สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ชงปลด-ไล่ออก พระเทพวิสุทธิกวี รองอธิการบดี มมร. ผิดวินัยร้ายแรง ใช้ตำแหน่งรับบริจาคสร้างพระพุทธโสธร

จาก ประชาชาติธุรกิจ



กก.สอบข้อ เท็จจริงได้ข้อสรุป.ปลด-ไล่ออก "พระเทพวิสุทธิกวี" รองอธิการบดี มมร.เข้าข่ายทำผิดวินัยร้ายแรง เหตุใช้ตำแหน่ง-หน้าที่-ขอรับบริจาค สร้างภาพยนตร์พระไตรปิฎก และโครงการพระพุทธโสธร"รุ่นเจริญสุข" ที่ปรึกษากม.เผยอธิการบดีถูก"พระผู้ใหญ่-นักการเมือง"บีบให้ยุติเรื่อง

เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ที่ปรึกษากฎหมายของพระเทพปริยัติวิมล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) เปิดเผยกรณีเข้าร้องทุกข์ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบสวนบริษัทเอกชน และกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างนำชื่อและตราสัญลักษณ์ของ มมร.และสถาบันพระมหากษัตริย์ ไปแอบอ้างในโครงการจัดสร้างพระไตรปิฎก ฉบับภาพยนตร์ และโครงการเชิญชวนเช่าบูชาวัตถุมงคลพระพุทธโสธร "รุ่นเจริญสุข" ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ว่า ขณะ นี้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงบุคคลภายในของ มมร.มีมติเอกฉันท์ให้นำผลสอบสวนเสนอ พระเทพปริยัติวิมลพิจารณาเห็นชอบปลดออก หรือไล่ออก ผู้บริหารระดับสูงของ มมร. 2 ราย และโยกย้ายเจ้าหน้าที่อีก 20 ราย    


ทั้งนี้ ภายหลัง มมร.เข้าร้องทุกข์ต่อดีเอสไอให้สอบสวนเรื่องนี้ มีประชาชนที่เคยบริจาคเงินจัดสร้างภาพยนตร์พระไตรปิฎก ฉบับภาพยนตร์ รายละ 50,000-100,000 บาท รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์ต่อ มมร.จำนวนมาก และจากการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทผลิตภาพยนตร์ดังกล่าว พบว่าสำนักงานที่ได้จดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 555 ถนนนวมินทร์ 28 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ เป็นบ้านร้างสภาพทรุดโทรม ซึ่ง มมร.จะรวบรวมข้อมูลส่งให้ดีเอสไอได้เร่งตรวจสอบต่อไป นอกจากนี้ ทีมกฎหมายยังได้ตรวจสอบกระบวนการจัดสร้างภาพยนตร์ดังกล่าว พบมีนักการเมือง ข้าราชการ และผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้องจำนวนมากด้วย


นายสงกรานต์กล่าวว่า ส่วนโครงการพระพุทธโสธร "รุ่นเจริญสุข" ของ สกสค.ที่แอบอ้างชื่อ มมร. ขณะนี้ มมร.ได้ประสานให้ทางดีเอสไอช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้บริหาร สกสค.และกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย ขณะเดียวกัน มมร.ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบุคคลภายใน มมร.ที่เกี่ยวข้องกับการจัดสร้างภาพยนตร์พระไตรปิฎก และโครงการเช่าวัตถุมงคลของ สกสค.ซึ่งมีนายสุทธิ ผลสวัสดิ์ อดีตอธิบดีกรมพลศึกษา และอธิบดีกรมอาชีวศึกษา เป็นประธาน และกรรมการประกอบด้วย นายสมภาพ หงส์กิตติยานนท์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย นายอาทิฐ ศรีมุข ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และ น.ส.นวรัตน์ พัชราวุธ เลขานุการ ได้ข้อสรุปผลสอบเกี่ยวกับบุคคลภายในมหาวิทยาลัยที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง กับการนำชื่อและตราสัญลักษณ์ของ มมร.และสถาบันพระมหากษัตริย์ ไปแอบอ้างโดยไม่ได้รับอนุญาตในโครงการจัดสร้างพระไตรปิฎก ฉบับภาพยนตร์ และโครงการเชิญชวนเช่าบูชาวัตถุมงคลพระพุทธโสธร "รุ่นเจริญสุข" ของ สกสค. รวมทั้งกรณีการลงนามแทนอธิการบดีในหนังสือรับบริจาค และเอกสารต่างๆ ที่ส่งไปยังหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนด้วย


