สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ประหยัดพลังงานด้วยตัวเองดีกว่า/คอลัมน์ส่องความคิด

จาก โพสต์ทูเดย์
รายงานโดย :นายแว่นตา:


จาก สถานการณ์ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ราคาน้ำมันตลาดโลกกลับมาพุ่งแตะ 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้ราคาน้ำมันในประเทศโดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลใกล้เฉียดลิตรละ 30 บาท กระแสของการประหยัดพลังงานรวมทั้งการอนุรักษ์รักษาสิ่งแวดล้อมของคนไทยกลับ ผุดขึ้นมาฮิตอีกระลอก แม้ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามจะส่งเสริมก็ตามแต่ก็ไร้ผล พอราคาน้ำมันลดลงทีไร นโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลฝันไว้ก็หยุดชะงักทุกที

การปลูกฝังจิตสำนึกของประชาชนคนไทยในการประหยัดพลังงานถือว่ายังเป็น ปัญหาสำหรับคนไทย ขณะที่หน่วยงานอย่างการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) พยายามจะปลูกฝังจิตสำนึกของเยาวชนไทยซึ่งเป็นรากฐานสำคัญให้มีความตระหนัก ถึงการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างถูกต้อง เพราะถือเป็นอนาคตสำคัญของประเทศ หากหันมาช่วยกันอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมรู้จักใช้อย่างพอเพียงและถูก วิธี ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิสูงสุด จะสามารถช่วยลดการเผาผลาญเชื้อเพลิง ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พื้นดิน พื้นป่าจะกลับมา

สิ่งแวดล้อมที่ดีธรรมชาติที่สมบูรณ์จะกลับมา ให้เยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติได้มีทรัพยากรใช้ในภายภาคหน้า ด้วยการแทรกกิจกรรมต่างๆ ทั้งการเปิดเว็บไซต์ Young mea Family และ การจัดกิจกรรมนอกสถานที่ ด้วยการนำเยาวชนปลูกป่าและพิทักษ์ป่าชายเลน

พร้อมกันนี้ยังตอกย้ำข้อมูลพลังงานไฟฟ้ามาเผยแพร่แก่เยาวชนให้เข้า ใจด้วยว่ากระแสไฟฟ้าที่ใช้ๆ กันอยู่ทุกวันมาจากทรัพยากรอะไรบ้าง ว่าพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตและซื้อในระบบแยกประเภทการใช้เชื้อเพลิงในปี 2551 ที่ผ่านมา สามารถจำแนกทรัพยากรได้ดังต่อไปนี้ ก๊าซธรรมชาติ 70.02% พลังน้ำ 4.7% ถ่านหินและลิกไนต์ 20.8% น้ำมันเตา 0.95% ดีเซล 0.17% ชีวมวล 1.44% ซื้อจากต่างประเทศ 1.88% และพลังงานทดแทนอีกเล็กน้อย จะเห็นได้ว่าการผลิตกระแสไฟฟ้าในปัจจุบันมาจากแหล่งต่างๆ เป็นจำนวนมาก

ซึ่งแน่นอนจากข้อมูลดังกล่าว จะเห็นได้ว่ากว่าจะได้มาในการผลิตกระแสไฟฟ้า ประเทศชาติต้องสูญเสียทรัพยากรมากน้อยเพียงใด ดังนั้นต้องพยายามปลูกฝังให้เยาวชนไทยรู้จักการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ มีหลักง่ายๆ ที่ควรทราบว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้กินไฟมากน้อยเพียงใด มีความเหมาะสมกับการใช้หรือไม่ และควรเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 ร่วมด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้ไฟฟ้าอย่างถูกต้องเปิด-ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า อย่างเป็นเวลา ซึ่งหากร่วมกันช่วยกันประหยัดพลังงานแล้ว ยังมีผลดีต่อส่วนรวมของประเทศในแง่ของการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในด้านการลดภาวะโลกร้อนได้อีกทางหนึ่งด้วย

ดังนั้น การประหยัดพลังงานจึงถือเป็นแนวทางหนึ่งที่คนไทยจะช่วยกัน ผลลัพธ์แม้จะไม่มากแต่หากร่วมมือกันหลายหน่วย เชื่อว่าผลลัพธ์ในอนาคตก็คงไม่น้อยเลยทีเดียว

อย่าไปหวังอะไรกับนโยบายพลังงานอะไรของรัฐบาลเลย ทำได้แค่ตรึงราคาก๊าซ ลดราคาน้ำมัน เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาแบบลูบหน้าปะจมูกเหลือเกิน เพราะไม่มีแนวทางการพัฒนาพลังงานทดแทนอย่างเป็นรูปธรรม ว่าต่อจากนี้ประเทศไทยจะเดินหน้าไปในทิศทางใด

แค่เรื่องตรึงราคาก๊าซแอลพีจีกับเอ็นจีวีออกไป 1 ปี ก็อยากเอาเท้าก่ายหน้าผาก แหมประชานิยมเหลือเกิน

จริงอยู่แอลพีจีนั้นเป็นก๊าซหุงต้มทุกครัวเรือนใช้กันอยู่ แต่ก็อย่าลืมว่ามีรถยนต์จำนวนไม่น้อยหันไปติดก๊าซแอลพีจี เพราะราคาที่ต่ำกว่าน้ำมันเบนซินลิตรละหลายสิบบาท ที่สำคัญรัฐบาลไม่ได้เอาเงินจากงบประมาณมาอุ้มจุดนี้ แต่เอาเงินจากกองทุนน้ำมันฯ ซึ่งเก็บจาก ผู้ใช้น้ำมันเบนซินมาอุ้มคนใช้แอลพีจี

น่าเกลียดที่สุด ผมข้องใจจริงๆ ทำไมผมต้องเติมน้ำมันแพง เพื่อให้ไอ้พวกที่ขับรถใช้แอลพีจีเติมแบบถูกๆ

ยิ่งไปกว่านั้น การอุ้มแอลพีจีมีผลกระทบต่อการพัฒนาเอ็นจีวี แน่นอน เพราะประชาชนจะยังไม่หันไปใช้เอ็นจีวีตามนโยบายของรัฐบาล เนื่องจากปริมาณสถานีบริการเอ็นจีวีมีน้อยกว่าแอลพีจีค่อนข้างมาก แค่นี้ก็รู้แล้วว่ารัฐบาลมีกึ๋นแค่ไหน

และเมื่อมองไปถึงการสนับสนุนพลังงานทดแทนในส่วนของเอทานอล พวกน้ำมันอีทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น อี10 อี20 และอี85 ที่ตอนนี้ออกมาปาวๆ กันว่าจะสนับสนุน อี85 ให้เป็นยุทธศาสตร์ชาติ

อยากหัวเราะให้ฟันหลุด แค่อี20 ยังมีขายไม่ทุกปั๊มเลย ในกทม.ยังหายาก ต่างจังหวัดไม่ต้องพูดถึง อี20 ยังบูมไม่ได้ทั่วประเทศ มีหน้าไปพูดเรื่อง อี85

เฮ้อ...แก้อย่างนี้ไม่ต้องไปเรียนเมืองนอกให้เปลืองหรอก เด็กประถมจบโรงเรียนวัดก็คิดได้

เอาเป็นว่าถ้าเราอยากประหยัดพลังงานกันจริงๆ เริ่มที่ตัวเราดีกว่าครับ อย่าไปฝากผีฝากไข้กับรัฐบาลเลย เสียความรู้สึก

view