สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ข้อหา...ทุจริตแบบ พอเพียง ? จี้ใจ มาร์ค สะกดจุด ปชป.

จาก ประชาชาติธุรกิจ



คง ไม่มีวาระใดสะเทือนใจ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้มากเท่าโครงการ "ชุมชนพอเพียง" ที่มีเสียงว่าลือ-อ้าง-อาจจะมีการ "ทุจริต"

เพราะเงินหลวงแม้ตกน้ำไม่ไหล- ตกไฟไม่ไหม้ เรื่องจึงบานปลาย จาก 88 โครงการ เพิ่มเป็นหลายร้อยโครงการที่อยู่ในลักษณะอาจมี "มลทิน"

แม้ "ประธาน" โครงการจะพยายามใช้ความสงบ สยบความเคลื่อนไหว แต่นับวันเรื่องราวโครงการชุมชนพอเพียง จะถูกกล่าวถึงวันละหลายเวลา หลายฝ่าย จนคึกคักโครมคราม เขย่าพรรคประชาธิปัตย์จนเสียขวัญ

"ผม เสียใจแน่นอนที่ทำให้มีปัญหากับโครงการอย่างนี้ และไม่พอใจอย่างมากที่มีคนหากินกับเรื่องแบบนี้ และจะเดินหน้าตรวจสอบ ในส่วนของคณะกรรมการตรวจสอบของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีข่าวออกมาว่ายังไม่มี หลักฐาน ผมก็ได้ส่งหลักฐานให้เพิ่มแล้ว เพราะมีคนร้องมา ไม่มีการที่จะไปฟอกใครทั้งสิ้น"

เสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศกร้าวกึกก้องจากตึกไทยคู่ฟ้า สั่นสะเทือนไปถึงห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ และคณะที่อยู่ในระหว่างการสาง-ซ่อน เรื่องอื้อฉาวในโครงการชุมชนพอเพียง

เสียง เค้น-บีบ-บี้ ให้ผู้รับผิดชอบหน้าซื่อ-ตาใส อย่าง นายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานโครงการชุมชนพอเพียง สังเวยมรสุม "ทุจริต" ที่พัดผ่านพรรคประชาธิปัตย์ราวกับพายุฤดูฝน

เพราะแกนนำคนสำคัญของ พรรคประชาธิปัตย์ ย้อนศร "กอร์ปศักดิ์" นักค้นข้อมูล "หุ้น" และนักคณิตศาสตร์ตัวยง เรื่อง "ลงทุน" ด้วยการเข้าไป "ค้น" ประวัติของ "สุมิท" เห็นประวัติแล้วต้องยอมจำนน ปล่อยให้มีการกดดันทั้งทางตรง-ทางอ้อม ผลักให้ "สุมิท" พ้นจากตำแหน่ง-ตามธรรมชาติ



นั่น อาจเป็นเพราะ ตัวตนที่แท้ของ "สุมิท แช่มประสิทธิ์" ผอ.สพช.ผู้นี้ ไม่ธรรมดา ? (อ่านประกอบ เปิดตัวตน สุมิท แช่มประสิทธิ์ (www.prachachat.net)

ปมปัญหา ผลประโยชน์ทับซ้อน? ที่พรรคประชาธิปัตย์รังเกียจ-รำคาญ กำลังคืบคลานท้าทายกฎเหล็ก 9 ข้อของคณะรัฐมนตรีคณะที่ 59 ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯเมื่อ 7 เดือนที่แล้ว พร้อมพุ่งเข้าทำลายภาพลักษณ์เรื่องความซื่อสัตย์-สุจริต ที่ "นายกฯอภิสิทธิ์" หวงแหนและเชื่อมั่น

ประสบการณ์และคมเขี้ยวการเมือง ของพรรคเก่าแก่-อนุรักษนิยมกว่า 63 ปี ถูกลากพาให้เปลี่ยนแปลง ตามวัน-เวลา และกาละ-เงื่อนไข

คลื่น กระแสความนิยมที่เคยพุ่งสูงสุด เมื่อคราวประกาศ ?กฎเหล็ก 9 ข้อ? ถูกปรับลดระดับ ลดความน่าเชื่อถือ แทบตกจากบัลลังก์อำนาจ เพราะเรื่องทุจริตร้อนในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ด้วยเหตุแห่งปลากระป๋องเน่าที่ติดฉลาก พาดพิง-พัวพัน ถึงตัว นายวิฑูรย์ นามบุตร อดีตรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงจนต้องปล่อยเก้าอี้ร้อนพ้นมือ

กว่าจะออกมาแสดงสปิริตได้ทันเวลา เกือบทำให้พรรคประชาธิปัตย์เจียนอยู่-เจียนไป

ด้วยแม่ไม้การเมืองแบบประชาธิปัตย์ "อภิสิทธิ์" จึงตีลังกา ลอดหว่างขา รอดพ้นจากข้อครหา เรื่องกฎเหล็ก 9 ข้อมาได้อย่างหวุดหวิด

พ้น จากข้อครหาทุจริตไม่ทันข้ามเดือน พรรคประชาธิปัตย์ถูกลากไปร่วมวงคดี "ก่อการร้าย" ท้าทายตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ "กษิต ภิรมย์"

"อภิสิทธิ์? จึงเกือบติดกับดักแห่งกฎเหล็กอีกครั้ง ในวงล้อมแห่ง "พันธมิตร" ซึ่งเป็น "กรรม" ที่เคยร่วมก่อไว้กับมวลชน "เสื้อเหลือง" จากค่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)



