จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
โดย : คมฉาน ตะวันฉาย
ขวบปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าภาพลักษณ์ของเชียงใหม่ ไม่ใช่อย่างที่เราเคยรู้จัก จากจังหวัดที่แค่เอ่ยชื่อ ก็นึกไปถึงผู้คนที่มีแต่รอยยิ้ม
คำพูดเสนาะหู สำเนียงที่ดูมีเสน่ห์ แต่ที่ผ่านมาข่าวคราวที่เกิดขึ้นที่เชียงใหม่มีแต่ความรุนแรง ไร้เหตุผล และไม่ยอมรับฟัง จนหลายคนเอือมระอา ส่งผลถึงนักท่องเที่ยวที่ลดจำนวนลง
แต่ถึงอย่างนั้นธรรมชาติก็ยังคงทำหน้าที่เช่นเดิมทุกๆ ปี ในช่วงปีใหม่ (อาจจะบวกลบไปราว 10 วัน) แทบทุกพื้นที่ของแผ่นดินล้านนา เน้นย้ำที่เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ท่ามกลางฟ้าสีใส แดดอุ่นๆ อากาศเย็นสบาย ช่วงนี้จะมีดอกไม้ชนิดหนึ่งที่ออกดอกสีหวาน บานประดับพื้นดินแห่งล้านนา ชื่อว่า "ดอกนางพญาเสือโคร่ง"
ธรรมชาติของต้นนางพญาเสือโคร่ง เมื่อถึงช่วงดอกบานนั้นจะบานทั้งต้น สีเขียวของใบ สีน้ำตาลของก้านกิ่งถูกบดบังไปด้วยสีชมพู ลำพังเพียงดอกเดียวก็ดูเด่นแล้ว ถ้าทั้งต้นมีแต่สีชมพู ทั้งป่าเหมือนถูกป้ายทาด้วยสีสวยชนิดนี้ คิดดูว่าจะงามเกินบรรยายเพียงใด นี่แหละที่ทำให้คนเดินทางตื่นตาตื่นใจในภาพธรรมชาติที่พบเห็น จนอุปมาว่านี่คือ "ซากุระเมืองไทย"
ถ้าใครเอ่ยชื่อ ฉวีวรรณ ผมว่าคนคงถามกันเป็นแถวว่า "ใครๆ" เพราะใครจะนึกว่าดอกสีชมพูหวานที่เรารู้จักกันในนามนางพญาเสือโคร่งนั้น ในตำราชื่อต้นไม้ (อาจารย์เต็ม สมิตินันท์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ปี 2544) เรียก ต้นฉวีวรรณ หรือจะเรียกดอกฉวีวรรณก็ไม่เห็นแปลก เป็นไม้ยืนต้นที่อยู่ในวงศ์ ROSACEAE สกุล Prunus ชนิด cerasoides ชื่อวิทยาศาสตร์จึงเป็น Prunus cerasoides ผมว่าไม้ชนิดนี้น่าจะเป็นไม้พื้นเมืองทางภาคเหนือ เพราะไม่เคยเห็นในป่าภาคอื่น ในขณะที่แทบทุกป่าในภาคเหนือ(ยกเว้นป่าเต็งรัง) จะเห็นต้นฉวีวรรณ เอ๊ย..นางพญาเสือโคร่งขึ้นอยู่ทั่วไป ชื่อนางพญาเสือโคร่ง ถ้าให้เดาก็น่าจะมาจากผิวของลำต้น ที่เป็นสีเขียวคล้ำปนน้ำตาล และมีรอบแตกสีเหลืองเข้มขวางลำต้น คล้ายๆ ลายสีดำของเสือโคร่ง ส่วนชื่อฉวีวรรณ ผมเดา(อีกแล้ว)ว่าน่าจะมาจากภาพลักษณ์ของสีดอกไม้ชนิดนี้กระมัง เพราะดูแล้วมัน “ฉวีวรรณ” ดีเหลือเกิน
ลักษณะดอกพญาเสือโคร่งคล้ายกับดอกซากุระที่ญี่ปุ่น แต่ผมไม่เคยเห็นต้น ใบ ของซากุระ จึงบอกไม่ได้ว่ามันเป็นญาติกันไหม แต่ถ้าให้เทียบความสวยกัน ผมว่าดอกไม้สีขาวสวยสู้ดอกไม้สีสดไม่ได้ ดังนั้นไม่ต้องไปเทียบกับสิ่งที่สวยสู้ไม่ได้หรอก บอกไปเลยว่านี่แหละ...พญาเสือโคร่งเมืองไทย
แม้เจ้าต้นนางพญาเสือโคร่งจะเป็นไม้พื้นเมืองที่มีอยู่เองตามธรรมชาติใน ภาคเหนือก็ตาม แต่เพราะเป็นไม้ยืนต้น โตเร็ว แถมมีดอกสวยด้วย มันจึงถูกเลือกให้เป็นไม้ชนิดหนึ่งที่ปลูกเพื่อฟื้นสภาพป่าที่ถูกทำลายลงไป ซึ่งใครเลยจะคิดว่าต้นไม้พื้นเมืองธรรมดาที่เอามาปลูกเพื่อฟื้นสภาพป่า กั้นแนวถนน ปลูกเป็นรั้วบ้าน ฯลฯ ครั้นโตพอที่จะออกดอกได้ กลายเป็นว่า แผ่นดินภาคเหนือดูหวานแหววไปด้วยสีชมพูของนางพญาเสือโคร่งนี่เอง
สำหรับปีใหม่ที่จะถึงนี้หากวางแผนว่าจะไปดูดอกนางพญาเสือโคร่ง ผมแนะนำสถานที่เหล่านี้ครับ...
