สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

บางแสน หนองมน

จาก โพสต์ทูเดย์
รายงานโดย :เรื่อง / ภาพ สุธน สุขพิศิษฐ์:


เมื่ออาทิตยที่แล้วบอกว่าไปบางแสนเพราะห่างเหินไปนาน อยากรู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่พอไปเข้าจริงๆ เกิดมัวสนุกกับการดูปลา

ซื้อปลา เลยยังไม่ถึงบางแสนอย่างจริงจัง 

       ครั้งนี้ผมเข้าบางแสนจากถนนสุขุมวิท จำของเดิมเอาไม่ได้เลย กลายเป็นเมืองใหม่อีกเมืองหนึ่งเลย นึกถึงสมัยหนึ่งผ่านเส้นนี้ต้องกินก๋วยเตี๋ยวดูดี๋ หรือก๋วยเตี๋ยวชักธง ซึ่งที่บางแสนนี่แหละเป็นเจ้าแรก เดี๋ยวนี้ยังมีอยู่หรือไม่ก็ไม่รู้ ถึงยังมีอยู่ก็หาทางเข้าไม่ได้อยู่ดี

       วิ่งเลียบชายหาด ส่วนนี้ยังเหมือนเดิมที่มีร่มชายหาดมากกว่าหาดทราย นักท่องเที่ยวก็ยังเหมือนเดิมที่มากันเป็นครอบครัว หอบลูกจูงหลานญาติมิตรมา ก็ดีครับเป็นที่เที่ยวที่ไม่ใกล้ไม่ไกล พอดีๆ ใช้วันหยุดสั้นๆ เพียงวันเดียวสำหรับครอบครัว แต่ก็เห็นว่าจะมีอาทิตย์ที่คนน้อยลงไปบ้าง ถ้าอาทิตย์นั้นตรงกับวันหวยออก

       ผมวิ่งมาถึงปลายบางแสน ซึ่งสมัยก่อนนั้นถนนจะสุดอยู่แค่นั้น ถนนจะถูกบังคับเลี้ยวให้ไปทางเส้นที่ไปอ่างศิลา เดี๋ยวนี้เทศบาลเขาทำถนนทะลุอ้อมเลียบโค้งริมทะเล เห็นวิวทะเล มีเขื่อน มีทางเดิน มีเก้าอี้นั่ง พลิกโฉมบางแสนไปอีกแบบหนึ่ง

       ตรงปลายแหลมหรือที่เรียกว่าแหลมแท่น ที่นี่แหละที่ผมอยากเห็น เพราะเริ่มต้นชอบทะเลและชอบตกปลาก็ตรงนี้แหละ เป็นเรื่องที่ยาวนานมากครับ เอาเป็นว่าตั้งแต่เพิ่งทำงานเป็นปีแรกๆ ก็แล้วกัน ตรงปลายแหลมหรือที่เรียกว่าแหลมแท่นนี้ ตรงใกล้ๆ มีบ้านชาวบ้านอยู่ เป็นบ้านไม้ใต้ถุนเตี้ยๆ อยู่กลุ่มหนึ่งมีอาชีพกะเทาะหอยนางรมจากโขดหินขาย และมีถนนเล็กๆ เดินไปได้ที่แหลมแท่น ซึ่งจะผ่านศาลเจ้าเล็กๆ อีกเช่นกัน ตรงปลายแหลมแท่นจะมีอาคารไม้โล่งๆ สร้างเลยแนวหินไปนิดเดียว และมีสะพานคอนกรีตออกไปเชื่อมกับอาคาร สะพานนี้คร่อมอยู่กับแนวหิน น้ำทะเลจะซัดตูมๆ ตลอดเวลา ยิ่งเวลาน้ำขึ้น น้ำทะเลแทบจะสาดขึ้นมาถึงสะพาน

       ที่นี่แหละเป็นสวรรค์ของผมเมื่อครั้งนั้น เย็นวันเสาร์ต้องนั่งรถเมล์ไปลงที่หนองมน แล้วต่อรถรับจ้างประจำทางเข้าแหลมแท่น ขอแบ่งห้องเช่าเล็กๆ จากชาวบ้านพออาศัยนอน กินข้าวบ้านเขาเสร็จสรรพ เอาคันเบ็ดออกไปที่สะพาน ไม่โดดเดี่ยวครับ เพราะเย็นวันเสาร์น่ะจะมีคุณตาไปจากกรุงเทพฯ เหมือนกัน คุณตาเป็นคนมีฐานะ บ้านอยู่ในซอยพระพินิจ สวนพลู จะต้องไปตกปลาที่แหลมแท่นทุกอาทิตย์ ลูกจะขับรถไปส่งก็ไม่เอา จะไปรถเมล์อย่างเดียว แล้วยังมีสมาชิกอื่นๆ อีก 2 คน เป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยอุเทนถวาย นี่ก็ต่างคนต่างไป ทุกคนมีเบ็ดที่ฝากชาวบ้านไว้ เป็นคันไม้รวกธรรมดาผูกเอ็นที่ปลายไม้ ตอนนั้นคันเบ็ดญี่ปุ่นที่มีรอกยังไม่มีขาย ปูเสื่ออยู่กับสะพานนั่นเอง เหยื่อตกปลาเป็นตัวเพรียงที่ชาวบ้านนั้นเตรียมไว้ให้

