สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เที่ยวน้ำตกงาม ตามรอยเสด็จประพาส ร.5

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ .

รัชกาลที่ 5 เสด็จลงสรงน้ำบริเวณน้ำตกธารเสด็จ
       วันที่ 23 ต.ค.ของทุกปี เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง ที่ปวงชนชาวไทยไม่เคยลืมเลือน เพราะเป็นวันครบรอบวันสวรรคตของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" หนึ่งในกษัตราธิราชผู้ทรงคุณูปการแก่บ้านเมืองของเราอย่างหาที่สุดมิได้
       
       และเพื่อเป็นระลึกถึงพระองค์ในแบบฉบับของ "ตะลอนเที่ยว" ทริปนี้จึงขอเที่ยวตามรอยการ "เสด็จประพาสน้ำตก" ของล้นเกล้า ร.5 ตามไปดูว่าสถานที่แต่ละแห่งนั้นงดงามเพียงใด จอมกษัตริย์ของไทยจึงทรงเสด็จเยือน
       
       3 สายธาร บนเกาะพงัน
       
       ย่ำเท้าลงใต้ไปอยู่ "เกาะพงัน" จ.สุ ราษฏร์ธานี กันก่อน เพียงเฉพาะที่เกาะพงันแห่งเดียว ก็ปรากฏหลักฐานว่ามีน้ำตกที่ล้นเกล้า ร.5 เคยเสด็จประพาสทั้งสิ้นถึง 3 แห่งด้วยกัน
       
       น้ำตกแห่งแรกที่ "ตะลอนเที่ยว" จะพาไปตามรอยเสด็จประพาสของล้นเกล้า ร.5 บนเกาะพงัน คือ “น้ำตกธารเสด็จ” ปัจจุบันตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกธารเสด็จ อ.เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี ห่างจากฝั่ง จ.สุราษฎร์ธานีประมาณ 100 ก.ม. ปัจจุบันเราสามารถเดินทางกันได้สะดวกเพราะมีเรือโดยสาร ทั้งประเภทเรือด่วน เรือนอน เและเรือเฟอร์รี่ เพื่อข้ามไปยังเกาะพงัน แต่หากย้อนไปเมื่อ 100 กว่าปีก่อนนี้ ก็ต้องยกย่องว่าพระองค์ทรงวิริยะอย่างยิ่งที่เสด็จไปยังเกาะพงัน
       
       เรื่องราวระหว่างล้นเกล้า ร.5 กับน้ำตกธารเสด็จ เริ่มขึ้นเมื่อโปรดเสด็จน้ำตกในเกาะพงัน มีปรากฏในแผนที่บอกแต่ว่ามีน้ำจืด ครั้นเสด็จไปทอดพระเนตรเห็นเป็นลำธารใหญ่ จึงเป็นที่สนุกสนาน จึงพระราชทานนามว่า "ธารเสด็จ" เป็นที่โปรดเสด็จประพาสตลอดรัชกาล โปรดฯ ให้ช่างสลักปีจุลศักราชที่เสด็จไว้ที่ชะง่อนหินทุกครั้ง
       
       ทรงเสด็จประพาสน้ำตกธารเสด็จ รวม 14 ครั้ง ระหว่างปี พ.ศ. 2432-2452 ปรากฏตามหลักฐานที่ทรงจารึกไว้ที่ก้อนหินบริเวณใกล้ๆ น้ำตกธารเสด็จ ทั้งพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ตัวเลข และตัวอักษรต่าง ๆ ที่มีจารึกไว้นับ 10 แห่ง
       
       น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเกาะพงัน ชาวเกาะพงันถือกันว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นอกเหนือจากล้นเกล้า ร. 5 แล้ว ต่อมายังปรากฏว่า ร. 6, ร. 7 และในหลวงรัชกาลปัจจุบัน ก็เคยเสด็จที่น้ำตกแห่งนี้เช่นกัน

ภาพของน้ำตกธารเสด็จในปัจจุบัน
       น้ำตกแห่งที่2 คือ "น้ำตกธารประพาส" เป็นน้ำตกแห่งที่2 ของเกาะพะงันที่ได้รับพระราชทานนามจาก ร. 5 เมื่อคราวเสด็จประพาสรอบอ่าวบ้านดอน เมื่อปี พ.ศ. 2432 น้ำตกแห่งนี้ เป็นน้ำตกขนาดเล็กปลายน้ำไหลลงทะเลที่อ่าวธารประพาส
       
       มีจารึกพระปรมาภิไธยย่อ และจารึกตัวอักษร 2 จุด คือ จารึกอักษรคำว่า ธารประพาส อยู่บริเวณปลายน้ำตก ปัจจุบันตัวอักษรถูกเซาะจนเลือนออกหมดแล้ว เพราะอยู่ในบริเวณ ทางน้ำไหลผ่าน ส่วนจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร.108อยู่บริเวณต้นน้ำธารประพาส ห่างจากจารึกที่ปลายน้ำตกประมาณ 1 ก.ม.
       
