สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เอส.อี.ซี.ฯผงะ! ผลสอบพบรถหายถึง 484 คัน คาดมีการทุจริต-ทำหลักฐานเท็จ ชงก.ล.ต.ฟันต่อ

จากประชาชาติธุรกิจ



นายสรรพพล รัตนรุ่งโรจน์ , นางสาวยุพาวดี นาถประนิล กรรมการ บริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์วันนี้(12ต.ค.2552)ว่า   คณะกรรมการบริษัท ได้รับรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินซึ่งได้ตรวจสอบทรัพย์สินของ บริษัทพร้อมเอกสารแนบท้ายรายงานจำนวน 5 แฟ้ม ซึ่งได้รายงานการตรวจสอบทรัพย์สินซึ่งเป็นรถยนต์ของบริษัท ซึ่งตามบัญชีทรัพย์สินของบริษัทปรากฏว่า มีจำนวนรถยนต์อยู่ทั้งสิ้น 501 คัน แต่จากการตรวจสอบตัวรถปรากฏว่า พบเพียง 17 คัน ซึ่งส่วนที่เหลือจำนวน 484 คัน ไม่พบรถยนต์ และจากการตรวจสอบแล้วปรากฏว่า ที่ผ่านมาบริษัทไม่เคยเช่าโกดังหรือสถานที่ใด ๆ ในการเก็บรักษารถยนต์ซึ่งจากการตรวจสถานที่เช่าของบริษัทมีเพียง 3 แห่ง คือ
         1. สถานที่เช่าซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่
         2.อาคารสาขาพระราม 2
         3. อาคารสถานที่เช่าซันยองซึ่งปัจจุบันผู้ให้เช่าได้ยกเลิกการเช่าไปแล้ว
จากรายงาน คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน ปรากฏว่าเอกสารต่างๆนั้นหาไม่พบเนื่องจากมีการทำลายไปบางส่วนและจากการค้นหา ของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินนั้นสามารถค้นหาและพบเอกสารซึ่งเป็น ใบสั่งซื้อ และเอกสารอื่น แต่เป็นเอกสารปี 2550 และปี 2551 ตามรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินดังกล่าว
        
ซึ่งตาม รายงานของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินนั้น คาดว่ารถยนต์น่าจะหายไปในระหว่างไตรมาสที่ 3 ของปี2551 ซึ่งที่ผ่านมามีการตรวจนับจากผู้ตรวจสอบบัญชีมาโดยตลอดแต่จะหายไปจากที่ไหน และไปเก็บไว้ที่ใดนั้น บริษัทไม่อาจทราบได้
         จากรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบได้ตั้งประเด็นการสูญหายของรถยนต์ไว้ 2. ประเด็นคือ
         1. เกิดการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของบริษัทโดยทุจริต
         2. พนักงานของบริษัทได้ร่วมมือกับคณะกรรมการชุดก่อนจัดทำหลักฐานเท็จขึ้นมา
         แต่จากการดูพยานหลักฐานแล้ว คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินมีความเห็นว่า น่าจะเกิดจากการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของบริษัท โดยทุจริต มากกว่า
         
คณะ กรรมการบริษัทได้จึงมีมติอนุมัติ และเห็นชอบเช่นเดียวกับคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน โดยให้คณะกรรมการบริหารนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อผู้ตรวจสอบบัญชีของบริษัทและ เสนอเรื่องและเอกสารต่อ กลต. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไปหรือดำเนินการในส่วนที่ สามารถดำเนินการด้วยตนเองได้ต่อบุคคลผู้เกี่ยวข้องทั้งแพ่งและอาญาต่อไป

SECCพบรถหาย484คัน คาดถ่ายเททรัพย์สิน

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
คณะกรรมการตรวจสอบ SECC พบรถหายจากบัญชี 484 คัน ตั้งประเด็นทุจริตถ่ายเททรัพย์สิน เผยที่ผ่านมาบริษัทไม่เคยเช่าโกดังในการเก็บรักษารถยนต์

บริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (SECC) แจ้งว่า คณะกรรมการบริษัทได้รับรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินซึ่งได้ตรวจสอบ ทรัพย์สินของบริษัทพร้อมเอกสารแนบท้ายรายงานจำนวน 5 แฟ้ม ซึ่งได้รายงานการตรวจสอบทรัพย์สินซึ่งเป็นรถยนต์ของบริษัท ซึ่งตามบัญชีทรัพย์สินของบริษัทปรากฏว่ามีจำนวนรถยนต์อยู่ทั้งสิ้น 501 คัน แต่จากการตรวจสอบตัวรถปรากฏว่า พบเพียง 17 คัน ซึ่งส่วนที่เหลือจำนวน 484 คัน ไม่พบรถยนต์

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบแล้วปรากฏว่า ที่ผ่านมาบริษัทไม่เคยเช่าโกดังหรือสถานที่ใด ๆ ในการเก็บรักษารถยนต์ ซึ่งจากการตรวจสถานที่เช่าของบริษัทมีเพียง 3 แห่ง คือ สถานที่เช่าซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่อาคารสาขาพระราม 2 และอาคารสถานที่เช่าซันยอง ซึ่งปัจจุบันผู้ให้เช่าได้ยกเลิกการเช่าไปแล้ว

จากรายงานคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน ปรากฏว่าเอกสารต่างๆนั้นหาไม่พบเนื่องจากมีการทำลายไปบางส่วนและจากการค้นหา ของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินนั้นสามารถค้นหาและพบเอกสารซึ่งเป็น ใบสั่งซื้อ และเอกสารอื่น แต่เป็นเอกสารปี 2550 และปี 2551 ตามรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินดังกล่าว

ตามรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินนั้น คาดว่า รถยนต์น่าจะหายไปในระหว่างไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 ซึ่งที่ผ่านมามีการตรวจนับจากผู้ตรวจสอบบัญชีมาโดยตลอดแต่จะหายไปจากที่ไหน และไปเก็บไว้ที่ใดนั้น บริษัทไม่อาจทราบได้

 รายงานของคณะกรรมการตรวจสอบได้ตั้งประเด็นการสูญหายของรถยนต์ไว้ 2 ประเด็นคือ เกิดการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของบริษัทโดยทุจริต และพนักงานของบริษัทได้ร่วมมือกับคณะกรรมการชุดก่อนจัดทำหลักฐานเท็จขึ้นมา แต่จากการดูพยานหลักฐานแล้ว คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินมีความเห็นว่า น่าจะเกิดจากการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของบริษัทโดยทุจริตมากกว่า

คณะกรรมการบริษัทได้จึงมีมติอนุมัติ และเห็นชอบเช่นเดียวกับคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน โดยให้คณะกรรมการบริหารนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อผู้ตรวจสอบบัญชีของบริษัทและ เสนอเรื่องและเอกสารต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไปหรือดำเนินการในส่วนที่ สามารถดำเนินการด้วยตนเองได้ต่อบุคคลผู้เกี่ยวข้องทั้งแพ่งและอาญาต่อไป

view