สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

สภาทนายความวอนทุกฝ่ายเคารพคำสั่งศาลระงับลงทุนมาบตาพุด

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์



สภาทนายความ ออกแถลงการณ์เรียกร้องทุกฝ่ายเคารพคำสั่งศาลระงับโครงการมาบตาพุด ด้านสมาคมต่อต้านภาวะโลกร้อนเสนอ 5 ทางออกยุติปัญหา

นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ ออกแถลงการณ์ เรื่องการช่วยเหลือคดีประชาชนชาวบ้านอำเภอมาบตาพุด อำเภอบ้านฉางและใกล้เคียงจังหวัดระยอง ที่สภาทนายความ รับมอบอำนาจ สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนและชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนรวม 43 ราย ยื่นฟ้องต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติกับพวกรวม 8 รายต่อ ศาลปกครองกลาง

โดยนายเดชอุดม นายกสภาทนายความ กล่าวอธิบายวิธีการดำเนินการในศาลปกครองเพื่อให้ประชาชนผู้ที่สนใจได้รับ ทราบโดยเฉพาะเพื่อไม่ให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ที่เป็นการก้าวล่วงดุลพินิจ ของศาลในคดีนี้ และเพื่อเป็นการสร้างความโปร่งใสและความเป็นธรรมในการนำเสนอข้อกฎหมายและข้อ เท็จจริงให้กับประชาชนและผู้ที่สนใจให้ทราบโดยทั่วกัน ว่า

คดีนี้ผู้ฟ้องคดีทั้ง 43 รายได้ นำเสนอข้อเท็จจริงต่อศาลปกครองกลาง ในส่วนที่เกี่ยวกับข้อบกพร่อง การละเลยการปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการในการบริหารกฎหมายและการดูแลให้การ บังคับการให้เป็นไปตามสภาพอย่างแท้จริงสำหรับการลงทุนใน อ.มาบตาพุด อ.บ้านฉาง และบริเวณใกล้เคียง จ.ระยอง ที่ได้ถูกปล่อยให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม สภาพอากาศ ดิน น้ำ และการปล่อยสารมีพิษต่าง ๆ ในรูปของขยะและควันพิษมีเกิดขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ไม่ได้มีการบังคับอย่างจริงจัง กลับอาศัยช่องว่างของกฎหมายเดิมที่ขาดสภาพการบังคับคล่องอย่างจริงจริง

ขณะที่ก่อนหน้านี้ศาลปกครองจังหวัดระยอง ได้มีคำพิพากษาไว้แล้วในคดีหมายเลขแดงที่ 32/2552 ว่า พื้นที่อ.มาบตาพุด - บ้านฉาง และใกล้เคียง เป็นพื้นที่ที่มีปัญหามลพิษส่งผลกระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพของประชาชน สมควรให้มีการประกาศให้พื้นที่เหล่านี้ เป็นเขตควบคุมมลพิษ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม มาตรา 59

ปัจจุบันนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้ลงนาม ประกาศให้พื้นที่ตามคำพิพากษาเป็นเขตควบคุมมลพิษแล้วตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.52 และได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 1 พ.ค.52 และมีผลบังคับใช้นับแต่วันถัดจากวันที่ประกาศเป็นต้นมา

นายเดชอุดม กล่าวด้วยว่า ส่วนโครงการต่าง ๆ ที่ขออนุญาตดำเนินการในพื้นที่มาบตาพุด-บ้านฉางและใกล้เคียง รวมแล้วกว่า 73 โครงการซึ่งเป็นเหตุการณ์ฟ้องคดีนั้น ซึ่งได้รับอนุญาตภายหลังจากที่รัฐธรรมนูญ ปี 50 ประกาศใช้แล้ว เป็นเรื่องที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ ปี 50 มาตรา 67 วรรคสอง เพราะเป็นการอนุญาตที่ยังไม่ได้ทำการศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่ง แวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในชุมชน และจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้เสียก่อน

ดังนั้นบรรดาโครงการที่กล่าวอ้างว่ามีสิทธิที่จะดำเนินการได้เนื่องจาก ได้รับความเห็นชอบจากผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 8 รายแล้ว รวมถึงอ้างว่าได้จ้างบริษัทที่ปรึกษาได้ศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผล กระทบด้านสิ่งแวดล้อมบางส่วนแล้วนั้น ตามข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏว่าได้มีการทำรายงานให้ถูกต้องตามหลักและวิธีการ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญตามที่ได้อ้าง

“สภาทนายความจึง ขอเรียนว่า ผลกระทบจากการลงทุนทั้ง 76 โครงการ ที่อ้างว่าจะทำให้มีการถอนการลงทุนย้ายไปประเทศเพื่อนบ้าน จะทำให้การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยลดลงหรือทำให้อัตราการเติบโต ของเศรษฐกิจของประเทศลดลงประมาณร้อยละ 1.7 รวมทั้งจะมีการลดการจ้างงานลงจากที่ประมาณการไว้ 100,000 คนนั้น คงเป็นแต่เพียงการสร้างกระแสเพื่อให้มีที่ข้อเท็จจริงที่จะใช้เป็นข้ออ้าง ซึ่งไม่ได้ปรากฏอยู่ในสำนวนคดี” นายเดชอุดม นายกสภาทนายความ กล่าวและว่า

การออกมาโต้แย้งให้ความเห็นต่างๆ นั้นสร้างความเสียหายแก่ดุลยพินิจของศาลในคดี เพราะเป็นการวิพากษ์ผลกระทบที่อาจจะเกิดความไม่มั่นใจกับผู้ประกอบการลงทุน และอุตสาหกรรมในเขตจังหวัดระยองโดยรวม ซึ่งสภาทนายความเห็น ว่า ข้อผูกพันของประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสห ประชาชาติและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง ล้วนแต่ให้ความรับรองและหลักประกันเรื่องสุขภาพการกินดีอยู่ดีของคนในสังคม ทั่วโลก