       อีกแห่งหนึ่ง คือ "น้ำตกธารประเวศ" เป็นน้ำตกแห่งที่ 3 ของเกาะพงันที่ได้รับพระราชทานนามจากร.5 เมื่อคราวเสด็จประพาสรอบอ่าวบ้านดอน เมื่อปี พ.ศ. 2441 มีจารึกพระปรมาภิไธยย่อและจารึกตัวอักษร อยู่ 2 จุด จารึกอักษรคำว่า ธารประเวศ อยู่บริเวณปลายน้ำตกบนก้อนหินใหญ่ข้างภูเขาสูงชัน ปัจจุบันคำว่า ธาร ค่อนข้างลบเลือน
       
       นอกจากการเสด็จประพาสน้ำตกแล้วนั้น การที่เกาะพะงันอุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์นานาชนิดทั้ง กวางป่า หมูป่า ลิง ค่าง กระรอก กระแต อีเห็น ชะมด และหนูชนิดต่างๆ โดยเฉพาะกวางป่าที่มีมากมาย ก็เพราะชาวเกาะพะงันได้รับพระราชทานจากร. 5 ทั้งเมื่อเสด็จมายังทรงปล่อยกวางเพศผู้และเพศเมีย อย่างละ 1 ตัว เมื่อครั้งเสด็จประพาสน้ำตกธารเสด็จไว้บนเกาะอีกด้วย

น้ำตกธารมะยม แห่งเกาะช้างอีกหนึ่งแห่งที่ ร.5 ทรงโปรด
       น้ำตกธารมะยม เกาะช้าง
       
       “ตะลอนเที่ยว”ยังคงพาวนเวียนอยู่บนเกาะ แต่ย้ายกันมาที่ "เกาะช้าง" จ.ตราด เพื่อมาเล่นน้ำกันที่ "น้ำตกธารมะยม" เดิมเรียก "น้ำตกคลองมะยม" เพราะตั้งอยู่ใกล้คลองมะยม ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง
       
       น้ำตกแห่งนี้น้ำตกขนาดกลาง มี 4 ชั้น ธารน้ำไหลผ่านลงมาเป็นชั้นๆ ตามร่องหินแกรนิตสีดำ มีหน้าผาสูงชันจนเกือบตั้งฉาก โอบรอบป่าดงดิบ บริเวณชั้นที่ 1 น้ำตกไม่สูงนัก มีแอ่งน้ำด้านหน้ามีแผ่นหินจารึกพระปรมาภิไธยล้นเกล้าร. 5 ตั้งอยู่ทางด้านซ้าย น้ำตกชั้นที่ 2 อยู่เลยขึ้นไปเล็กน้อย สำหรับน้ำตกชั้นที่ 3 และ 4 ระยะทางค่อนข้างไกลและทางเดินลำบาก ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง
       
       ตามเอกสารหลักฐานระบุว่า พระองค์ได้เสด็จมาถึง 9 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าเป็นสถานที่ที่พระองค์ทรงโปรดมากทั้งนี้ โปรดให้บันทึกบรรยายความงามของน้ำตกธารมะยมไว้อย่างละเอียด และมีการจารึกพระปรมาภิไธยย่อ " จ.ป.ร. " ไว้ที่น้ำตกทั้ง 3 ชั้น

พระปรมาภิไธยย่อ จปร. ที่สลักไว้บริเวณน้ำตกธารมะยม
       ข้อมูลจากหนังสือวัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดตราด ยังระบุไว้ถึงการเสด็จประพาสของพระองค์ในครั้งที่ 2 พ.ศ. 2419 ด้วยว่า นอกจากทรงจารึกพระปรมาภิไธย และปีที่เสด็จแล้ว พระองค์ทรงทำ " เกรน " หรือกองศิลา ไว้เป็นที่ระลึกแห่งหนึ่งใกล้ๆ บริเวณน้ำตก โดยทรงพระราชหัตถเลขาว่า
       
       " เราสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าแผ่นดินสยาม รัชกาลที่ 5 ได้มาถึงที่นี้ 2 ครั้งๆ หนึ่งเมื่อปีระกา เบญจศก จุลศักราช 1235 กับครั้งนี้วัน 4 ฯ 2 ค่ำ ปีชวด อัฐศก ศักราช 1238 เราทั้งปวง บรรดาที่มาพร้อมกันได้ลงชื่อไว้ท้ายหนังสือนี้ " พร้อมทั้งลงพระพระปรมาภิไธยของพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ที่ตามเสด็จ
       
       เสร็จแล้วพับแผ่นกระดาษนั้นบรรจุในกล่องตลับยาสูบเงินนอก แล้วใส่ลงในถ้วยน้ำชาที่มีตราประจำพระองค์ พร้อมเอาจานปิดทับข้างบนไว้ วางถ้วยลงบนพื้นหินและเอาหินก้อนเล็กก้อนใหญ่วางทับไว้ ต่อมา มีการค้นหาเกรนแห่งนี้ แต่ไม่พบร่องรอยแต่อย่างใด ร.6, ร.7 และรัชกาลปัจจุบันก็เคยเสด็จประพาสมายังน้ำตกแห่งนี้เช่นกัน

น้ำตกพลิ้วที่งดงามต้องพระทัยอีกแห่งหนึ่ง
       2 สายน้ำงาม แห่งเทือกเขาสระบาป จ.จันทบุรี
       
       กลับจากเกาะมาขึ้นฝั่งกันบ้าง "ตะลอนเที่ยว" ขอพามาตามรอยล้นเกล้าร.5 เสด็จประพาส “น้ำตกพลิ้ว” ที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว ในเขตเทือกเขาสระบาปซึ่ง ร. 5 เสด็จประพาสถึง 4 ครั้งจากการเสด็จเยือนเมืองจันทรบุรี 12 ครั้ง ระหว่างปี พ.ศ. 2417-2424
       
       "น้ำตกพลิ้ว" มีข้อสันนิษฐานว่า ชื่อ "พลิ้ว" เป็น ชื่อของต้นไม้ชนิดหนึ่งซึ่งชอบขึ้นในที่ดินปนทราย เป็นไม้เถา มีดอกเป็นช่อ มี ผลเล็กขนาดลูกเกด สีเหลืองอมแดงขึ้นอยู่ทั่วไปในแถบนี้ หรืออีกหนึ่งข้อสันนิษฐานคือชื่อ "พลิ้ว" มาจากภาษาชอง ซึ่งเป็นเผ่าดั้งเดิมของเมืองจันท์ แปลว่า ทรายหรือหาดทราย
       
       ลักษณะของตัวน้ำตกแบ่งเป็น 3 ชั้น มีสายน้ำตกแบ่งเป็น 2 สายในช่วงหน้าฝน และหดรวมเหลือสายเดียวในฤดูแล้ง สายหนึ่งไหลลดหลั่นผ่านซอกหินผา อีกสายหนึ่งมีขนาดเล็กกว่า แต่ทิ้งตัวลงมาจากผาสูง 20 เมตร น้ำตกจากผาสูง จะไหลตกลงมาสู่แอ่งน้ำใสขนาดใหญ่ชั้นล่างสุด แอ่งน้ำใสนี้มีปลาพลวงหิน ฝูงใหญ่แหวกว่ายรายล้อมอยู่รอบ น้ำตกพลิ้ว ยังมีตัว "ลั้ง" (ภาษาถิ่น) หรือ ตะกอง หรือกิ้งก่ายักษ์ เป็นกิ้งก่าขนาดใหญ่ที่สุดที่พบในเมืองไทยอาศัยอยู่ด้วย
       
       นอกเหนือจากความงดงามของตัวน้ำตกพลิ้วแล้วนั้น ที่แห่งนี้ยังมีความเชื่อมโยงด้านประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับล้นเกล้า ร.5 อีกมากมาย ทั้ง "สถูปพระนางเรือล่ม"อนุสรณ์ สถานแห่งความรักของรัชกาลที่ 5 ที่ทรงมีต่อสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ เป็นที่บรรจุพระอังคารของพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ (พระนางเรือล่ม) ซึ่งเคยเสด็จประพาสน้ำตกพลิ้ว เมื่อ พ.ศ. 2417 สถูปสร้างขึ้นในปีพ.ศ.2424 ภายในบรรจุพระบรมราชสรีรางคาร (เถ้ากระดูก) ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ

