สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

มีชัย วีระไวทยะ เล็งระงับ 5 หมื่นโครงการพอเพียง วางกฎห้ามซื้อของเอง

จาก ประชาชาติธุรกิจ


ว่า ที่ปธ.ศพช.วางแผนระงับ 5 หมื่นโครงการชุมชนพอเพียง ส่งทบทวนเสนอมาใหม่ ต่อไปห้ามซื้อของเอง ให้ส่วนกลางจัดการ พท.ถามมาร์คตัดตอนฟันตัวเล็ก "นายกฯ" ปฏิเสธ ย้ำ"กอร์ปศักดิ์" ต้องถูกตรวจสอบ

นายมีชัย วีระไวทยะ รองประธานคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน (ศพช.) หรือโครงการชุมชนพอเพียง เปิดเผยว่า หากได้รับแต่งตั้งเป็นประธาน ศพช.แล้ว จะต้องปรับปรุงกระบวนการทำงานใหม่ ในส่วนโครงการที่เสนอเข้ามา ทั้งที่ยังไม่ได้อนุมัติกว่า 5 หมื่นชุมชน รวมถึงที่ได้รับอนุมัติแล้ว แต่ยังไม่ได้โอนเงิน จะสั่งทบทวนโครงการใหม่ทั้งหมด แม้จะเสียเวลาไปบ้าง แต่ถือว่าคุ้มค่า ถือเป็นการให้ชุมชนทดลองเขียนเรียงความเท่านั้น จากนั้นไปจะให้เริ่มต้นกันใหม่ โดยทุกโครงการที่เสนอเข้ามาแต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ จะส่งเจ้าหน้าที่ไปพูดคุยว่า โครงการเดิมเป็นอย่างไร มีประโยชน์ต่อชุมชนจริงหรือไม่ และให้ทำประชาคมเสนอกลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง


"โครงการที่อนุมัติและโอนเงินไปแล้ว เราคงทำอะไรไม่ได้มาก เหมือนอ้อยเข้าปากช้างไปแล้ว แต่เราจะไม่ทิ้งเขา จะส่งคนไปพูดคุยกับชุมชนว่าเป็นอย่างไร ของที่ซื้อมาแล้วจะดำเนินการอย่างไรให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนมากที่สุด ถ้าพบคนเข้าไปหาประโยชน์ ก็จะใช้กระบวนการทางกฎหมายเข้าไปจัดการ"


นายมีชัยกล่าวว่า รูปแบบโครงการที่จะเริ่มต้นทำกันใหม่นี้ จะเน้นเรื่องการสร้างรายได้ให้ชุมชนมากกว่าให้เงินไปซื้อสิ่งของ สพช.จะทำหนังสือคู่มืออธิบายข้อมูลโครงการที่ถูกต้องอย่างละเอียด แต่ถ้าชุมชนไหนยังสนใจซื้อสิ่งของ สพช.จะอำนวยความสะดวกเรื่องข้อมูลของสินค้า ราคากลาง หากเป็นสิ่งของชนิดเดียวกัน ส่วนกลางจะรับหน้าที่จัดประมูลให้เพื่อให้ราคาสินค้าถูกลง จะไม่ปล่อยให้ชุมชนซื้อของกันเอง เพื่อป้องกันไม่ให้ใครสวมรอยหลอกขายสินค้าราคาแพงอีก การดำเนินงานจากนี้ไปต้องโปร่งใสทุกขั้นตอน ข้อมูลจะถูกนำขึ้นเว็บไซต์ทั้งหมด นอกจากนี้รัฐบาลไม่จำเป็นต้องลงทุนงบประมาณฝ่ายเดียว อาจดึงเอกชนเข้ามาร่วมสนับสนุนชุมชนด้วย หลังจากได้รับแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ จะไปพบกับนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อขอสิทธิพิเศษลดภาษีให้เอกชนที่เข้าร่วมโครงการ


รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า มีผู้ส่งเอกสาร"ลับ"ถึงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลงวันที่ 13 สิงหาคม 2552 เนื้อหาระบุความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริหารระดับสูงใน สพช.กับสุภาพสตรี 2 คน ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท  บีเอ็นบี อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จำนวน 10 ล้านหุ้น และ 1.2 ล้านหุ้น ตามลำดับ แต่พรรคตั้งข้อสังเกตว่าเอกสารดังกล่าวน่าจะถูกส่งมาจากฝ่ายรัฐบาล เพื่อตัดตอนความผิดให้อยู่ที่นายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผอ.สพช.

