จาก ประชาชาติธุรกิจ

---

วัน ที่ 28 กันยายน 2552 สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิจะเปิดใช้บริการครบรอบ 3 ปี ท่ามกลางกระแสลบรอบทิศทาง แถม ผลการดำเนินงานประจำปี 2552 ตลอด 9 เดือนแรก ตุลาคม 2551-มิถุนายน 2552 เปรียบเทียบช่วงเดียวกันกับปี ที่ผ่านมา ปีนี้มีกำไรสุทธิเพียง 1,467.38 ล้านบาท ลดลง 5,663.19 ล้านบาท ติดลบ 79.42% รายได้จากการดำเนินงานรวมทำได้เพียง 16,248.69 ล้านบาท ลดลง 3,668.57 ล้านบาท ติดลบ 18.52% สวนทางกับค่าใช้จ่ายการดำเนินงานรวมสูงถึง 13,137.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 291.79 ล้านบาท บวก 2.27%

ผนวกกับ เมื่อ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สำรวจสุวรรณภูมิ พร้อมกับเปิดประเด็น "มาเฟียสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ" มีทั้งมัคคุเทศก์ผี แท็กซี่เถื่อน มิจฉาชีพ ฉกทรัพย์ในกระเป๋าผู้โดยสารของสายการบินนานาชาติระหว่างลำเลียงเข้าและ ออกประเทศ การจับและปรับนักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนด อาทิ เจ้าหน้าที่สรรพสามิตไล่จับผู้ซื้อบุหรี่เกิน 1 คอตตอน/คน เรื่อยไปจนถึงการจัดระเบียบร้านค้าขายสินค้าปลอดอากร (duty free)

นายกฯ อภิสิทธิ์ให้นโยบาย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. ร่วมมือกับหน่วยงานเกี่ยวข้องต่างๆ ทำแผนปฏิบัติการปราบมาเฟียส่งให้นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา 18 สิงหาคม 2552 นอกเหนือจากผลประโยชน์ทางตรงฟังดูดี เรื่องยกมาตรฐานเพิ่มความปลอดภัยในสุวรรณภูมิ ปูพรมสู่สนามบินบริการระดับโลกอันดับ 1 ใน 10 แล้ว ยังจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวและสายการบินทั่วโลกกลับเข้ามา เป็นลูกค้าของไทย หลังเผชิญวิกฤตรุนแรงจากเหตุการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตยปิดสุวรรณภูมิ 28 พฤศจิกายน-4 ธันวาคม 2551

กลุ่มบุคคลใน แวดวงการเมือง นักธุรกิจผู้ประกอบการกิจการเกี่ยวข้องกับการบิน ตั้งข้อสังเกตว่าจู่ๆ นายกฯ อภิสิทธิ์ก็ลุกขึ้นมาประกาศปราบมาเฟียสุวรรณภูมินั้นเพราะหวังผลทางอ้อมโดย มีเป้าหมายเพื่อ "ตัดตอนเครือข่ายผลประโยชน์" ตัวแทน "การเมืองสายพันธุ์ใหม่" กำลังมุ่งหน้าเข้าไปปักหลักทำมาหากินในสุวรรณภูมิอย่างเป็นล่ำเป็นสันจาก กิจการรับเหมาจ้างบริการต่างๆ (outsource) เป็นงานย่อยมีจำนวนนับพันสัญญา ทำแล้วไม่ตกเป็นเป้าสายตาทางสังคม

มติที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.พอจะสะท้อนอะไรบางอย่างได้ นอกจากจะไม่ได้โฟกัสการแก้ปัญหารายได้ 9 เดือน ตกต่ำอย่างน่าใจหายถึง 79.42% แล้ว ยังประกาศทุบหม้อข้าวองค์กรด้วยการตั้งคณะกรรมการพิจารณาการถอนหุ้นทั้งหมด ออกจากกลุ่มแรก 5 บริษัท ได้แก่ บริษัท ไทยแอร์พอร์ตส กราวนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด (TAGS) 28.5% บริษัท แอร์พอร์ต ดิวตี้ฟรี จำกัด 10% บริษัท แอร์พอร์ตแอสโซซิเอท จำกัด (บริหารลานจอดรถดอนเมือง) 10% บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด 5% บมจ.ขนส่งน้ำมันทางท่อ 1.38%