อลงกรณ์เจดีย์ เขียวครึ้มตระหง่านที่น้ำตกพลิ้ว
       ทั้งยังเป็นที่ตั้งของ "พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์" ที่เพิ่งสร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2551ที่ผ่านมา โดยความร่วมมือของสมาคมชาวจันทบุรีฯกับชาวเมืองจันท์
       
       และเป็นที่ตั้งของ "อลงกรณ์เจดีย์" มีลักษณะเป็นเจดีย์ศิลาแลง ร.5 โปรดให้พระยาจันทบุรีเป็นแม่กองสร้างเมื่อ พ.ศ. 2419 เนื่องจากทรงชื่นชมโสมนัสในความงดงามของน้ำตกแห่งนี้เป็นอย่างยิ่ง ทรงยกย่องว่าเป็นน้ำตกที่งดงามที่สุดในบรรดาน้ำตกที่พระองค์เคยเสด็จประพาส
       
       พระองค์ทรงโปรดน้ำตกพลิ้วเป็นอย่างยิ่ง ทรงโปรดมากถึงกับมีพระราชดำรัสว่า " เราได้เห็นน้ำตกอย่างนี้มาสองสามแห่ง คือที่ปีนัง เกาะช้าง และสีพยา เห็นไม่มีที่ไหนจะงามกว่าที่นี่เลย ถ้าจะให้เรานั่งดูอยู่ยังค่ำก็แทบจะได้ด้วยเย็นสบายจริง”
       
       


น้ำตกคลองนารายณ์
       มนต์เสน่ห์ของน้ำตกในเมืองชายฝั่งทะเลตะวันออกแห่งนี้ยังไม่หมด เพราะยังมี "น้ำตกคลองนารายณ์" อีกแห่งหนึ่งที่ ร. 5 เสด็จประพาสเยือน คราวเสด็จประพาสจันทบุรี พ.ศ.2419 ย้อนร้อยครบรอบ 132 ปี ในปีนี้พอดี
       
       "น้ำตกคลองนารายณ์" ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ต้องเดินลัดเลาะผ่านป่าซึ่งยังคงความอุดมสมบูรณ์และความงดงามตามธรรมชาติ สายน้ำตกสูง 25 เมตร น้ำใสสะอาดและมีน้ำมากตลอดปี
       
       ร. 5 เสด็จตามรอยของพระราชบิดา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.4 ที่เคยเสด็จมา ณ น้ำตกคลองนารายณ์พร้อมทั้งได้สร้าง " จุลสีห์จุมภตเจดีย์ " เป็นอนุสรณ์ ปัจจุบันเหลือเพียงร่อยรอยบริเวณที่เคยเป็นพระเจดีย์ เพราะได้ถูกระแสน้ำพัดพังไปเมื่อปี 2517
       
       จุดสำคัญอีกแห่งหนึ่งของน้ำตกแห่งนี้คือบริเวณ “อ่างสรงหรืออ่างหงส์” มีลักษณะเป็นน้ำตกเล็กๆ ไหลลงมาจากหน้าผาหินเป็นทางคล้ายหางหงส์ ในอดีตบริเวณแอ่งน้ำกว้าง ร. 4 และ ร.5 ทั้งสองพระองค์ทรงเคยเสด็จลงสรงน้ำ ณ อ่างสรงแห่งนี้

ไทรโยคใหญ่ที่มาของบทเพลงเขมรไทรโยค
       น้ำตกไทรโยค จ.กาญจนบุรี
       
       ตามรอยเสด็จประพาสมาที่ “น้ำตกไทรโยค” จ.กาญจนบุรีกันบ้าง ซึ่งจากหลักฐานที่บันทึกวระบุว่า ล้นเกล้า ร.5 เคยเสด็จประพาส ณ น้ำตกไทรโยคใหญ่ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 พ.ศ. 2420 ปีฉลู
       
