จาก โพสต์ทูเดย์

รายงานโดย :สุรชัย กำพลานนท์วัฒน์

surachaik@hotmail.com:

แม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ด้วยการให้สถาบันการเงินทั้งของรัฐและเอกชนช่วยกันอัดฉีดสินเชื่อเสริมสภาพ คล่องให้ผู้ประกอบการหลายๆ รูปแบบแล้วก็ตาม

แต่ในทางปฏิบัติก็ยังให้การช่วยเหลือได้ไม่เต็มที่นัก และอย่างที่เป็นข่าวบ่อยๆ ...สถาบันการเงินทั้งหลายก็จะถูกสังคมตำหนิติติงว่า...ตั้งเงื่อนไขเข้มงวด เกินไปบ้าง ไม่ยอมปล่อยสินเชื่อบ้าง กลายเป็น จำเลยของผู้คนที่ยังไม่ทราบเนื้อหารายละเอียดว่า จริงๆ แล้วมันติดขัดด้วยเรื่องอะไรจึงทำให้สถาบันการเงินทั้งหลายไม่สามารถขับ เคลื่อนความช่วยเหลือไปให้กับคนที่กำลังลำบากในขณะนี้ได้อย่างที่ควรจะเป็น

ผมจึงอยากหยิบบ้างประเด็นมาแจกแจงแถลงไขแทนบรรดานายธนาคารที่น้ำท่วมปาก ...เป็นประเด็นที่อยากนำเสนอต่อรัฐบาลให้พิจารณาทลายจุดตัน เพื่อให้นโยบายและการปฏิบัติงานไหลลื่นไปได้ด้วยดี

สถาบันการเงินทุกแห่งล้วนมีกฎเกณฑ์กติกาตามระบบมาตรฐานและมีการ กำกับตรวจสอบโดยหน่วยงานของรัฐอย่างเข้มงวด กรณีเป็นธนาคารพาณิชย์กำกับและตรวจสอบโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ส่วนสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐก็ไม่ได้พิเศษกว่ากัน นอกจากกำกับและตรวจสอบโดยกระทรวงการคลังแล้ว ยังมีการใช้บริการของธนาคารแห่งประเทศไทยมาร่วมกำกับตรวจสอบอีกชั้นหนึ่ง ด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้มีการทำงานแบบหละหลวมหรือทุจริตอันเป็นเหตุทำให้เกิด ความเสียหาย ซึ่งในที่สุดกระทรวงการคลังก็ต้องเอาเงินภาษีมาเพิ่มทุนทีหลัง

หลักการเป็นเช่นนี้ เพราะฉะนั้นธนาคารก็จะไม่เหมือนโรงรับจำนำที่นำทรัพย์สินมาก็สามารถเปลี่ยน เป็นเงินสดออกไปได้เลย หรือไม่เหมือนมูลนิธิที่ให้เงินทุนกับผู้ที่เหมาะสมโดยพิจารณารายละเอียดไม่ มากนัก

กฎเกณฑ์กติกาในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินทุกแห่ง ผมคิดว่าไม่แตกต่างกันมากนัก และผู้คนส่วนใหญ่พอจะเข้าใจเกณฑ์หรือกติกาขั้นตอนต่างๆ ของธนาคารพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เคยเป็นลูกค้าสินเชื่อกับธนาคารมาก่อนยิ่งทราบว่ามี อะไรบ้าง

ผมอยากยกตัวอย่างหนึ่งในหลายข้อที่เป็นประเด็นเกณฑ์คุณสมบัติของผู้ขอสินเชื่อ มาถกกันวันนี้

“ผู้กู้ต้องมีความรับผิดชอบและมีความสามารถในการชำระหนี้ที่จะขอกู้ได้” เกณฑ์ข้อนี้เป็นด่านแรกๆ ของการพิจารณา นั่นแปลว่าผู้กู้ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือนิติบุคคล ควรจะไม่มีประวัติทางการเงินที่ไม่ดี ไม่ควรมีปัญหาความไม่รับผิดชอบหนี้ที่เคยใช้บริการมา ถ้าเคยมีปัญหาแต่มีหลักฐานว่าเคลียร์จบไปแล้ว หรือมีการปรับโครงสร้างหนี้และกำลังทยอยผ่อนจ่ายกันอยู่ตามเงื่อนไข ก็ยังถือว่าโอเค พอช่วยได้ แต่ถ้าปัจจุบันยังมีประวัติถูกบันทึกโชว์ไว้ ก็ถือว่าช่วยได้ยากจริงๆ

