สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

กลต. พบ บัญชีที่น่าสงสัย ได้รับผลประโยชน์จากข่าวลือพร้อมเร่งสอบส่งDSI

กลต. พบ บัญชีที่น่าสงสัย ได้รับผลประโยชน์จากข่าวลือพร้อมเร่งสอบส่งDSI

จากประชาชาติธุรกิจ
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล กรรมการและเลขานุการในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.)เปิดเผยว่าถึงการตรวจสอบข้อมูลการปล่อยข่าวลือ14ตุลาคมที่ผ่านมาจนส่ง ผลต่อตลาดหุ้นปรับตัวอ่อนอย่างรุนแรงนั้นในเบื้องต้นพบว่ามีบุคคลที่มียอด ขายซื้อสุทธิผิดปกติ ย้อนหลังตั้งแต่ 7-14ตุลาคม มียอดขายสุทธิ458ล้านบาท   ซึ่งเป็นการขายในตลาดปกติ232ล้านบาท และมีการขายล่วงหน้า(Short sell) 209ล้านบาท ขณะวันที่15-16ต.ค มียอดซื้อสุทธิอยู่ที่169 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนักลงทุนมียอดขายสุทธิค่อนข้างสูงในวันที่14 ต.ค.   อันดับหนึ่งเครดิตสวิสฮ่องกง 3,000 ล้านบาท ยูบีเอสสิงค์โปร์ 1,300 ล้านบาทและวันที่15 ตุลาคมมียอดซื้อสุทธิกลับคืนอันดับหนึ่ง ยูบีเอสสิงค์โปร์1,300 ล้านบาท โดยข้อมูลทั้งหมดต้องรอการประสานงานจากโบรกเกอร์ในต่างประเทศและการตรวจสอบ ภายในเพื่อตรวจสอบข้อมูลน่าสงสัยต่อไป   อย่างไรก็ตามกลต.ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อการสืบสวนข้อมูลดังกล่าวแต่เนื่องจาก ต้องมีการหาข้อมูลต่างประเทศรวมทั้งการประสานงานกับทางสำนักงานตำรวจสันติ บาลเพื่อหาการเชื่อมโยงว่าการซื้อขายที่ได้ผลประโยชน์จากตลาดหลักทรัพย์มี ความเชื่อมโยงกับบุคคลต้นตอการปล่อยข่าวลือหรือไม่ในทางเบื้องต้นมีการ เตรียมข้อมูลให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) เพื่อตั้งคดีพิเศษภายในสัปดาห์หน้า"ขณะนี้กลต. ไม่ได้ปล่อยเกียร์ว่างหรือนิ่งนอนใจกลับเรื่องใหญ่ขนาดนี้ด้วยเวลาและข้อมูล ที่ต้องใช้เพื่อการสอบสวนในเชิงลึกจึงทำให้สรุปได้ว่าข้อมูลที่กลต.มีตอนนี้ มีการกระทำความผิดได้ทันที่" นายธีระชัยกล่าว


ก.ล.ต.พบ2บัญชีหุ้นผิดปกติก่อนหุ้นร่วง เชื่อโยงต่างประเทศ ยืมมือดีเอสไอสอบเชิงลึก

จากประชาชาติธุรกิจ
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) รายงานผลการตรวจสอบกรณีการปล่อยข่าวลือในตลาดหุ้นที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ ก่อนว่า ผลเบื้องต้นพบความผิดปกติในบัญชีซื้อขายหุ้น 2 บัญชีก่อนที่ดัชนีหุ้นจะปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง และยังพบปริมาณการซื้อขายที่ผิดปกติในหุ้นบางกลุ่มด้วย          
ทั้งนี้ ก.ล.ต.จะขอความร่วมมือจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เพื่อยกระดับการตรวจสอบ ในเชิงลึก รวมทั้งจะขอความร่วมมือจากต่างประเทศในการตรวจสอบบัญชีซื้อขายหุ้นทั้ง 2 บัญชีเพื่อหาเจ้าของบัญชีที่แท้จริง เพราะพบว่าเป็นลักษณะบัญชีรวมที่ไม่มีการเปิดเผยชื่อเจ้าของบัญชี และมีความเชื่อมโยงในประเทศและนอกประเทศ นอกจากนี้ ก.ล.ต.และดีเอสไอ จะตรวจสอบเพื่อเชื่อมโยงว่าบัญชีดังกล่าวมีการเชื่อมโยงกับแหล่งที่มาของ ข่าวลือหรือไม่ อย่างไร


