แต่ ก็อาจจะต้องใช้เวลาหลายวันหน่อย แต่สำหรับที่จะเที่ยวแค่วันเสาร์–อาทิตย์เท่านั้น ก็มีที่เที่ยวอยู่หลายที่ แต่อยากจะตั้งธงว่าระยะทางต้องไม่ไกลเกินไปนัก พอขับรถได้ไม่เกิน 2-3 ชั่วโมง หรือไม่น่าจะเกิน 200 กิโลเมตร และมีเขียวๆ ของต้นไม้ที่ยังชุ่มฝนให้เห็น มีแม่น้ำหน่อยก็ยิ่งดี มีที่กินอร่อย ที่พักพอประมาณ นอนสบายๆ ได้ราคาไม่โหด มีที่เดินเล่น ซื้อข้าวของกลับบ้านได้ มองไปมองมาที่อุทัยธานีมีครบ

อาทิตย์นี้เลยแนะนำเที่ยวอุทัยธานี จังหวัดใหญ่แต่ตัวอำเภอเมืองเล็กกะทัดรัด ขับรถวนเดี๋ยวเดียวก็รอบเมืองแล้ว อุทัยธานีเดี๋ยวนี้ยังดีที่มีคนเข้าไปเที่ยวเยอะพอประมาณ สมัยก่อนผู้คนมักจะวิ่งเลยไปหมด มุ่งไปนครสวรรค์ พิษณุโลก ตาก สุโขทัย ไม่มีใครสนใจอุทัยธานี

ก็ดีอย่างที่อุทัยธานีกลายเป็นเมืองชะลอความเป็นเมืองพลุกพล่าน ความเปลี่ยนแปลงมีน้อย มีร่องรอยความเก่าแก่ของเมืองเหลือให้ดู เป็นเมืองที่มีวิถีชีวิตเงียบๆ กลายเป็นสิ่งดีไป

แต่เห็นเป็นเมืองเล็กๆ นี่เขาเรียกว่าผ้าขี้ริ้วห่อทอง มีคนชอบพูดกันว่า คนนครสวรรค์จะนั่งรถเก๋งมากู้เงินคนอุทัยธานี แต่คนอุทัยธานีจะนั่งรถเมล์ไปเก็บดอกเบี้ยคนนครสวรรค์

และในแง่คนมีฝีมือในเชิงช่างนั้น สมัยก่อนคนอุทัยธานีชำนาญเรื่องทำปืนเถื่อน พวกลูกซอง คอลล์ตราควาย ต้องช่างอุทัย ช่างเพชรบุรีหรือลำปางที่ว่าแน่ๆ เป็นแค่รุ่นอนุบาลเท่านั้น แต่เขาเลิกทำอย่างนั้นไปนานแล้ว เดี๋ยวนี้เขาทำแต่ทำงานสร้างสรรค์ ก็มีดอุทัยธานีนั่นไงครับ เป็นจังหวัดเดียวที่มีมีดสวยที่สุด เป็นมีดแบบฝรั่งที่มีทั้งพับได้และพับไม่ได้ ด้ามมีทุกอย่าง เขากวาง หรือไม้ชั้นเยี่ยม อย่างบ้านช่างตุ่มนั้นถือว่าเป็นตำนานของมีดอุทัยที่ดังไปถึงเมืองนอก ถึงช่างตุ่มจะไม่อยู่แล้วลูกชายก็ยังรักษาชื่อเสียงอยู่ แล้วยังมีอีกหลายบ้านที่ทำมีดดีๆ และไม่เพียงแต่มีดเท่านั้น เดี๋ยวนี้มีอุปกรณ์เครื่องมือการตัดกิ่งต้นไม้ของอุทัยธานีก็ชั้นเยี่ยม

อุทัยธานีมีวัดวาอารามมีแหล่งประวัติศาสตร์โบราณคดีเยอะอีกเหมือนกัน แล้วที่มีเสน่ห์อีกอย่างคือมีแม่น้ำสะแกกรังที่ไหลผ่านหน้าตัวเมือง เป็นจังหวัดเดียวที่ยังมีเรือนแพอยู่ในแม่น้ำ ดูเป็นชีวิตชาวน้ำที่มีความสุขเหลือพรรณนา เวลาเช้าๆ หน้าหนาวน้ำในแม่น้ำเรียบนิ่งสงบ มีไอน้ำลอยอิ่งคลุมเรือนแพงามจับจิต

ความอุดมสมบูรณ์เรื่องอาหารโดยเฉพาะเรื่องปลานั้นสุดยอด เพราะอุทัยธานีมีตั้งสองแม่น้ำคือแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสะแกกรัง ยิ่งแม่น้ำเจ้าพระยานั้นมีปลาสมบูรณ์มากเพราะยังอยู่ในเขตเหนือเขื่อนเจ้า พระยาที่ชัยนาท