ยก เหตุผลง่ายๆ ขึ้นมาอ้างว่าเพื่อป้องกันการถูกกล่าวหา ทอท.มีผลประโยชน์ทับซ้อน ทั้งที่ความจริง บางบริษัทเป็นหุ้นที่ได้รับฟรี เพื่อให้มีสิทธิ์ แต่งตั้งฝ่ายบริหารเข้าไปรับรู้การบริหารกิจการเกี่ยวข้องกับสนามบิน บางบริษัท ทอท.ใช้สิทธิ์ความเป็นองค์กรรัฐ ขอมติ ครม.อนุมัติจัดตั้งขึ้นมาเพื่อประโยชน์ของหน่วยงาน โดยเข้าไปถือหุ้นติดต่อกันเป็นเวลา 10-20 ปี รับปันผลเงินรายปีจากทุกบริษัทมาตลอด มูลค่ารวมปีละหลายร้อยล้านบาทโดยไม่มีปัญหาใดๆ

กรณีที่น่าสนใจคือมติ ยกเลิกสัญญาจ้าง บริษัท ไทยแอร์พอร์ตส กราวนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด (TAGS) บริษัทลูกของ ทอท. ที่ได้สิทธิ์บริการรถเข็นกระเป๋าสุวรรณภูมิรับค่าจ้างจาก ทอท. 6 ล้านบาท/เดือน ถูกจับตาว่าเป็นโครงการนำร่องเตรียมเปิดทางให้บริษัทเครือข่ายกลุ่มการเมือง ใหม่เข้ามาแทน จะรู้คำตอบภายใน 3 เดือนนี้ จากนั้นแท็กส์อาจจะโดนยกเลิกสัมปทานบริหารพื้นที่ปลอดอากรคลังขนส่งสินค้า ทางอากาศ (free zone operator) ซึ่งมีรายได้มากที่สุดถึงเดือนละ 100 ล้านบาท อีกทั้งยังเป็นบริษัทรับช่วงจาก บมจ.การบินไทย ให้บริการขนกระเป๋าผู้โดยสารขึ้นเครื่องบินในสุวรรณภูมิ (bagage handing service) กิจกรรมร้อนที่ตกเป็นเป้าใหญ่ เพราะบริการนี้นักท่องเที่ยวพากันร้องทุกข์เรื่องทรัพย์สินในกระเป๋าเดินทาง สูญหายระหว่างขั้นตอนขนถ่ายขึ้นเครื่องบิน

แหล่งข่าวระดับสูงจาก บมจ. การบินไทยยืนยันว่า เมื่อกันยายน 2549 ได้ทำสัญญาจ้างแท็กส์ให้บริการขนกระเป๋าผู้โดยสารและงานบริการอื่นๆ ให้แก่สายการบินลูกค้าเฉพาะบางเที่ยวบิน มูลค่าการจ้างประมาณ 10 ล้านบาท/เดือน แต่ประมาณวันที่ 28 กันยายนนี้ ข้อตกลงต่างๆ จะหมดอายุ การบินไทยคงไม่ต่อสัญญาให้แท็กส์อีกต่อไป

ส่วนเรื่องของในกระเป๋า ผู้โดยสารสูญหายนั้นต้องถาม ทอท.ด้วยว่ามีสัญญาย่อยจ้าง บริษัท แดนไทย จำกัด เข้ามารับช่วงดูแลกระเป๋าที่วิ่งอยู่บนสายพาน ลำเลียงเที่ยวบินละ 20 นาที ช่วงนั้นมีกล้องตรวจจับหรือไม่ ทรัพย์สินมักจะหาย ระหว่างนั้นมิใช่ตอนลำเลียงใส่ใต้ท้องเครื่องบิน

ปฏิบัติการปราบมาเฟียสุวรรณภูมิครั้งนี้ก็เพื่อตัดตอนการเมืองบางสายให้พ้นจากเขตต้องห้ามนั่นเอง