แฉปริศนา 2 บัญชีต้องสงสัย “เครดิตสวิส-ยูบีเอส” ถล่มหุ้นไทยเละ แต่ไม่มีชื่อเจ้าของ

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
รมว.คลัง สั่งสอบเชิงลึก 2 โบรกต่างชาติต้องสงสัย “เครดิตสวิสฮ่องกง-ยูบีเอสสิงคโปร์” เพื่อหาชื่อเจ้าของบัญชีที่แท้จริง เพราะพบว่าเป็นลักษณะบัญชีรวมที่ไม่มีการเปิดเผยชื่อเจ้าของบัญชี และมีความเชื่อมโยงในประเทศ และนอกประเทศ พร้อมยอมรับ มีผู้ไม่หวังดีเจตนาปล่อยข่าวลือไม่เป็นมงคล ก.ล.ต.เตรียมชงข้อมูล “ดีเอสไอ” แกะรอยความสัมพันธ์แก๊งไอ้โม่ง ชี้ เรื่องนี้มีตัวละครที่เกี่ยวข้องไม่เยอะ มั่นใจลากคอคนผิดมาลงโทษได้แน่นอน

       
       นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามและตรวจสอบกรณีการปล่อยข่าวลือที่ไม่เป็น มงคลในตลาดหุ้น โดยทำให้ดัชนีหุ้นไทยตกลงหนักกว่า 60 จุด ซึ่งในเบื้องต้นพบว่า มีผู้เจตนาปล่อยข่าวและมีการขายหุ้นผ่านบัญชีโบรกเกอร์ต่างประเทศ 2 บัญชี ก่อนที่ดัชนีหุ้นจะปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง และเป็นการเปิดบัญชีลักษณะกลุ่มบุคคล นอกจากนี้ ยังพบปริมาณการซื้อขายที่ผิดปกติในหุ้นบางกลุ่มด้วย
       
       “เรื่องนี้ คงต้องตรวจสอบรายละเอียดว่า มีใครบ้าง และอาจต้องดูว่าผู้ปล่อยข่าวลือกับบัญชีที่ขายหุ้นออกไป เกี่ยวโยงกับการหาแหล่งข่าวปล่อยข่าวลือหรือไม่ โดยเฉพาะการเทรดผ่าน เครดิตสวิสที่ฮ่องกง และยูบีเอสสิงคโปร์ ซึ่งผิดปกติ”
       
       รมว.คลัง กว่าวว่า ขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กำลังเร่งติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เพราะเรื่องนี้ ไม่ใช่ส่งผลกระทบแค่ตลาดหุ้น และความมั่นคง แต่กระทบต่อจิตใจของประชาชนคนไทย ในช่วงที่กำลังใจจดจ่อติดตามแถลงการณ์ ดังนั้น ก.ล.ต.และ ตลท.ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นคืนมาให้ได้
       
       ทั้งนี้ ก.ล.ต.จะขอความร่วมมือจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อยกระดับการตรวจสอบในเชิงลึก รวมทั้งจะขอความร่วมมือจากต่างประเทศในการตรวจสอบบัญชีซื้อขายหุ้นทั้ง 2 บัญชี เพื่อหาเจ้าของบัญชีที่แท้จริง เพราะพบว่าเป็นลักษณะบัญชีรวมที่ไม่มีการเปิดเผยชื่อเจ้าของบัญชี และมีความเชื่อมโยงในประเทศและนอกประเทศ
       