สถานีโครงการหลวงอ่างขาง อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่, สถานีวิจัยเกษตรที่สูง (ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่) และหน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมาน สองหน่วยนี้อยู่ห่างกันราว 1 กม.แต่จะรู้จักกันในนามบ้านป่าเกี๊ยะ เข้าไปทางเดียวกับการไปหน่วยฯเด่นหญ้าขัด ที่จะเดินขึ้นดอยหลวงเชียงดาวนั่นเอง ต้องใช้รถ 4 WD, หน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะ ทางเข้าอยู่เยื้องกับทางเข้าอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ใกล้ๆ กันมีบ้านขุนแม่ยะน้อย ที่นั่นก็ดอกนางพญาเสือโคร่งเยอะเหมือนกัน ทางไม่ดี รถเก๋งเข้าไม่ได้
เส้นทางห้วยน้ำดัง-ดอยสามหมื่น มีต้นดอกไม้สีหวานนี้กระจายตลอดเส้นทาง ถ้ารถยนต์ท่านเตี้ยกว่ารถปิกอัพไม่ควรเข้า, ดอยอินทนนท์ ตามเส้นทางโดยเฉพาะในรัศมีจากที่ทำการอุทยานฯ 1 กม.จะมีดอกไม้นี้บานสวยเชียว,ขุนช่างเคี่ยน บนดอยสุเทพ เลยวัดพระธาตุดอยสุเทพไปอีก ทางแคบ ชัน และเป็นหลุมบ่อ ต้องขับรถด้วยความระมัดระวังอย่างมาก, เส้นทางบ้านแม่กำปอง (อ.สันกำแพง เชียงใหม่)-อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน-หน่วยฯกิ่วลม ทางลาดยางตลอด แต่ชันและแคบ, อุทยานแห่งชาติขุนสถาน อ.นาน้อย น่าน ทางลาดยางตลอดสาย แต่ทางชัน, อุทยานฯแห่งชาตินันทบุรี อ.ท่าวังผา น่าน ทางลาดยางตลอดสายฯลฯ
ขอเน้นย้ำในเรื่องช่วงเวลาว่าต้องเป็นช่วงปีใหม่ บวก-ลบ ไม่เกิน 10 วัน ดอกพญาเสือโคร่งจะบานชนิดที่มีแต่ดอกสีชมพูไม่มีอะไรปน หลังจากนั้นจะเริ่มมีใบอ่อนแตกออกมาแซม สีดอกจะซีดลงและเหี่ยวร่วง ดังนั้นเลือกช่วงเวลาให้เหมาะสม ทุกแห่งที่บอกมาสามารถไปกางเต็นท์ พักแรมได้ โดยเฉพาะตามอุทยานแห่งชาติต่างๆ
ถึงแม้จะมีข่าวคราวและพฤติกรรมของคนเชียงใหม่บางส่วน ที่ดูแล้วอาจจะขัดใจกันบ้าง แต่ก็อย่าทอดทิ้ง อย่าแอนตี้โดยการไม่มาเที่ยวเชียงใหม่ เพราะนี่คือส่วนหนึ่งของประเทศเรา ผมภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนประเทศนี้ครับ
รักจริงๆ นะเมืองไทย คนที่อยู่ต่างประเทศอิจฉาผมมั้ย