ไม่ใช่ไม่อยากช่วย แต่ช่วยไปแล้ว...ในที่สุดถ้าโชคร้ายรายนั้นกลายเป็นหนี้เสียขึ้นมาอีกละก็ งานนี้คนที่ช่วยจะมีปัญหาตามมาทันที หน่วยงานที่กำกับและตรวจสอบอาจมองว่าธนาคารนั้นมีการพิจารณาสินเชื่อแบบหละ หลวม ไม่รอบคอบ ไม่ใช้ความระมัดระวังในการทำงาน หนักกว่านั้น...อาจมีสิทธิเจอข้อหาว่า รู้ๆ อยู่แล้วว่า ผู้กู้ไม่มีความสามารถยังจะปล่อยสินเชื่อให้ไปอีก กลายเป็นประเด็นมีนอกมีในมีอะไรเลยเถิดหรือเปล่า...หายนะในหน้าที่การงานก็ จะตามมา

หลายท่านอาจจะแย้งว่า มันควรแยกแยะนะว่าประวัติการเงินที่มีปัญหานั้น เจ้าตัวตั้งใจหรือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยทางธุรกิจ ไหนเจอวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์เอย ไหนเจอเรื่องปิดสนามบินเอย ไหนเจอเรื่องจลาจลเอย แถมมาเจอเรื่องไข้หวัดใหญ่ 2009 เข้าให้อีก คนดีๆ ก็มีสิทธิเดี้ยงได้ ไม่ได้ตั้งใจอยากเบี้ยวหนี้ซะหน่อย!!

อันนี้ก็เป็นเรื่องจริงและเป็นเรื่องน่าเห็นใจยิ่ง แต่ในทางปฏิบัติมันแยกแยะลำบาก คงต้องพิสูจน์กันวุ่นวาย กว่าจะเคลียร์แต่ละคนได้ ลูกค้าคงขาดใจตายก่อนอนุมัติสินเชื่อ

เรื่องแบบนี้จะไปโทษธนาคารก็โทษไม่ได้เต็มปาก...เพราะเกณฑ์มัน เป็นอย่างนี้ ผลกรรมที่เคยเกิดกับธนาคารกรณีทำนองนี้ก็มีไม่น้อย จะไม่ปฏิบัติตาม...ก็มีปัญหา

ครั้นจะไปโทษลูกค้าก็ไม่ควร คนกำลังเดือดร้อนเหมือนลอยคอกลางน้ำ ถ้าไม่รีบส่งห่วงยางให้เร็วๆ ก็มีหวังจมน้ำตายกันหมด จะไปหวังหาคนที่แข็งแรงจริงๆ ก็ไม่อยากกู้ จะหาเอาคนที่ไม่มีปัญหาเลยก็เหลือน้อยเต็มที เวลานี้คนที่อยากกู้เงินก็มักจะติดเรื่องประวัติเครดิตทางการเงินเป็นส่วน ใหญ่

ถามว่าประเด็นนี้จะมีทางออกทางแก้อย่างไร??

ต้องให้รัฐบาลช่วยครับ...ออกนโยบายผ่อนผันเกณฑ์เรื่องนี้ให้ทุกฝ่ายสามารถทำงานได้

โดยเฉพาะคนที่โชคร้ายติดประวัติเครดิตทางการเงินแบบ ไม่ตั้งใจ ผิดพลาดเพราะเศรษฐกิจมันแย่จริงๆ ธุรกิจยังพอไปได้และหัวใจยังสู้เต็มร้อย หนี้เก่าหนี้ใหม่ยังพอมีรายได้ พอที่จะแบ่งจ่ายแบ่งชำระได้บางส่วน

คนเหล่านี้น่าจะได้รับการพิจารณา...นิรโทษกรรมประวัติการเงิน... สักครั้ง เพื่อมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนอีกรอบ

จะกำหนดขอบเขตหลักเกณฑ์แนวทางการปลดปล่อยที่เหมาะสมอย่างไร ก็หารือร่วมกัน

วันนี้...สถานการณ์ไม่เป็นปกติ เกณฑ์ต่างๆ ที่เป็นปกติอาจไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ ขึ้นอยู่ว่าใครจะลุกขึ้นมาเป็น...เจ้าภาพ...ทำเรื่องนี้

ปลดล็อกประเด็นนี้ได้ รับรองว่าท่านจะได้หัวใจผู้คนทั่วประเทศเป็น...ล้านคน...ทันที