       “หากเจาะลึกเพื่อหาเจ้าของบัญชีที่แท้จริงในการขายหุ้นจากต่างประเทศ คงทำได้ไม่ยาก ประเด็นตอนนี้คือต้องเชื่อมโยงข้อมูลของผู้ขายหุ้นก่อนหุ้นทรุดตัว กับแหล่งที่มาของข่าวลือ ซึ่งมีทั้งบัญชีในและต่างประเทศ เรื่องนี้มีบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่เยอะ”
       
       ส่วนการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ และตลาดอื่นๆ นั้น ก.ล.ต.ยังไม่พบธุรกรรมที่ผิดปกติในตลาดตราสารอนุพันธ์ (TFEX) แต่ยอมรับว่า มีบางบัญชีที่มีการขายหลักทรัพย์ก่อนราคาหุ้นจะผันผวนจากกระแสข่าวลือ และจะมีการตรวจสอบถึงความเชื่อมโยงของแหล่งที่มาของข่าวลือในแหล่งอื่นๆ ด้วย
       
       รมว.คลัง ยังกล่าวยืนยันว่า ผู้ที่สร้างความเสียหายต่อตลาดหุ้นและละเมิดกฎหมายจะต้องถูกดำเนินคดีอย่าง แน่นอน ขณะเดียวกัน ก.ล.ต.ในฐานะผู้กำกับดูแลจะต้องมีท่าทีที่ชัดเจนในการดำเนินการเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่สร้างความเสียหายต่อผู้ลงทุน ตลาดหุ้น และกระทบความเชื่อมั่นต่อภาพรวมของประเทศ
       
       ระยะเวลาการตรวจสอบต้องไปถามผู้ที่ปฏิบัติงาน แต่จุดนี้ผมและนายกรัฐมนตรีกังวลเรื่องที่ผู้สร้างความเสียหายละเมิดกฎหมาย จะต้องถูกดำเนินคดี ซึ่งทาง ก.ล.ต.ที่ดูแลเรื่องนี้ต้องชัดเจน” รมว.คลัง กล่าวสรุป
       
       นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ เปิดเผยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้ ก.ล.ต.ประสานมายังดีเอสไอ เพื่อตรวจสอบ ซึ่งพบว่า มีความปกติจากการปั่นหุ้นหรือไม่ โดยในวันนี้ ก.ล.ต.นัดหมายจะเข้ามอบข้อมูล และเมื่อได้รับจะส่งหลักฐานเบื้องต้นให้สำนักการเงินและการธนาคารไปตรวจสอบ โดยจะดูแลการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ


เฉ่งกลต.ตลาดหุ้น ดึงดีเอสไอร่วมสอบ

จาก โพสต์ทูเดย์
“กรณ์” ดึงดีเอสไอร่วมสอบเอาผิด ขบวนการปล่อยข่าวลือทุบหุ้น เฉ่งยับ “ก.ล.ต.ตลาดหุ้น” อย่าทำเป็นหลับตา

กรณ์ จาติกวณิช
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาประสานงานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบและเอาผิดขบวนการปล่อยข่าวลือในตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทย (ตลท.) ที่ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยทรุดลงไปหนักเมื่อสัปดาห์ก่อน

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานความคืบหน้าผลการตรวจสอบมาให้รับทราบภายในสัปดาห์นี้ แม้ว่าทางก.ล.ต. จะขอเวลามา 1 เดือน แต่เห็นว่าใช้เวลาตรวจสอบนานเกินไป ขณะที่ท่าทีของก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินการในเรื่องนี้เท่าที่ควร

“ก.ล.ต. ขอเวลา 1 เดือน แต่เห็นว่าไม่ได้ เพราะเรื่องนี้คิดว่าไม่น่านาน เพราะมีข้อมูลอยู่แล้ว เบื้องต้นตามข้อมูลที่เห็นก็รู้ว่าเป็นอย่างไร ดังนั้นภายในสัปดาห์นี้น่าจะชัดเจนส่งข้อมูลมาให้ผม เพราะผมจะได้ชี้แจงสว. ในวันจันทร์นี้ ดังนั้น ก.ล.ต.ต้องชัดเจน เสมอต้นเสมอปลาย ไม่ใช่หุ้นลงแล้วพอหุ้นขึ้นก็ถือว่าเรื่องผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นคง ไม่ได้ เพราะไม่อยากเห็นความผันผวนในตลาดหุ้นอีก ต้องมีข่าวที่กระทบต่อการลงทุนให้น้อยที่สุด” นายกรณ์ กล่าว

