สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

องค์กรอิสระ-นักวิชาการชี้บรรษัทข้ามชาติร่วมวงทุจริตนโยบายรัฐ

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์



"วิชา"อัดโครงการชุมชนพอเพียง มีเข้าข่ายทุจริตเชิงนโยบาย "สภาพัฒน์"แฉต่างชาติพร้อมร่วมวงทุจริต ม.หอการค้าไทย ชี้ธุรกิจรวมต้นทุนค่าใต้โต๊ะ

ที่ สโมสรทหารบก สถาบันป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติสัญญา ธรรมศักดิ์ จัดอภิปราย"ทุจริตคอร์รัปชั่นหมดไป สังคมไทยได้อะไรคืนมา" โดยนายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) อภิปรายว่า การทุจริตที่สังคมไทยเผชิญอยู่ขณะนี้คือการทุจริตเชิงนโยบาย หรือผลประโยชน์ทับซ้อน เป็นการคอร์รัปชั่นที่บางครั้งถูกกฎหมาย แต่ผิดหลักประโยชน์ของสาธารณะ หลักจริยธรรม ใช้เงื่อนไขทางการเมืองเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มบุคคล เช่น กรณีเครื่องกดน้ำที่ยัดเยียดให้ชุมชน ไปบังคับให้ชาวบ้านเซ็นรับ เป็นการโกงทางนโยบาย บางเครื่องยังเอากุญแจล็อคไว้ เปิดใช้ไม่ได้ นี่คือการคอร์รัปชั่นที่ผิดกฎหมายและจริยธรรมในระยะเวลาเดียวกัน

ทั้งนี้ ป.ป.ช.พร้อมสอบโครงการชุมชนพอเพียง ขณะนี้มีคนร้องเรียนป.ป.ช.แล้ว และยังพบว่า นักการเมืองเริ่มล้วงลูกข้าราชการไปจนถึงระดับ ซี 3 - 4 แล้ว ไม่ได้ล้วงเฉพาะหัวเหมือนในอดีต ซึ่งป.ป.ช.กำลังออกกฎหมายใหม่ว่า หากข้าราชการไม่ให้ความร่วมมือกับการทุจริต และนำข้อมูลการทุจริตมาให้ จะไม่สามารถโยกย้ายข้าราชการคนดังกล่าวออกจากตำแหน่งได้ และจะถูกกันไว้เป็นพยาน หากสามารถปราบการทุจริตได้สำเร็จ   ข้าราชการก็จะได้รับรางวัลเป็นการปูนบำเหน็จด้วย  

นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้ป.ป.ช.เข้าไปตรวจสอบโครงการชุมชนพอเพียง เพราะมีการนำเงินจำนวนมากลงไป แต่ไม่มีการตรวจสอบ เพราะทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ก็ได้ประโยชน์ทุกคน ทั้งคณะกรรมการและชาวบ้าน นโยบายและกฎหมายก็ทำถูกต้อง การบริหารจัดการลงตัวหมด แต่มีผู้เสียประโยชน์คือประเทศชาติที่ถูกล้างผลาญ ดังนั้นป.ป.ช.ควรเข้าไปเป็นหัวขบวนตรวจสอบ

ตัวแทน"สภาพัฒน์"ระบุบรรษัทข้ามชาติโดดร่วมวงคอร์รัปชั่น

นายอุทิศ ขาวเธียร รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)กล่าวว่า ในอนาคตการทุจริตเชิงนโยบายจะขยายตัว นอกจากจะเป็นความร่วมมือของนักการเมือง ข้าราชการ และนักธุรกิจแล้ว ยังมีกลุ่มธุรกิจข้ามชาติมาร่วมเป็นผู้เล่นด้วย เนื่องจากมีผลประโยชน์ต้องกัน

โดยการทุจริตเชิงนโยบายในอนาคตจะเป็น โครงการใหญ่ขึ้น ไม่มีโครงการกระจอกอีกแล้ว เพราะเสียเวลา ไม่คุ้มค่า หากเป็นโครงการขนาดเล็กก็จะรวมเป็นแพ็คเกจ เพื่อให้ได้งบมากขึ้น โดยอ้างความจำเป็นเฉพาะหน้า และการแก้ปัญหาให้คนยากจน จะจูงใจชาวบ้านด้วยผลประโยชน์ส่วนเสี้ยว การทุจริตในอนาคตจะเป็นแบบไฮบริด เป็นพันธุ์ผสมและมีการดื้อยา หากไม่เตรียมตัวตั้งแต่ต้น ป.ป.ช.ก็จะกลายเป็นตัวตลก

ม.หอการค้าไทย เผยเงินใต้โต๊ะนักธุรกิจคิดเป็นต้นทุน

นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย ม.หอการค้าไทย กล่าวว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของนักธุรกิจ เมื่อเดือนมี.ค.2552 ส่วนใหญ่กว่า 50% บอกว่า การคอร์รัปชั่นของไทยอยู่ในระดับเท่าเดิม โดยคิดเป็นทุนในการประกอบธุรกิจ เพราะถ้าไม่จ่ายงานก็ไม่เดิน และพบว่านักธุรกิจมีการจ่ายเงินให้นักการเมืองเฉลี่ยตกปีละ 3 แสนบาท คิดเป็นค่าใช้จ่าย 1-2% ของรายรับ  

ขณะที่ 5 หน่วยงานที่มีการคอรัปชั่นมากที่สุดเรียงตามลำดับได้แก่ ตำรวจ นักการเมือง กรมศุลกากร องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) และกรมที่ดิน นอกจากนี้ยังพบว่า ในรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นยุคที่ข้าราชการมีประสิทธิภาพการทำงานดีที่สุด แต่ก็มีการคอรัปชั่นสูงที่สุดด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ผลที่ประเทศจะได้รับสามารถขจัด การคอรัปชั่นให้หมดสิ้นไปได้คือ จะช่วยประหยัดงบประมาณได้ประมาณ 30,000- 120,000 ล้านบาทต่อปี รวมถึงหยุดการรัฐประหารได้ เพราะทุกครั้งที่เกิดการรัฐประหารมักอ้างว่า เป็นผลมาจากการทุจริตคอรัปชั่น

view