สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

สอบโกงธอส.ไม่คืบแค่ตั้งกรรมการสอบ / บอร์ดธอส.จี้ผู้บริหารรับผิดชอบโกง500ล.

โพสต์ทูเดย์ — บอร์ดปอดแหกยื้อฟันบิ๊กธอส. กรณีโกง 499 ล้านบาท ประชุมนานกว่า 7 ชั่วโมง หาแพะมารับผิด
นายนริศ ชัยสูตร ผู้ตรวจ ราชการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีพนักงานทุจริตยักยอกเงิน 499 ล้านบาท กว่า 7 ชั่วโมง ว่า คณะกรรมการมีมติตามที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ที่มีนางโสภาวดี เลิศมนัสชัย เป็นประธาน โดยให้ดำเนินการ 3 แนวทาง

ประกอบด้วย 1.ให้ตั้งคณะกรรมการสอบประสิทธิภาพผู้บริหารระดับสูง ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต โดยมีนายชัยเกษม นิติศิริ เป็นประธาน เนื่องจากผู้บริหารระดับสูงบางรายติดสัญญาว่าจ้าง ไม่สามารถเอาผิดทางวินัยได้ จึงต้องมีการสอบประสิทธิภาพในการทำงาน และหากตรวจสอบพบว่าขาดประสิทธิภาพก็สามารถนำไปสู่การปลดหรือไล่ออกได้

2.ให้สอบเอาผิดทางวินัยกับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ทั้งในระดับสาขาและสำนักงานใหญ่จำนวน 10 ราย ทั้งที่มีหน้าที่รับผิดชอบใน การปรับระบบคอร์แบงกิงใหม่ และรับผิดชอบในส่วนของการตรวจสอบ ซึ่งมีความผิดฐานละเลย หากเป็นความผิดกรณีร้ายแรงก็สามารถฟ้องร้องทางแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายได้ และ 3.ให้ดำเนินคดีกับนาย สมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช และส่งเรื่องให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการต่อไป โดยผลสอบชี้ว่านายสมเกียรติเป็น ผู้กระทำการทุจริตแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่มีผู้ร่วมกระทำความผิด

ทั้งนี้ จะต้องมีการรายงาน ความคืบหน้าของกรณีที่ 1 และ 2 ให้กับคณะกรรมการธนาคารได้รับทราบในการประชุมครั้งต่อไป เพื่อให้คณะกรรมการรายงานความคืบหน้าให้นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ทราบ


บอร์ดธอส.จี้ผู้บริหารรับผิดชอบโกง500ล.

จาก โพสต์ทูเดย์
บอร์ด ธอส. สั่งให้ผู้บริหาร 10 คนรับผิดชอบผลทุจริตโกงเงิน 500 ล้านบาท
นายนริศ ชัยสูตร ประธานกรรมการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการในวันนี้ใช้เวลากว่า 7 ชั่วโมง วานนี้  ในการพิจารณาปัญหาการยักยอกเงินจากธนาคารของ นายสมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช ในวงเงิน 490 ล้านบาท คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้รายงานที่ประชุมว่า นายสมเกียรติ ได้กระทำการทุจริตยักยอกเงินเป็นเวลานานถึง 14 เดือน

ซึ่งได้ปลอมสลิปถอนเงินจากบัญชีของลูกค้าวงเงิน 36.5 ล้านบาท ได้สร้างรายการดอกเบี้ยจ่ายของธนาคาร เพื่อดึงเงินเข้าบัญชีของตนเองและญาติ 499 ล้านบาท แยกเป็น ดอกเบี้ยจ่าย สำนักพระราม 9 จำนวน 454.03 ลบ.   และดอกเบี้ยจ่าย สาขาเซ็นต์หลุยส์ 3 จำนวน 45.24 ลบ. สาเหตุที่สามารถกระทำผิดได้คือ 1.ธนาคารได้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์ต่อการดำเนินการระบบการเงินใหม่ ( Core Banking System : CBS) 2.การละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ในการควบคุมกำกับดูแลงานปกติของธนาคาร (Normal operation) ของผู้ที่รับผิดชอบ และ 3) ความไม่พร้อมของพนักงานและระบบต่าง ๆ ที่ใช้ในการตรวจสอบเมื่อเริ่มใช้ระบบ CBS ใหม่