รมว.คลัง กล่าวว่า ได้ฝากข้อสังเกตให้ก.ล.ต. ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวว่ามีน้ำหนัก หรือมีข้อมูลในทิศทางใด โดยเรื่องนี้ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีแล้วว่า หากก.ล.ต. ยังไม่สามารถทำงานได้ จะให้นำเรื่องนี้เข้าเป็นคดีทางเศรษฐกิจเพื่อให้ดีเอสไอตรวจสอบหาข้อเท็จ จริงต่อไป

“ผมเห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีท่าที และมีจุดยืนชัดเจนในการเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย และต้องการให้เน้นประเด็นในการหาผู้รับผิดชอบ เพราะเป็นการสร้างสถานการณ์ เผยแพร่ข่าวที่เป็นเท็จ ก.ล.ต.จะต้องมีความชัดเจนในการดำเนินการตามกฎหมาย หาผู้แพร่ข่าวและชี้แจงให้ชัดเจนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น” รมว.คลัง กล่าว

นายวิจิตร สุพินิจ ประธานกรรมการก.ล.ต. เปิดเผยว่า ก.ล.ต.คาดว่าจะสามารถสรุปต้นตอที่ทำให้เกิดข่าวลือที่ไม่เป็นมงคลจนทำให้ ดัชนีหุ้นไทยร่วงได้ภายในสัปดาห์นี้ จากนั้นถึงจะรายงานให้กับรัฐบาลต่อไป แต่ใน 1-2 วันนี้ ทางก.ล.ต. จะมีการประสานงานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อร่วมกันสืบหาข้อมูลในเชิงลึก

“ตั้งแต่มีข่าวลือเกิดขึ้น ทางก.ล.ต.ไม่ได้นิ่งนอนใจและตรวจสอบ” นายวิจิตร กล่าว


ตร.ตั้งทีมสอบปล่อยข่าวทุบหุ้น

จาก โพสต์ทูเดย์

พงศพัศเผยสตช.ตั้งผบช.ก.สอบขบวนการปล่อยข่าวทุบตลาดหุ้น
วันนี้ (22ต.ค.) พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยพล.ต.อ.ปทีบ ตันประเสริฐ รักษาการผบ.ตร. ได้มีคำสั่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน กรณีมีขบวนการปล่อยข่าวลือส่งผลให้ให้เกิดความเสียหายในตลาดหุ้น โดยมอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นประธานคณะทำงาน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาถึงต้นตอที่มาของข่าวดังกล่าว 

ก่อน หน้านี้ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)รายงานผลการ ตรวจสอบกรณีการปล่อยข่าวลือในตลาดหุ้นที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ผลเบื้องต้นพบความผิดปกติในบัญชีซื้อขายหุ้น 2 บัญชีก่อนที่ดัชนีหุ้นจะปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง และยังพบปริมาณการซื้อขายที่ผิดปกติในหุ้นบางกลุ่มด้วย 
         
ทั้ง นี้ ก.ล.ต.จะขอความร่วมมือจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI)เพื่อยกระดับการตรวจสอบใน เชิงลึก รวมทั้งจะขอความร่วมมือจากต่างประเทศในการตรวจสอบบัญชีซื้อขายหุ้นทั้ง 2บัญชี เพื่อหาเจ้าของบัญชีที่แท้จริง เพราะพบว่าเป็นลักษณะบัญชีรวมที่ไม่มีการเปิดเผยชื่อเจ้าของบัญชี และมีความเชื่อมโยงในประเทศและนอกประเทศ นอกจากนี้ ก.ล.ต.และ DSI จะตรวจสอบเพื่อเชื่อมโยงว่าบัญชีดังกล่าวมีการเชื่อมโยงกับแหล่งที่มาของ ข่าวลือหรือไม่ อย่างไร
         
