สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

สินค้าโหมโปรโมชันยุคทองคนมีกำลังซื้อ/คอลัมน์ส่องความคิด

จาก โพสต์ทูเดย์

รายงานโดย :เบ็ญจวรรณ รัตนวิจิตร:


จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ต่อเนื่องมาจนวันนี้ โดยเจ้าของสินค้า ส่วนใหญ่ยังหวังลึกๆ ว่าบรรยากาศการจับจ่ายของผู้บริโภคชาวไทยน่าจะดีขึ้นในโค้งสุดท้าย 6 เดือนหลังของปี จากเม็ดเงินหน่วยงานภาครัฐที่เตรียมเคลียร์บัญชีให้ทันก่อนปิดปีงบประมาณ ประจำปีในเดือนก.ย.นี

ส่วนเงินอีกก้อนหนึ่ง น่าจะมาจากเงินงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่เตรียมเข็นออกมาก๊อกสอง มูลค่ากว่า 8 แสนล้านบาท ที่หลายฝ่ายลุ้นว่าน่าจะ นำมาใช้ได้ทันในไตรมาส 3 นี้

เจ้าของสินค้าอุปโภคบริโภคหลายราย ต่างมองว่าเป็นเรื่องดีกับสิ่งที่ภาครัฐพยายามทำอยู่ในเวลานี้ ด้วยเห็นว่าเป็นเรื่องของการคืน “ความเชื่อมั่น” ของรัฐบาล มากกว่าการหวังผลว่าจะให้เศรษฐกิจพลิกฟื้นได้แบบทันตาเห็นจริงๆ เพราะในความเป็นจริง ภาคเศรษฐกิจจะขับเคลื่อนไปได้มากน้อยแค่ไหนนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับกำลังซื้อที่มาจากภายในประเทศที่ต้องช่วยกันกิน ช่วยกันใช้ของไทย

ขณะที่เจ้าของสินค้าในประเทศ หรือบริษัทข้ามชาติที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ต่างก็มองเห็นทางออกเดียวกันว่า การที่จะทำให้ยอดขายของตัวเองเพิ่มขึ้น หรือรักษาส่วนแบ่งตลาดติดอันดับอย่างน้อยท็อปทรีเอาไว้ให้ได้ ในภาวะกำลังซื้อชะลอตัวที่ผู้บริโภคมีเงินในกระเป๋าเท่าเดิมนั้น ทางรอดทางเดียวคือ การเข้าไปกินแชร์หรือแย่งส่วนแบ่งตลาดของคนอื่นๆ ให้ได้มากที่สุด

จากแนวโน้มที่เกิดขึ้นทำให้นับแต่ต้นปี ที่ผ่านมา ทำให้เกิดสงครามโปรโมชันส่วนลดราคาสินค้า ที่แข่งขันกันแบบดุเดือด เห็นได้ชัดจากรายแรกๆ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง ผู้ผลิตและทำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ที่ควักงบพิเศษกว่า 1,000 ล้าน สำหรับใช้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อมอบเป็นส่วนลดราคาสินค้าต่างๆ ให้กับผู้บริโภคผ่านโครงการ “ธงสีชมพู” เมื่อไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และได้ผลตอบรับในระดับที่น่าพอใจ

เรียกได้ว่าเป็นการใช้กลยุทธ์การทำตลาดหั่นราคาขายสินค้าให้กับผู้ บริโภคกันแบบซื่อๆ ไม่อ้อมค้อมและใช้เงินซื้อสื่อโฆษณาแบบจะจะ หวังผลทันที ไม่ใช่ แบบที่จะให้ลูกค้าสะสมฝาหรือตัดชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์ไปรับส่วนลดให้ยุ่งยาก และ ค่อนข้างจะน่าเบื่อ

นอกจากนี้ยังมียักษ์ค้าปลีกข้ามชาติ อย่าง ห้างเทสโก้ โลตัส ที่ควักงบในครึ่ง ปีหลังไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทเพื่อทำ โปรโมชันส่วนลดสินค้ากว่า 1,800 รายการให้กับลูกค้าในการทำตลาด 6 เดือนหลัง ปีนี้ผ่าน 2 แคมเปญใหญ่ของห้างคือ โรลแบ็ค และซูเปอร์เซฟ

หรือแม้แต่กลุ่มเครื่องสำอางร้านค้าพิเศษ หรือ “สเปเชียลตี สโตร์” อย่าง โอเรียนทอล พริ้นเซส ซึ่งปีนี้ใช้งบการตลาดรวมโปรโมชันเพิ่มจากปีที่ผ่านมาถึง 66% คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาท แบ่งครึ่งปีหลังใช้งบกว่า 250 ล้านบาททำโปรโมชันมอบส่วนลดราคาสินค้าให้กับลูกค้า โดยเฉพาะฐานสมาชิกโอพีกว่า 6.5 แสนรายในปัจจุบัน

ทั้งหมดนี้ถือเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่าเจ้าของสินค้าพยายาม อย่างยิ่งยวด ในการรักษาฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่ให้จงรักภักดีกับแบรนด์ของตัวเองให้มากที่ สุด

จากแนวโน้มที่เกิดขึ้นผู้บริโภคน่าจะ ได้รับประโยชน์จากวิกฤตเศรษฐกิจที่ชะลอกำลังซื้อในครั้งนี้ไปแบบเต็มๆ ด้วยเจ้าของสินค้าพยายามเสนอราคาสินค้าที่โดนใจได้มากที่สุด และตั้งหน้าตั้งตารักษาฐาน ลูกค้าเดิมและหาเพิ่มไปพร้อมกัน ผ่าน สิทธิพิเศษส่วนลดสินค้า เพื่อดึงลูกค้ามาอยู่ข้างตัวเองให้ได้มากที่สุด ทำให้ครึ่งปีหลังนี้สมรภูมิตลาดน่าจะทวีความคึกคักเพิ่มขึ้นไปอีก

view