การที่จะพยายามส่งเสริมให้มีการลงทุนโดยฝ่าฝืนมาตรฐานเดียวกันกับที่ใช้ ทั่วโลกจึงเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม แต่หากจะยกเป็นประเด็นขึ้นกล่าวอ้างก็ขอให้อ้างมาในสำนวนในคดีของผู้ถูกฟ้อง คดี ไม่ควรนำข้อเท็จจริงนอกสำนวนมาใช้เป็นการประชาสัมพันธ์ภาคอุตสาหกรรมหรือ สร้างความสำคัญทางเศรษฐกิจให้ประชาชนเข้าใจผิด

“ประเด็นเรื่องของความถูกต้องจึงอยู่ที่ต้องไม่แข่งกันพูดหรือพูดกันคนละ ที หรือเลือกที่จะพูดแค่ความดีของส่วนตน อยากให้หยุดพูดหรือให้ความเห็นที่ออกมาบอกว่า เงินลงทุนเป็นแสนล้าน จ้างงานนับหมื่นคนต้องหยุดนั้น ควรต้องชี้แจงด้วยว่าโครงการส่วนใหญ่ทั้งหมดเป็นโครงการที่ได้รับการส่ง เสริมการลงทุนให้ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ ยกเว้นภาษีอากรขาเข้าเป็นเวลา 8 - 13 ปี ซึ่งควรจะนำสิทธิประโยชน์ที่ได้ไปสร้างความสมดุลให้กับชีวิตความเป็นอยู่ของ ประชาชน ไม่ใช่ไปสร้างความทุกข์ให้กับประชาชนที่ต้องทนทุกข์ทรมานที่เขาไม่ได้มีส่วน ร่วม” นายกสภาทนายความกล่าว

นายเดชอุดม กล่าวต่อว่า สำหรับสาเหตุที่หลายประเทศไปลงทุนในประเทศใกล้เคียง ไม่ได้เกิดจากการบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย แต่ว่าสภาพการเมืองที่มั่นคง ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งและการจ้างแรงงานที่ถูกกว่า เป็นจุดผลักดันสำคัญในการลงทุนในแต่ละประเทศ โดยปัญหาเรื่องมลพิษและสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง เช่นกรณี อ.มาบตาพุด - บ้านฉาง และใกล้เคียง จ.ระยอง เป็นตัวอย่างที่ดีซึ่งประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ทำกัน เพราะการใช้ชีวิตและสุขภาพร่างกายของประชาชนในชาติเป็นตัวต่อรองให้มีการลง ทุนโดยตรงจากต่างประเทศ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง

ขณะที่สภาทนายความเห็นว่า ทุกฝ่ายควรน้อมรับคำสั่งชั่วคราวของศาลปกครองกลางไปปฏิบัติเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โดยสภาทนายความรวม ทั้งผู้ฟ้องคดี ยินดีให้ความร่วมมือที่จะทำให้เกิดความสุขความสมดุลย์ในการลงทุนและการรักษา สิ่งแวดล้อมให้เกิดขึ้นและเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับประเทศไทยและนานาประเทศ ตลอดไป

ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้ออกแถลงการณ์ของสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนและชาวบ้านมาบตาพุด ผู้ฟ้องคดี รวม 43 ราย ระบุว่าเนื่องจากนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอันเนื่อง มาจากการพัฒนาอุตสาหกรรมโดยการสร้างสมดุลระหว่างคุณภาพชีวิตของประชาชนชาว มาบตาพุด-บ้านฉาง และใกล้เคียง จ.ระยอง ภาคประชาชน และผู้ฟ้องคดี จึงมีข้อเสนอเพื่อหาทางออกร่วมกันของปัญหา ดังนี้

1.ให้คณะรัฐมนตรีจัดตั้งกองทุนเยียวยาพัฒนาสุขภาพประชาชน และฟื้นฟูทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่มาบตาพุดและใกล้เคียง 1 แสนล้านบาท เทียบเท่ากองทุนเยียวยาอุตสาหกรรม เพื่อความสมดุล

2.ให้ ครม.นำร่าง พรบ.องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ พ.ศ.... ที่ยกร่างโดยภาคประชาชน ประชาสังคม นักวิชาการและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ที่ยื่นให้กับปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. พ.ศ.2551 มาดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาประกาศใช้เป็นกฎหมาย

3.ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ นำร่างประเภทโครงการหรือกิจกรรมประเภทรุนแรงที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อ สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ ที่ได้รับการยกร่างจากคณะกรรมการยกร่างที่แต่งตั้งโดยปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ และผ่านเวทีรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียทั่วประเทศมาแล้ว จำนวน 19 ประเภทโครงการฯ ที่ยื่นให้กับปลัดกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปแล้ว ตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ.2551 มาประกาศบังคับใช้

4.ให้ ครม. นำร่างหลักเกณฑ์การศึกษาและประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ (HIA) ที่ยกร่างโดยคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ และผ่านเวทีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียแล้ว มาประกาศบังคับใช้โดยเร็ว

5.ให้ผู้ประกอบการโครงการหรือกิจกรรมทั้ง 76 โรงงานที่ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และตั้งคณะอนุกรรมการ 3 ฝ่ายมาร่วมกันพิจารณาว่าโครงการกว่า 500 แห่งทั่วประเทศมีโครงการใดเข้าข่ายบ้าง เพื่อมาดำเนินการจัดทำ HIA และให้องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพให้ความเห็นประกอบก่อนการอนุมัต ิ/อนุญาตก่อนโดยเร็ว

view