ส่วนการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นใน ตลาดหลักทรัพย์และตลาดอื่น ๆ นั้น ก.ล.ต.ยังไม่พบธุรกรรมที่ผิดปกติในตลาดตราสารอนุพันธ์(TFEX) แต่ยอมรับว่ามีบางบัญชีที่มีการขายหลักทรัพย์ก่อนราคาหุ้นจะผันผวนจากกระแส ข่าวลือ และจะมีการตรวจสอบถึงความเชื่อมโยงของแหล่งที่มาของข่าวลือในแหล่งอื่นๆ ด้วย

ขณะเดียวกัน หลังจากหุ้นปรับร่วงลงรุนแรงจากข่าวลือ ยังพบว่ามีการเข้ามาซื้อหุ้นบางกลุ่มในปริมาณที่มากผิดสังเกต แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการซื้อหุ้นดังกล่าวเป็นความผิดปกติที่ เกี่ยวโยงกับข่าวลือหรือไม่ คงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบข้อมูลก่อน.

กรณ์'เผยกลต.ได้กลิ่น2บัญชีโยงข่าวทุบหุ้น

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
รมว.คลังเผยผลสอบก.ล.ต.กรณีการปล่อยข่าวลือด้านลบทุบหุ้นเมื่อ ปลายสัปดาห์ก่อน มี 2 บัญชีเคลื่อนไหวผิดปกติ ขายหุ้นโยงทั้งใน-ต่างประเทศ

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานผลการตรวจสอบกรณีการปล่อยข่าวลือในตลาดหุ้นที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ ก่อนว่า ผลเบื้องต้นพบความผิดปกติในบัญชีซื้อขายหุ้น 2 บัญชี ก่อนที่ดัชนีหุ้นจะปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง และยังพบปริมาณการซื้อขายที่ผิดปกติในหุ้นบางกลุ่มด้วย

ทั้งนี้ ก.ล.ต.จะขอความร่วมมือจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อยกระดับการตรวจสอบในเชิงลึก รวมทั้งจะขอความร่วมมือจากต่างประเทศในการตรวจสอบบัญชีซื้อขายหุ้นทั้ง 2 บัญชี เพื่อหาเจ้าของบัญชีที่แท้จริง เพราะพบว่าเป็นลักษณะบัญชีรวมที่ไม่มีการเปิดเผยชื่อเจ้าของบัญชี และมีความเชื่อมโยงในประเทศและนอกประเทศ

นอกจากนี้ ก.ล.ต.และ DSI จะตรวจสอบ เพื่อเชื่อมโยงว่าบัญชีดังกล่าวมีการเชื่อมโยงกับแหล่งที่มาของข่าวลือหรือไม่ อย่างไร

ส่วนการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์และตลาดอื่น ๆ นั้น ก.ล.ต.ยังไม่พบธุรกรรมที่ผิดปกติในตลาดตราสารอนุพันธ์ (TFEX) อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ามีบางบัญชีที่มีการขายหลักทรัพย์ก่อนราคาหุ้นจะผันผวนจากกระแสข่าว ลือ และจะมีการตรวจสอบถึงความเชื่อมโยงของแหล่งที่มาของข่าวลือในแหล่งอื่นๆ ด้วย

ขณะเดียวกัน หลังจากหุ้นปรับร่วงลงรุนแรงจากข่าวลือ ยังพบว่ามีการเข้ามาซื้อหุ้นบางกลุ่มในปริมาณที่มากผิดสังเกต แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการซื้อหุ้นดังกล่าวเป็นความผิดปกติที่ เกี่ยวโยงกับข่าวลือหรือไม่ คงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบข้อมูลก่อน

ดีเอสไอรับลูกคลังจัดทีมสอบคดีปล่อยข่าวทุบหุ้น

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
อธิบดีดีเอสไอรับลูกกระทรวงการคลัง เร่งจัดทีมสอบสวนคดีปล่อยข่าวทุบหุ้น ด้านกลต.นัดส่งข้อมูลเบื้องต้นให้ดีเอสไอตรวจสอบ