คำ คม "ผมผิดอะไร" ย้อนรอยจนความยาม "ปลด" ให้ "กษิต" พ้นพันธนาการจากเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต้องรามือ เพราะมี "มือที่มองไม่เห็น" และ "ขาใหญ่" ในพรรค-นอกพรรค กระโดดเข้าปกป้อง

คำประกาศเป็นลายลักษณ์-อักษร ถูกถ่ายทอดทั่วประเทศผ่านสถานีโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียงในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทย" กับ "นายกฯอภิสิทธิ์"

มาตรฐานแบบ "อภิสิทธิ์-ประชาธิปัตย์" ที่ต้องมีความรับผิดชอบทางการเมืองเหนือความรับผิดชอบตามกฎหมาย ถูกอรรถาธิบายอย่างยืดยาว

"กรณี ของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต้องรอจนศาลพิพากษาถึงจะมีผลทางกฎหมาย ผมบอกว่าผมจะไม่รอถึงมาตรฐานตรงนั้น แต่ว่ามาตรฐานที่บอกว่าถ้าเป็นกรณีที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา ตำรวจออกหมายเรียก แล้วแปลว่าไม่สามารถดำรงตำแหน่งได้ ผมคิดว่าก็ดูจะเกินเลยของมาตรฐานที่มีการปฏิบัติโดยทั่วไป

จึงเกิด คำนินทา-พงศาวดารกระซิบ ทั้งในวงใน-วงนอก กลุ่ม-ก๊ก ในพรรคร่วมรัฐบาล ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามพวกพันธมิตร ออกโรงแฉเรื่องราว กดดัน "รัฐมนตรีเสื้อเหลือง"

คำตอบ-คำอธิบายจากปาก "อภิสิทธิ์" ถูกตั้งคำถามเรื่องวาจาสิทธิ์-กฎเหล็กอย่างหนัก-หนาหู แต่เรื่องราวทั้งหมดก็ถูกลบเลือนหายไปพร้อมกับกระแส-ประเด็นร้อน-ข่าวร้าย เรื่องใหม่ ที่ถูกทยอยขุดค้นมาเปิดโปง

พฤติกรรมการเมืองแบบ "ประชาธิปัตย์" ถูกนักรัฐศาสตร์ การเมือง นำไปวิเคราะห์เฉพาะหน้าว่า ปัญหานี้แม้จะเป็นการทุจริตเชิงปฏิบัติการ ไม่ใช่การทุจริตเชิงนโยบายโจ๋งครึ่มเหมือนสมัยรัฐบาล "ทักษิณ" แต่ถ้านายกฯอภิสิทธิ์ไม่สะสางปัญหานี้อย่างจริงจัง อาจส่งผลต่อพรรคประชาธิปัตย์และตัวนายกฯอภิสิทธิ์ในระยะยาวก็เป็นได้

เพราะ สังคมการเมืองไม่มีใครเคยลืมว่าในปี 2538 สมัยที่ นายชวน หลีกภัย นักการเมืองที่ "ใจซื่อ-มือสะอาด-ปราศจากทุจริต" ต้องหลุดจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เพราะปมปัญหาแห่งคดีทุจริตและการตีความการแจก "ที่ดิน" ส.ป.ก.4-01 ว่าเป็นเหมือน "ทุนการศึกษา" ที่บังเอิญคนรวย-ก็มีสิทธิ

พรรคประชา ธิปัตย์มักมีดวงชะตาได้รับอุบัติเหตุทางการเมือง ต้องเข้าไปสุ่ม-เสี่ยงกับการ "ทุจริต" และมีอันเป็นไปด้วยเหตุทางการเมืองจนต้องล้มหายตายจากฝ่ายรัฐบาล ตกไปเป็น "ฝ่ายค้าน" นานนับ 8 ปี เพราะปฐมเหตุแห่งนโยบาย "หวังดี" แต่มี ผล "ร้าย" ในทางปฏิบัติ

คราวเหตุ ส.ป.ก.4-01 "นายชวน" และคณะ ไม่สามารถถอดสลัก "นายหัว" คนใกล้ชิด "อัญชลี เทพบุตร" ให้พ้นจากปมเงื่อนผลประโยชน์ทับซ้อนได้ รัฐบาลจึงล้มลงอย่างไม่เป็นท่า

ชื่อ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" ในฐานะ "ผู้จัดการรัฐบาล" เคยถูกตรา-เป็น "บาป" ติดตัวพรรคประชาธิปัตย์อย่างยาวนาน

เมื่อ เกิดเหตุ "ทุจริต" ในโครงการอันเป็นมงคล ที่ชุมชนพอเพียง ชื่อ "กอร์ปศักดิ์" เพื่อนรัก-คนใกล้ชิด "อภิสิทธิ์" ยังไม่ถูกเขี่ยพ้นปมปัญหา และยังพัวพันไปถึง "สุมิท-คอนเน็กชั่น" ที่เหนือชั้นไม่ธรรมดายิ่งทำให้โครงการ "พอเพียง" มัวหมอง

ไม่แน่ว่า ประสบการณ์แห่งพงศาวดารอุบัติเหตุทางการเมืองในอดีต อาจยังคง ตามหลอนพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป จนกว่าเงื่อนปมแห่ง "ผลประโยชน์ทับซ้อน"จะถูกสะสาง

view