3-4 คนที่ตกปลากันนี่อยู่กันเงียบๆ ยิ่งดึกๆ อากาศยิ่งเย็นสบายมาก เหมือนในโลกนี้มีคนอยู่เพียงเท่านั้นเอง คุณตาถ้าได้ปลาตัวเล็กจะปลดแล้วปล่อย ถ้าได้กะพงก็จะให้อาจารย์ทั้งสองคน ส่วนอาจารย์ก็เหมือนกันได้ปลาไม่คุ้มเอากลับกรุงเทพฯ ก็ปล่อย ส่วนผมได้ปลาจวดยาวแค่ฝ่ามือก็ถือว่าโชคดีว่าวันนั้นทำบาปขึ้นแล้ว และตกปลาอยู่แค่ตี 2-3 ก็ไปนอน

       เช้าวันรุ่งขึ้นนั่งรถรับจ้างออกไปหาอะไรกินที่ตลาดหนองมน มีของกินถูกใจทั้งนั้น ตอนนั้นมีห่อหมกอยู่ 2 เจ้า แม่นิดที่ยังขายอยู่ทุกวันนี้ยังเป็นหนูนิดช่วยแม่ขายห่อหมกอยู่ ห่อหมกแถบชลบุรี บางแสน ห่อจะบางนิดเดียว เนื้อห่อหมกจะนิ่มมากและออกหวานซึ่งเป็นแบบของทางนั้น แต่อร่อยครับ ยังมีก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำที่ใส่หมูแดงที่สีส้มๆ มากกว่าที่จะสีแดง นี่ก็อร่อย ติดกันมีร้านกาแฟ ผมต้องกินโอเลี้ยงอย่างเดียว ทั้งแก่เข้มข้นและทั้งหวาน ใกล้ๆ ยังมีลอดช่องน้ำกะทิที่ตั้งแต่ผมกินน้ำกะทิลอดช่องมาไม่เคยมีที่ไหนอร่อย เท่าที่นั่น ทั้งหมดนี่คือหนองมนที่ผมไม่เคยลืม ที่ไปครั้งนี้ก็รู้ว่าจะหวนหาอย่างนั้นอีกไม่ได้แล้ว ก็เป็นเรื่องธรรมดาของโลก

       ครั้งนี้ผมไปตลาดหนองมนแต่เช้า ยังพอมีบรรยากาศหรืออารมณ์ของเดิมหลงเหลืออยู่บ้าง อย่างแรกห่อหมกแม่นิดซึ่งตอนนี้คงเป็นคุณยายนิดแล้ว ยังขายห่อหมกเหมือนเดิม มีกาแฟถุง มีร้านก๋วยเตี๋ยว ครั้งนี้ผมเจอข้าวต้มปลาอยู่ตรงกลางตลาด ใช้ได้ครับ เดินหาลอดช่องเจ้าเดิมไม่อยู่แล้ว เจ้าใหม่ก็ไม่มีถ้วยใส่ให้กินเพราะเขาขายเป็นถุงๆ สำหรับให้แม่ค้าเอาไปขายปลีกอีกที

       กลางวันขับรถไปเที่ยวศรีราชา ที่นี่คุ้นบ่อย ตอนเย็นๆ จะกินข้าวที่ร้านมุมอร่อยในซอยโรงพยาบาลสมิติเวช เพราะเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วไปรับงานจ๊อบทำเป็นทีมเทิร์นคีย์ ออกแบบวางแลนด์สเคป ออกแบบก่อสร้าง รวมทั้งงานศิลปกรรมทั้งหมด และคุมงานก่อสร้างจนเสร็จ คืออาคารสามก๊กที่เป็นอีกส่วนหนึ่งของฮอร์สชูพอยท์ที่พัทยากลางของตระกูลดัง ตระกูลหนึ่ง