DSIรับลูกคลังจัดทีมสอบสวนคดีปล่อยข่าวทุบหุ้น
สำนักข่าวเนชั่น โดย ปิยะนุช ทำนุเกษตรไชย

อธิบดีดีเอสไอรับลูกกระทรวงการคลัง เร่งจัดทีมสอบสวนคดีปล่อยข่าวทุบหุ้น ด้านกลต.นัดส่งข้อมูลเบื้องต้นให้ดีเอสไอตรวจสอบ

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ รักษาการอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ประสานมายังดีเอสไอเพื่อ นำข้อมูลเบื้องต้นที่กลต.ตรวจสอบพบว่ามีความผิดปกติจากการปั่นหุ้น มุ่งหวังให้หุ้นมีราคาต่ำเกินกว่าความเป็นจริง เพื่อเข้าไปช้อนซื้อในราคาถูก ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นความผิดตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ จึงถือเป็นคดีพิเศษที่อยู่ในอำนาจการสอบสวนของดีเอสไอ

ทั้งนี้เมื่อดีเอสไอได้รับมอบข้อมูลเบื้องต้นจากกลต. ซึ่งนัดหมายจะเข้ามอบข้อมูลให้ดีเอสไอใน วันนี้ ( 22 ต.ค.) ตนจะส่งหลักฐานเบื้องต้นให้สำนักการเงินและการธนาคารรับไปตรวจสอบ โดยตนจะดูแลการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะถือเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ

สั่งโบรกฯเช็คข้อมูลลูกค้าหาต้นตอข่าวทุบหุ้น

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
"ภัทรียา"สั่งโบรกเกอร์แจ้งรายชื่อลูกค้าเช็คข้อมูลการซื้อขาย หุ้นย้อนหลังตั้งแต่ต้นเดือนต.ค. หวังสาวข้อมูลเชิงลึกต้นตอปล่อยขาวลืออัปมงคล

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ทยอยขอข้อมูลเพิ่มเติมจากโบรกเกอร์เกี่ยวกับรายชื่อลูกค้าที่ส่งคำสั่ง ซื้อขายทั้งในตลาดหุ้น และตลาดอนุพันธ์ย้อนหลังตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.ถึงวันที่ 15 ต.ค.2552 เพื่อตรวจสอบที่มาของการปล่อยข่าวลือที่มีผลทำให้ตลาดหุ้นไทยทรุดตัวลงอย่าง รุนแรงเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว

โดยก่อนหน้านี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ข้อมูลการซื้อขายของลูกค้าโบรกเกอร์ในช่วงวันที่ 12-16 ต.ค.2552 และเน้นแค่การตรวจสอบลักษณะการซื้อขายเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้จะตรวจสอบไปถึงพฤติกรรมของนักลงทุนแต่ละรายด้วย โดยจะนำข้อมูลที่ได้ทั้งหมดรวบรวมส่งให้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลัก ทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป

"ตลาดหลักทรัพย์ฯ เราก็ทำงานเต็มที่ พอเกิดข่าวลือขึ้น เราก็ได้ประสานงานกับก.ล.ต.ทันที โดยส่งข้อมูลการซื้อขายเป็นระยะ แต่ในครั้งนี้เราจะมีการรวบรวมในแง่ของรายชื่อลูกค้าทั้งซื้อและขาย รวมทั้งในตลาดล่วงหน้าด้วย เพื่อจะดูว่ากลุ่มลูกค้าเป็นใคร เมื่อได้ข้อมูลแล้วก็จะส่งให้ก.ล.ต."

