ผู้อำนวยการ อสมท หรือผู้แทนเป็นผู้อำนวยการไทยทีวีสีช่อง 3 และจ่ายค่าตอบแทนให้ตามสมควรตามที่ตกลงกับ อสมท ต่อไป จากการที่ในสัญญาร่วมดำเนินกิจการส่งโทรทัศน์สีระบุข้อความดังกล่าว แม้ว่าข้อเท็จจริง ผู้อำนวยการ อสมท ( ปัจจุบันเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ อสมท ) จะไม่ได้เป็นผู้อำนวยการไทยทีวีช่อง 3 แต่ อสมท อาจจะมีคามเสี่ยงจากการถูกฟ้องร้อง โดยบุคคลภายนอกได้ อสมท ควรจะทำประกันภัย ( Professional Indemnity Insurance ) เพื่อป้องกันความเสี่ยสำหรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการถูกฟ้องในอนาคต ( ถ้ามี )
       
       บทสรุป
       
       การศึกษาสัญญาร่วมดำเนินกิจการส่งโทรทัศน์สีระหว่าง อสมท กับ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้น จำกัด ( บีอีซี ) แสดงให้เห็นว่า การแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาครั้งที่ 3 ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการจัดสรรผลประโยชน์จากการร่วมดำเนินกิจการกับบี อีซี และทำให้ผลตอบแทนที่ อสมท ได้รับในระหว่างปี 2533 ถึงปี 2548 มีจำนวนลดลงเป็นอย่างมาก ผลของการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ในความเป็นจริง อสมท ควรได้รับผลตอบแทนจากรายได้ในอัตราร้อยละ 15.20 ถึง 25.73 ( มิใช่ ร้อยละ 1.43 ตามที่ได้รับในปัจจุบัน ) และเนื่องจากการแก้ไขสัญญากำหนดให้บีอีซีสามารถขยายระยะเวลาการดำเนินกิจการ ออกไปอีก 10 ปี ( นับจากปี 2553 ) ความเป็นธรรมของสัญญาร่วมดำเนินกิจการนี้จะส่งผลต่อ อสมท ไปอีกจนถึงปี 2563
       
       นอกจากการแก้ไขสัญญาจะทำให้บีอีซีสามารถจ่ายค่าตอบแทนให้ อสมท ด้วยจำนวนที่น้อยเกินสมควรแล้ว บีอีซียังมีพฤติกรรมไม่โปร่งใสทั้งอดีตและในปัจจุบัน เช่น การให้ผู้สอบบัญชีที่ขาดความน่าเชื่อถือลงลายมือชื่อรับรองงบการเงิน และการโอนทรัพย์สินบนที่ดินเช่าจากบริษัทที่เกี่ยวข้องให้กับ อสมท (จบ)