       วนเวียนที่เกาะลอยศรีราชานิดหนึ่ง ได้ความรู้จากคุณสมวุฒิ สุนทรวิจิตร ที่แนะนำให้ไปกินร้านอาหารชายทะเลบางพระ ซึ่งที่จริงแล้วผมชอบบางพระเป็นที่สุด เคยขับรถเข้าไปหลายครั้งแต่ไม่รู้จักร้านนี้ เลยลองดู เข้าไปเป็นโต๊ะแรกเลยสำหรับก่อนเที่ยง สั่งกับข้าวมา 3 อย่าง มีทะเลผัดเผ็ดก็มีหอย ปลาหมึก กุ้ง ปลา และแกงป่าปลาเห็ดโคน และปลาอินทรีทอดน้ำปลา อร่อยทั้ง 3 อย่างครับ เสียดายที่ไปกัน 2 คน สั่งกับข้าวได้แค่นี้ ถ้าไปหลายคนหน่อยจะได้ลองกินหลายๆ อย่าง

       ถนนเลียบชายทะเลบางพระเป็นถนนเล็กๆ เงียบๆ ชาวบ้านมีอาชีพประมงชายฝั่ง ออกเรือเล็กๆ ผมว่าวิวทะเลกับความเงียบสงบแล้วที่นี่ก็น่าพักผ่อนมาก น่าจะมีบ้านพักหรือรีสอร์ต

       จะออกจากชลบุรีแวะเข้าไปในตัวเมือง ผ่านร้านหมูสะเต๊ะอพอลโล อยู่ปากซอยท่าเรือพลี

ร้านนี้เมื่อสัก 20 ปีที่แล้วดังมาก ใครๆ ก็ต้องไปกินหมูสะเต๊ะเจ้านี้ มีหมูสะเต๊ะกับขนมปังปิ้งอย่างเดียว ไม่มีอย่างอื่นขายร่วมด้วย เขาขายดีจนไปเปิดเป็นสาขาอีกที่หนึ่งที่ศรีราชา เห็นแล้วก็อยากกิน แต่ผิดหวังครับ อย่างแรกเขาย่างด้วยเตาไฟฟ้า ไม่มีกลิ่น ไม่มีควันสมเป็นสะเต๊ะ น้ำจิ้มยังพอเหมือนเดิม แต่หมูนี่สิไม่รู้ทำได้อย่างไร หั่นบางเหมือนกระดาษ A4 ผมชอบสะเต๊ะแบบชิ้นบึ้มๆ

       แต่ร้านฝั่งตรงกันข้ามมีของดี เป็นร้านเล็กๆ มีคุณยายนั่งอยู่หน้าร้าน มีน้ำปลาระยองยี่ห้อเอราวัณอย่างดีขวดละ 30 บาท ผมลองเสี่ยงซื้อมา นี่เพิ่งเปิดชิมแล้วใช้ได้เลย อาจจะเค็มนิดหนึ่ง ซึ่งเหมาะสำหรับจิ้ม แต่มีกลิ่นหมักปลาหอมมาก ผมชอบน้ำปลารสนี้

       อีกอย่างที่ผมตั้งใจมากที่ไปชลบุรีครั้งนี้คือ ไปซื้อดอกเกลือ หรือเกสรเกลือ ก็มาซื้อได้ที่แผงขายเกลือริมถนนเยื้องๆ กับมหาวิทยาลัยศรีปทุม ก็เกือบจะวิ่งเลยเหมือนกัน มีแค่ 2 เจ้าเท่านั้น เกลือที่กินๆ กันอยู่ทุกวันนี้มี 2 อย่างคือ เกลือป่นบรรจุขวดขาย ลงท้ายทิพย์ๆ นี่แหละเป็นเกลือโรงงาน เป็นเกลืออีสาน กับเกลือป่นจากทะเลใส่ถุงพลาสติกเชยๆ ขายตามตลาดสด อยากรู้ว่าความเค็มต่างกันอย่างไรให้เอานิ้วแตะเกลือนิดเดียวแล้วชิมดูจะรู้ รสว่าต่างกัน

       แล้วทีนี้ชิมเกลือทะเลกับดอกเกลือทะเลก็จะต่างกันอีก ผมไม่อยากชี้นำ อยากให้ลองดูครับ อีกอย่างที่ชอบมากคือ ดอกเกลือถุงหนึ่ง 20 บาทใช้จนเกือบลืม

       ครั้งนี้ก็ครบถ้วนเรื่องบางแสน หนองมน ทั้งอดีตและปัจจุบัน วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ สองวันใกล้ๆ แค่นี้ ไปเติมพลังงานสำหรับอาทิตย์ต่อไปก็ใช้ได้แล้วครับ

view