       “น้ำตกไทรโยคใหญ่” หรือเรียกอีกชื่อว่า “น้ำตกเขาโจน” ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติไทรโยค เนื่องจากเป็นน้ำตกที่ไหลตกลงจากหน้าผาลงสู่แม่น้ำแควน้อยราวกับกระโจนลงมา น้ำตกไทรโยคใหญ่จะมีน้ำตลอดปี และน้ำจะแรงมากในฤดูฝนลักษณะของ น้ำตกไทรโยคใหญ่ เป็นน้ำตกแห่งเดียวในประเทศไทย ที่ตัวน้ำตกไหลจากหน้าผาลงสู่แม่น้ำแควน้อย และทางกรมป่าไม้ได้ปลูกต้นสักโดยรอบน้ำตกด้วย
       
       ความงดงามของน้ำตกแห่งนี้ยังเป็นที่มาของเพลง เขมรไทรโยค ที่สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ทรงนิพนธ์ในคราวที่ตามเสด็จ ร.5 เสด็จประพาสต้นยังน้ำตกไทรโยค จึงการันตีได้มาน้ำตกแห่งนี้คงงดงามจริงๆ ถึงขั้นต้องพระทัยพระบรมวงศานุวงศ์ของไทย จนกลั่นกรองออกมาเป็นบทเพลงอันอมตะ

น้ำตกกะโรม ซุกซ่อนในป่างาม
       น้ำตกกะโรม จ.นครศรีธรรมราช
       

       ปิดท้ายด้วยการวกลงใต้กับอีกครั้งไปที่ “น้ำตกกะโรม” จ. นครศรีธรรมราช ปัจจุบันตั้งอยู่ภายในบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาหลวง ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 4 ต.เขาแก้ว อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช
       
       “น้ำตกกะโรม” มีทั้งหมด 19 ชั้นด้วยกัน เปิดบริการให้ท่องเที่ยวชมความงดงาม 7 ชั้น คือ หนานทุเรียน หนานช่องไทร หนานไผ่ หนานน้ำราง หนานผึ้ง หนานเตย และ “หนานดาดฟ้า” ซึ่งเป็นชั้นที่สวยงามที่สุด แลเห็นสายน้ำไหลพรั่งพรูลงจากหน้าผาสูงและลาดชัน 45 องศา ลดหลั่นลงมาตามโขดหินกว้างจนถึงแอ่งน้ำใหญ่เบื้องล่างที่สามารถลงเล่นน้ำได้ ตามปกติสายน้ำจะไหลแยกเป็น 2 สาย พอถึงช่วงหน้าฝนสายน้ำจะไหลหลากแผ่เต็มหน้าผารวมเป็นสายเดียว
       
       น้ำตกแห่งนี้ล้นเกล้า ร.5 และ ร.6 ทรงเสด็จประพาสเยือนเมื่อครั้งเสด็จหัวเมืองปักษ์ใต้ ทรงจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จ.ป.ร และ ว.ป.ร ไว้ที่หน้าผา ตรงที่เรียกว่า “หนานดาดฟ้า” เป็นชั้นที่ 3 ของน้ำตกแห่งนี้และ ร.6 ได้ทรงนำน้ำตกนี้ไปเป็นฉากในบทละครเรื่อง "หลวงจำเนียรเดินทาง" พระราชนิพนธ์ของพระองค์อีกด้วย
       
       น้ำตกเหล่านี้ จึงเป็นน้ำตกที่มีมากกว่าความงดงามตามธรรมชาติ เพราะล้วนแฝงฝังด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ เป็นเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว.
       
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
       
       
“อุทยานแห่งชาติน้ำตกธารเสด็จ” ตั้งอยู่ที่ 108 หมู่ 3 ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี 84280 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-7723-8275 หรือ ติดต่อ งานบริการบ้านพัก ส่วนอุทยานแห่งชาติทางทะเล สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้ ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร. 0-2561-2919-21
       
       “น้ำตกธารมะยม”สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง 23/7 หมู่ 3 ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ. ตราด 23170 โทร. 0-3955-5080
       
       “น้ำตกไทรโยคใหญ่” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติไทรโยค โทร. 0- 3451- 6163 และที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช บางเขน กรุงเทพฯ โทร. 0 2562 0760
       
       "อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว" ตั้งอยู่ที่ ต.พลิ้ว อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-3943-4528
       
       “น้ำตกกะโรม” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงาน ททท.ภาค.ใต้ เขต 2 โทร.0-7534-6515-6 หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ โทร.1672

view