ดังนั้นที่ประชุมคณะกรรมการในวันนี้จึงมีมติว่า 1. จากความผิดดังกล่าวมีนายสมเกียรติ เป็นผู้กระทำผิดเพียงคนเดียว ธอส. จึงได้แจ้งความดำเนินคดีอาญาตามกฎหมาย และแจ้งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับทราบ เพื่อพิจารณาเอาผิดในขั้นตอนต่อไป 2.ที่ประชุมยังเห็นว่าความผิดต้องมีผู้รับผิดชอบด้วย เพราะละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่จนก่อให้เกิดการยักยอกทุจริตได้ จึงสั่งให้มีผู้รับผิดชอบร่วมรับความผิดด้วย 10 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับสูง และกลุ่มพนักงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการปรับเปลี่ยนระบบใหม่ เพื่อดำเนินการทางวินัยต่อไป

3) ในส่วนผู้บริหารระดับสูงที่อาจเกี่ยวข้อง คณะกรรมการธนาคารมีมติมอบหมายให้คณะทำงานตรวจสอบประสิทธิภาพผู้บริหาร โดยมี คุณชัยเกษม นิติศิริ ประธานกรรมการบริหาร ธอส. เป็นประธานคณะทำงาน เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพผู้บริหารระดับสูงต่อไป เพื่อรายงานให้ที่ประชุมบอร์ดรับทราบในครั้งต่อไป 2-3 ครั้งหน้า  และผลประชุมบอร์ดดังกล่าวต้องเสนอรายงานข้อสรุปของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จ จริงต่อนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อทราบด้วย

นายนริศ กล่าวย้ำว่า  จากยอดเงินกระทำทุจริต 499 ล้านบาท ทางธนาคารและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามเงินสดและสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่นายสมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช ถือครอบครอง หรือได้มาจาการกระทำทุจริต จำนวน 253.9 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินสด 201 ล้านบาท บ้านพร้อมที่ดิน 28.9 ล้านบาท ห้องชุด 2.2 ล้านบาท รถยนต์ 4 คัน 11.8 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่น ๆ 10 ล้านบาท ซึ่งรวมสุทธิแล้ว ขณะนี้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้รับความเสียหายประมาณ 250 ล้านบาท

เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้า แม้จะมีปัญหาการทุจริตจากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีผลเสียหายกับลูกค้าเงินฝาก และลูกค้าเงินกู้ของธนาคารแต่อย่างใด แต่เป็นการลักทรัพย์ของธนาคารอาคารสงเคราะห์โดยตรง และขณะนี้ฐานะการเงินของธนาคารอาคารสงเคราะห์มีความมั่นคง โดยมีทุน 17,000 ล้านบาท บวกกับกำไรสะสมกว่า 15,000 ล้านบาท ทำให้มีทุนดำเนินการมากกว่า 30,000 ล้านบาท ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อและมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 630,000 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 21.1 เท่าของเงินทุนซึ่งสูงมาก อีกประการธนาคารสามารถดำรงสภาพคล่องไว้ในระดับที่เหมาะสม เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้มีกำไรต่อเนื่องในระดับ 3,000 ล้านบาทตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยในปี 2551 ธนาคารมีกำไรสุทธิสูงถึง 3,305 ล้านบาท (เป้าที่กำหนด 1,750 ล้านบาท) และในปี 2552 ธนาคารกำหนดเป้าหมายกำไรสุทธิไว้ที่ 3,500 ล้านบาท แต่ในหกเดือนแรก (มกราคม-มิถุนายน 2552) ธนาคารมีกำไรสุทธิ 2,089 ล้านบาท    

จึงคาดว่าทั้งปีจะมีกำไรสุทธิสูงกว่าประมาณการ เช่นเดียวกับสินเชื่อที่ครึ่งปีแรกของปี 2552 ธนาคารปล่อยสินเชื่อไป 46,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายทั้งปีอยู่ที่ 73,500 บาท จึงคาดว่าทั้งปีจะทำได้สูงกว่าเป้าหมาย ส่วนอัตราส่วนสินทรัพย์ต่อสภาพคล่องหรือ BIS ratio ขณะนี้อยู่ที่ 10.8 ซึ่งสูงกว่าอัตรา 8.5 ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดในขณะเดียวในแง่ของการดูแลระบบ CBS ทางธนาคารได้ออกมาตรการหลากหลายเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับ ระบบ CBS เช่น กำหนดระบบรักษาความปลอดภัยของระบบ (Security Setups ในระบบ CBS) ปรับปรุงกระบวนการทำงาน รวมถึงขั้นตอนระเบียบปฏิบัติงานต่าง ๆ ให้รัดกุมยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นไปอีกว่าธนาคารยังสามารถดำเนินการได้ตาม ปกติ

 

view