 

เวลา 15.00 น. วันที่ 20 สิงหาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ลุกขึ้นตั้งกระทู้ถามสดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกรณีการใช้งบฯโครงการชุมชนพอเพียง โดย น.อ.อนุดิษฐ์แสดงภาพโบรชัวร์สินค้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทเอกชนที่นำมา จำหน่ายให้ชุมชนในราคาแพงต่อที่ประชุม พร้อมถามนายกฯว่า การอนุมัติโครงการใน กทม. 204 ชุมชน เป็นไปตามเป้าหมายการใช้งบฯภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงหรือไม่ ถ้าใช่ โครงการเหล่านั้นมีความยั่งยืนเพียงใด และถ้าไม่ใช่ โครงการเหล่านี้ผ่านการอนุมัติได้อย่างไร


นายอภิสิทธิ์ชี้แจงว่า โครงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ถือเป็นไปตามหลักการพลังงานทดแทน 1 ใน 4 กรอบการอนุมัติ จากนั้นให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯชี้แจงรายละเอียด นายกอร์ปศักดิ์กล่าวอธิบายระเบียบขั้นตอนการอนุมัติเหมือนที่เคยชี้แจงมา เป็นระยะ จากนั้นเรียกร้องให้ทุกคนเลิกเอาเรื่องการเมืองมายุ่งเกี่ยวกับโครงการนี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกอร์ปศักดิ์ยังได้แสดงภาพตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ ปรากฏข้อความ �น้ำดื่มบริสุทธิ์เพื่อสุขภาพและความประหยัด� ลงลายมือชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมกล่าวว่า เป็นภาพที่ให้เจ้าหน้าที่ไปถ่ายมา ตู้น้ำดังกล่าวเป็นของเอกชน ชุมชนที่เห็นอย่างนี้มาก่อนจึงอยากได้บ้าง เลยขออนุมัติโครงการซื้อ แต่ได้สั่งระงับไปแล้ว


น.อ.อนุดิษฐ์ถามอีกว่า หนึ่งในเจ้าหน้าที่ซึ่งถูก สพช.แจ้งความเป็นอดีต ส.ส.ชัยนาท พรรคประชาธิปัตย์ใช่หรือไม่


นายกอร์ปศักดิ์กล่าวไม่ตอบคำถามดังกล่าว แต่เลี่ยงไปพูดถึงการตรวจสอบพบ 11 จังหวัด อาทิ จ.เลย นครราชสีมา หนองคาย อุดรธานี และมหาสารคาม มีแบบฟอร์มขออนุมัติโครงการเหมือนกันหมดกว่า 100 โครงการ ส่วนใหญ่ระบุโครงการปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพเพื่อส่งเสริมการเกษตร แต่ไม่ได้จัดซื้อเครื่องมือผลิตปุ๋ย แต่เป็นการซื้อปุ๋ยก่อนได้รับอนุมัติโครงการอีก เรื่องดังกล่าวกองปราบปรามจะตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป


น.อ.อนุดิษฐ์ถามนายกฯว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่าจะมีการตัดตอนให้ความผิดอยู่เฉพาะนักการเมืองท้อง ถิ่นเท่านั้น ไม่สามารถเชื่อมโยงไปนักการเมืองระดับชาติได้


นายอภิสิทธิ์ชี้แจงว่า ถามว่าไปปกป้องตัดตอนใครหรือไม่ ยืนยันว่าไม่มี นายกอร์ปศักดิ์เองก็ต้องถูกตรวจสอบด้วย


ทางด้านความคืบหน้าในการตรวจสอบการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียงของพรรคประ ชาธิปัตย์ นายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการ เปิดเผยว่า คณะกรรมการได้ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใส เช่น 1.การอนุมัติให้ชุมชนซื้อสินค้าทั้งที่สินค้านั้นไม่มีบริษัทคู่แข่ง 2.บริษัทขายสินค้ารู้ข้อมูลภายในของ สพช.ได้อย่างไร โดยเฉพาะรู้ว่า สพช.ได้อนุมัติเงินให้ชุมชนแล้ว และบอกให้ชุมชนไปเบิกเงินด้วย น่าจะบ่งบอกว่ามีอะไรใน สพช. 3.การอนุมัติสินค้า เช่น ตู้น้ำดื่มพลังงานแสงอาทิตย์ 2 เครื่อง ราคา 2 แสนบาท แต่บวกราคาพัดลมซึ่งเป็นของแถม 2 ตัวอีก 1 แสนบาท รวมเป็นวงเงินที่เบิกคือ 3 แสนบาท น่าจะเกี่ยวข้องกับความโปร่งใสของเจ้าหน้าที่ สำหรับ ส.ข.ของพรรค 2 คน คณะกรรมการสรุปว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจริง แต่ไม่มีหลักฐานเอาผิดได้ในทางกฎหมาย


นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กล่าวว่า หลังจากเชิญตัวแทนชาวบ้าน 5 ชุมชนในสังกัดเทศบาลตำบลเมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี มาให้ข้อมูล เบื้องต้นพบว่าอาจมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงในเทศบาลมีส่วนเกี่ยวข้องกับการ ล็อบบี้ชาวบ้านเลือกตู้น้ำหยอดเหรียญ ดังนั้น ในวันที่ 27 สิงหาคม จะเชิญนายกเทศบาลตำบลเมืองเก่า และประธานสภาเทศบาลมาให้ข้อเท็จจริง


นายยุทธนา ยุพฤทธิ์ ส.ว.ยโสธร ประธานอนุกรรมาธิการติดตามงบประมาณของชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับ ชุมชน วุฒิสภา กล่าวว่า นายกอร์ปศักดิ์ควรจะลาออกจากตำแหน่งรองนายกฯด้วย เนื่องจากเป็นผู้รับผิดชอบโครงการโดยตรง จะหนีความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว

view