สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

รถร่วมขสมก.คิดขัดประโยชน์ส่วนรวม/คอลัมน์ส่องความคิด

จาก โพสต์ทูเดย์

รายงานโดย :ทีมข่าวคมนาคม:


ใกล้ครบกำหนดการประกาศขององค์การขนส่งมวล ชนกรุงเทพ (ขสมก.) วันที่ 16 ส.ค. 2552 ที่กำหนดให้รถร่วมโดยสารขสมก. ทำการปรับปรุง โดยขอให้เปลี่ยนเชื้อเพลิงจากน้ำมันดีเซลเป็นก๊าซธรรมชาติแทน พร้อมทั้งปรับปรุงรถให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน

แต่ก็ยังมีผู้ประกอบการรถมินิบัสและรถร่วมขสมก. บางส่วนขัดข้อง โดยอ้างเหตุผลว่าได้รับความเดือดร้อน และขอให้ยกเลิกระเบียบและประกาศของขสมก. ดังกล่าวทั้งหมด รวมทั้งให้ผู้ประกอบการสามารถใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงต่อไปได้ โดยขอเปลี่ยนเพียงทำการปรับปรุงรถยนต์ให้มีคุณภาพ หรือเปลี่ยนเป็นรถยนต์คันใหม่ที่ใช้ดีเซลเหมือนเดิม ทั้ง ขอเวลาจัดหารถคันใหม่ภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค. 2552

นอกจากนี้ ในระหว่างที่มีการจัดหารถคันใหม่ ให้ขสมก. อนุญาตให้ผู้ประกอบการวิ่งขนส่งได้ตามปกติ พร้อมอ้างว่า ก่อนหน้านี้ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนไปยัง นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม แล้ว แต่ยังไม่มีการพิจารณาหรือออกคำสั่งใดๆ

ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการยังได้ตั้งข้อกล่าวหาด้วยว่า หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ส่งหนังสือร้องเรียน ไป ถือว่าผิดรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 3 วรรค 2 ที่กำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องปฏิบัติหน้าที่ ตามหลักนิติธรรม และพ.ร.ฎ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 มาตรา 38 ซึ่งกำหนดว่า เมื่อส่วนราชการใดได้รับการติดต่อสอบถามเป็นหนังสือจากประชาชนเกี่ยวกับงาน ที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการนั้น ให้หน่วยราชการจะต้องตอบคำถามหรือแจ้งดำเนินการให้ทราบภายใน 15 วัน หากไม่ตอบถือว่าละเว้นการปฏิบัติตามหน้าที่

การกระทำเช่นนี้แตกต่างจากการ วิ่งเต้นและเข้าพบเพื่อขอความเป็นธรรมช่วงที่ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนั้นรถร่วมขสมก. มักจะเข้าร้องเรียนและขอปรับราคาค่าโดยสารต่อคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง ที่มีหน้าที่อนุมัติปรับเพิ่มหรือลดค่าโดยสารรถประจำทางได้

แต่การร้องเรียนเพื่อขอปรับเพิ่มค่าโดยสารขณะนี้ยังไม่ค่อยมี เท่าไรนัก แตกต่างจากปี 2550 ที่ราคาน้ำมันดีดตัวสูงขึ้นมาก เนื่องจากเศรษฐกิจในปี 2552 ยังทรงตัว ประกอบกับรัฐบาลชุดปัจจุบันมีนโยบายให้บริการถเมล์ฟรีต่อเนื่องไปถึงสิ้นปี ดังนั้นรถร่วมขสมก. จึงยังไม่ค่อยกล้าขอขึ้นค่าโดยสารมากนัก เพราะเกรงว่าประชาชนจะหันไปใช้บริการรถขสมก. มากกว่า เพราะรถขสมก. มีค่าโดยสารที่ถูกกว่า แม้จะมีการอนุมัติให้ขึ้นราคาค่าโดยสารแล้วก็ตาม

หลายคนตั้งคำถามว่า การกระทำของรถร่วมขสมก. บางกลุ่มที่ผ่านมาถูกต้องหรือไม่ เพราะรัฐบาลมีการศึกษาและต้องการปรับปรุงรถขสมก. ให้ดีขึ้นด้วยการจัดทำโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน แต่รถร่วมขสมก. กลับไม่ต้องทำอะไรเลย อีกทั้งการทำหน้าที่ในการให้บริการก็ยังบกพร่องอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งจากการตรวจสอบส่วนใหญ่ผู้ที่กระทำผิดกฎจราจรก็คือ รถร่วมขสมก. บางรายมักง่ายมีการเก็บค่าโดยสารเกินจริง เพราะอ้างว่าไม่มีเศษสตางค์ ประชาชนผู้ใช้บริการส่วนใหญ่จะพบกับเหตุการณ์เหล่านี้เป็นนิตย์

เมื่อร้องเรียนเข้าไปที่ขสมก. จะทำได้เพียงลงโทษตามระเบียบ หรือหากมีกฎหมายใดเข้ามาเกี่ยวข้องก็จะส่งให้เป็นหน้าที่ของศาลตามกฎหมาย นั้นๆ เป็น เช่นนี้อยู่ประจำ การยกเลิกเส้นทางสัมปทานจริงๆ นั้นพบน้อยมาก เนื่องจากเส้นทางบางเส้นทางยังไม่มีรถให้บริการ ประกอบกับขสมก. ยังอยู่ในภาวะขาดทุน รายได้จากการให้สัมปทานเส้นทางแม้เพียงน้อยนิด แต่ก็มีความจำเป็นสำหรับต่ออายุของขสมก.

สิ่งที่รถร่วมขสมก. เรียกร้องตามข้อมูลข้างต้นนั้น อาจเป็นประโยชน์ในกลุ่มรถร่วมขสมก. บางกลุ่ม แต่ภาพรวมแล้ว ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารที่ต้องอกสั่นขวัญหายทุกครั้งเมื่อนั่งรถร่วมขสมก.

เช่นนี้แล้วรถร่วมขสมก. ยังไม่มี จิตสำนึกที่จะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นหรือเช่นไร หรือความล้าหลังที่ยังคงต้องการใช้น้ำมันจะทำให้ขอขึ้นค่าโดยสารได้ง่าย

หากคิดเช่นนั้น กลุ่มผู้ประกอบการ รถร่วมขสมก. ควรปรับความคิดใหม่เพื่อ ตนเองและผู้ใช้บริการ จะทำให้ประชาชนที่พอมีอันจะกินหันมาใช้รถร่วมขสมก. กันมากขึ้นไม่ดีกว่าหรือ

ฝากความในใจให้ผู้ประกอบการรถร่วมลองคิดดีๆ ดูอีกที

view