กรรมการผู้จัอการตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวอีกว่า การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะนี้ถือว่าเข้าสู่ปกติ โดยมีวอลุ่มเฉลี่ยอยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท/วัน ถึงแม้ว่าบางวันจะมีความผันผวนบ้าง แต่ก็เป็นการปรับตัวไปตามตลาดภูมิภาค

กลต.พบขาใหญ่-ต่างชาติ อาจโยงข่าวทุบหุ้น

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
เลขาธิการก.ล.ต.เผยพบนักลงทุนรายใหญ่-ต่างชาติ ซื้อขายหุ้นปริมาณสูงผิดปกติ อาจโยงปล่อยข่าวอัปมงคลทุบหุ้น เตรียมสอบเชิงลึก 2 โบรกฯต่างชาติ

นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ตรวจ สอบกรณีการปล่อยข่าวลือที่สร้างผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดหุ้นไทยเมื่อ สัปดาห์ก่อน ซึ่งข้อมูลที่ได้รับจากโบรกเกอร์ในประเทศพบว่ามีบุคคลธรรมดา 1 รายที่มีการซื้อขายหุ้นในปริมาณสูงมากผิดปกติในระหว่างวันที่ 14-16 ต.ค. โดย ก.ล.ต.จะมีการตรวจสอบต่อไปว่ามีการเกี่ยวโยง หรืออาศัยประโยชน์จากกระแสข่าวลือที่เกิดขึ้นอย่างไร

นอกจากนี้ ก.ล.ต.ยัง อยู่ในระหว่างการขอข้อมูลจากโบรกเกอร์ต่างชาติ 2 ราย คือ เครดิตสวิสที่ฮ่องกง และ ยูบีเอสสิงคโปร์ เพื่อตรวจสอบในเชิงลึกหลังจากพบว่ามีการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นของนักลงทุน ต่างประเทศที่ผิดปกติช่วงก่อนและหลังเกิดกระแสข่าวลือ

เนื่องจากพบว่า บล.เครดิตสวิส ฮ่องกง มีคำสั่งขายหุ้นวันที่ 14 ต.ค. จำนวน 3 พันล้านบาท อันดับสอง คือ บล.ยูบีเอฟสิงคโปร์ มีคำสั่งขาย 1,300 ล้านบาท และนักลงทุนบุคคลไทยมีคำสั่งขายเป็นอันดับที่ 13 มีการขายทั้งหมด 218 ล้านบาท

ส่วนข้อมูลวันที่ 15 ต.ค. พบว่า ผู้ซื้อหุ้นรายใหญ่ คือ บล.ยูบีเอฟ สิงคโปร์ ซื้อจำนวน 1,300 ล้านบาท นักลงทุนบุคคลไทย ซื้อทั้งหมด 145 ล้านบาท

นอกจากนี้ก.ล.ต.ยัง ได้ตรวจสอบข้อมูลซื้อขายย้อนหลัง 5 วันทำการตั้งแต่วันที่ 7-15 ต.ค. พบว่านักลงทุนไทยมีการทำชอร์ตเซลในสัดส่วน 22% ของมูลค่าช็อตเซลทั้งหมด รวม 458 ล้านบาท ซึ่งเป็นบัญชีที่ต้องตรวจสอบเป็นพิเศษ

"ผลจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบบัญชีของนักลงทุนไทยรายใหญ่ และบัญชีของนักลงทุนต่างประเทศบางรายที่อาจได้ประโยชน์จากการปล่อยข่าวดัง กล่าว ซึ่งเป็นบัญชีที่มีการซื้อขาย short จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นส่วนใหญ่ และมีการซื้อสุทธิในช่วงที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงจกช่วงก่อนหน้า"

โดยในสัปดาห์หน้า ก.ล.ต.จะ รวบรวมข้อมูลการซื้อขายหุ้นที่ผิดปกติในช่วงระหว่างวันที่ 14-15 ต.ค.ซึ่งทำให้ดัชนีลาดหุ้นปรับลงอย่างรุนแรงต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI)ใน สัปดาห์หน้าเพื่อให้การตรวจสอบสามารถทำได้เชิงลึกมากขึ้นทั้งในและต่าง ประเทศ

"เมื่อส่งข้อมูลให้กับดีเอสไอ ก็จะเป็นคดีพิเศษ ที่สามารถตรวจสอบในเชิงลึกได้มากขึ้น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถให้ข้อมูลร่วมกันต่อดีเอสไอ"

view