"คณะกรรมการสอบสวนมีมติเอกฉันท์ให้นำผล สอบสวนทั้งหมดเสนอให้พระเทพปริยัติวิมลพิจารณาเห็นชอบ ดังนี้ 1.ขอให้โยกย้ายเจ้าหน้าที่ภายใน มมร.จำนวน 20 ตำแหน่ง เพื่อเป็นประโยชน์ในการดำเนินคดีทั้งทางวินัย และอาญา และ 2.เสนอให้ปลดออก หรือไล่ออก ผู้บริหารระดับสูง จำนวน 2 ราย เนื่องจากกระทำผิดวินัยร้ายแรง ในการใช้อำนาจในตำแหน่ง หรือหน้าที่ เพื่อไปแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ที่สำคัญพบว่าเอื้อประโยชน์กับบริษัทจัดสร้างภาพยนตร์พระไตรปิฎก และกลุ่มบุคคล ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันเบื้องสูง และ มมร. รวมทั้งกรณีไปลงนามแทนอธิการบดีในเอกสารต่างๆ เพื่อขอรับบริจาคในการจัดสร้างภาพยนตร์พระไตรปิฎก และโครงการเชิญชวนเช่าบูชาวัตถุมงคลพระพุทธโสธร "รุ่นเจริญสุข" ของ สกสค.เป็นการกระทำโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิการบดี" นายสงกรานต์กล่าว


ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินคดีทางอาญากับกลุ่มบุคคล หน่วยงานภาครัฐ นายสงกรานต์กล่าวว่า ทราบว่าในเร็วๆ นี้ ดีเอสไอจะพิจารณารับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากเห็นว่ากรณีนี้เป็นการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงมาทุจริต เพื่อหาผลประโยชน์ อย่างไรก็ตาม มมร.จะรวบรวมเอกสารและหลักฐานต่างๆ จัดทำรายงานเสนอให้มหาเถรสมาคม (มส.) รับทราบด้วย


"จากหลักฐานต่างๆ มีผู้บริหาร 2 รายที่จะถูกดำเนินการเอาผิดในข้อหา 1.สร้างพยานหลักฐานเอกสารเท็จที่ส่งไปยังหน่วยงานภาครัฐและเอกชน 2.กระทำการแทนอธิการบดีโดยไม่ได้รับมอบหมาย และ 3.ใช้อำนาจหน้าที่ในการแสวงหาผลประโยชน์โดยทุจริต ทั้งนี้ หากผู้กระทำผิดเป็นพระภิกษุสงฆ์ ก็ถึงขั้นปาราชิกต้องสึกจากการเป็นพระสงฆ์ เพราะต้องรับโทษทางคดีอาญา ในข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ คณะกรรมการจะนำข้อสรุปเสนอให้อธิการบดีลงนามเห็นชอบ เพื่อจะได้สามารถดำเนินคดีทั้งทางวินัย และตามกฎหมายต่อไป" นายสงกรานต์กล่าว


นายสงกรานต์กล่าวว่า ขณะนี้ มมร.ถูกข่มขู่จากพระเถระผู้ใหญ่ และนักการเมืองอย่างหนัก เพื่อให้หยุดดำเนินคดีอาญาและแพ่ง อย่างไรก็ตาม หากทำตามคำขู่ก็ถือว่าละเลยการปฏิบัติหน้าที่ จะมีความผิดตามกฎหมายด้วยเช่นกัน ดังนั้น ขอยืนยันว่า มมร.จะดำเนินการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด   "ตอนนี้อธิการบดีถูกกดดันอย่างหนักจากพระ เถระชั้นผู้ใหญ่ในวัดในกรุงเทพฯ ไม่ให้ตัดสินโทษ และล็อบบี้ดีเอสไอไม่ให้ดำเนินคดีคนใน มมร.ที่มีส่วนรู้เห็นและแอบอ้างชื่อมหาวิทยาลัย รวมทั้งลงนามในเอกสารต่างๆ ทั้งนี้ คาดว่าทุกอย่างจะได้ข้อยุติเร็วๆ นี้"  นายสงกรานต์กล่าว   รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผลสรุปผลสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบุคคลภายใน มมร.ที่จะเสนอให้พระเทพปริยัติวิมลลงนาม ในส่วนของผู้


บริหารระดับสูง 2 ราย ที่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเสนอให้ปลด หรือไล่ออก เนื่องจากอาจเข้าข่ายว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรงนั้น ได้แก่ พระเทพวิสุทธิกวี รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและวางแผน มมร. และนิติกรของ มมร. ส่วนจะดำเนินการเอาผิดตามที่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเสนอหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพระเทพปริยัติวิมล

view