คนชอบกินปลาก็ไม่ค่อยผิดหวัง หรือแค่อยากเห็นความสมบูรณ์ของปลา ต้องไปตลาดเช้าที่ตลาดเทศบาลริมแม่น้ำสะแกกรัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผงขายของรอบๆ ตลาด มีแผงปลาสดเยอะ ผมไม่เคยเห็นปลาบางอย่าง แต่ได้ยินในวรรณคดี เช่น ปลาคางเบือน ก็เห็นที่นี่ ยังมีปลากระทิง ปลากด ปลาลึง ปลาเค้า ปลาเนื้ออ่อน ปลาแดงก็มี แต่เรื่องปลานี่ก็ต้องทำใจเผื่อไว้บ้างว่าอาจจะได้เห็นปลา บางทีก็ไม่มีเลย มันเอาแน่ไม่ได้เพราะเป็นปลาจับไม่ใช่ปลาเลี้ยง

พวกผักหญ้าก็น่าสนใจ อาหารหรือขนมสำเร็จรูปก็เยอะ ขนมกง ขนมฝักบัว แม้กระทั่งพุทราแผ่นในน้ำเชื่อม ผมได้กินแกงกระด้างหรือขาหมูเย็นที่เป็นวุ้นก็ที่นี่ ซึ่งหากินยากแล้วสำหรับกับข้าวอย่างนี้ นั่นเป็นตอนเช้ามืดจนสาย พอเย็นค่ำก็มีตลาดโต้รุ่งอีกอยากกินอะไรมีหมด ขึ้นอยู่กับว่ากินไหวหรือไม่เท่านั้น

เรื่องของกินเด่นๆ ของอุทัยก็มีเยอะ ประเภทก๋วยเตี๋ยวที่ไม่น่าจะพลาดและขายกลางวันร้านแรกเป็นก๋วยเตี๋ยวไก่ไฟ แดง ซึ่งเมื่อลงสะพานเส้นหลักที่เข้าตัวเมืองอุทัย เลี้ยวซ้ายเข้าเมือง ผ่านคุกนักโทษ ก็เจอไฟสัญญาณจราจรหรือไฟแดง ร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ตรงเสาไฟแดงขวามือ เป็นก๋วยเตี๋ยวไก่ จะอย่างน้ำหรือแห้งอร่อยหมด แต่ถ้าเป็นไก่ตุ๋นน้ำตุ๋นจะสีแดงๆ นี่เป็นร้านแรกของการได้มาถึงอุทัยธานี

อีกร้านเป็นร้านบะหมี่ อยู่ตรงข้างตลาดเทศบาล ทางด้านสะพานที่ข้ามมาจากวัดอุโบสถการาม เป็นบะหมี่หมู ที่อร่อยคือบะหมี่ที่ทำเองวันต่อวันเป็นบะหมี่สด

เย็นๆ อยากสัมผัสบรรยากาศร้านอาหารริมน้ำ ต้องออกไปที่เกาะเทโพ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสะแกกรังล้อมรอบ มีหลายร้าน และส่วนใหญ่ทำซุ้มอาหารไว้ริมน้ำ ที่ฝีมืออร่อยน่ากิน ชื่อร้านป้าสำราญ อุดมไปด้วยอาหารประเภทปลา จะเอาปลาอะไรทำฉู่ฉี่ หรือต้มยำ ผัดเผ็ด ก็เลือกได้ตามสะดวก

หรืออยากกินในเมืองตรงห้าแยกกลางเมืองก็มีร้านบั๊ว ข้าวต้ม นี่ก็มีอาหารให้เลือกเยอะ จะเลือกชี้ของที่อยู่ในตู้หรือจะดูจากในรายการอาหารก็ไม่ผิดหวัง

จะซื้อขนมกลับบ้าน ก็ต้องไปซื้อตอนสายๆ ที่ร้านไพพรรณนี่ดังเอาๆ มีขนมปังสังขยาเป็นของชูโรงของร้าน ร้านนี้คนแน่นทั้งวัน บางคนวิ่งรถเข้าไปเพื่อซื้อขนมปังสังขยาอย่างเดียวก็มี

อยากเที่ยวออกนอกอุทัยธานี ใกล้ที่สุดคือ อ.บ้านไร่ ที่นี่จะเป็นแหล่งทอผ้าพื้นเมือง ซึ่งลวดลายผ้านั้นกระเดียดไปทางอีสาน ที่เป็นอย่างนั้นเพราะชุมชนบ้านไร่เป็นคนลาวที่ถูกกวาดต้อนมาตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ 3 ที่ไทยไปบุกเวียงจันทน์

แถวรอบๆ อ.บ้านไร่ ก็ยังมีที่เที่ยวอีกหลายแห่ง ซึ่งถ้ามีเวลาก็น่าเที่ยว ก็นี่แหละอุทัยธานีที่มีครบ คุ้มค่ากับการเที่ยวสั้นๆ ในวันหยุดครับ