สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ผิวหมองคล้ำของสาววัยทำงาน

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ HEALTH
โดย นับดาว




ผิวหมองคล้ำของสาววัยทำงาน

ปัญหาผิวพรรณที่เกิดอยู่ในแต่ละช่วงวัย มีความแตกต่างกันตามสภาพของผิวและกาลเวลา นายแพทย์สรวุฒ คุ้มครองธรร


ม ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ราชเทวีคลินิก ให้คำแนะนำสำหรับ วัยสาวเริ่มทำงานว่า ปัญหาที่สาววัยนี้ประสบ คือผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวหมองคล้ำ มีรอยดำ กระ และขาดความผ่องใส ซึ่งมีปัจจัยมาจากมลพิษต่าง ๆ รวมทั้งแสงแดดที่แรงมากในช่วงกลางวัน

การดูแลในเบื้องต้น คือการทาครีมกันแดด ที่ปกป้องทั้งรังสี UVA และ UVB เลือกใช้ SPF30 และ PA++ ก็เพียงพอ แต่หากต้องมีกิจกรรมที่ต้องถูกแดดมาก ๆ ก็อาจจะเลือกที่มีการปกป้องสูงกว่านี้ และควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หากมีเหงื่อออก หรือใบหน้าเปียกน้ำ

นอกจากนั้น การดูแลบำรุงผิวก็มีส่วนช่วยให้ผิวผ่องใส หรือจะเลือกทำทรีตเมนต์ที่เหมาะสมกับทุกสภาพผิว ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยเช่นกัน

เด็กกรุงไม่ทานอาหารเช้า

จากผลการสำรวจพฤติกรรมการรับประทานอาหารเช้าของเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ 4 จำนวน 902 คน ในเขตกรุงเทพฯ ของ รศ.ดร.ประไพศรี ศิริจักรวาล สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าเด็กกว่าร้อยละ 40 ไม่ได้กินอาหารเช้าเป็นประจำทุกวันในวันที่ต้องมาโรงเรียน ซึ่งส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่าไม่หิว ไม่มีเวลา และไม่มีการทำอาหารเช้าที่บ้าน

แต่อาหารมื้อเช้า ถือเป็นมื้อที่สำคัญต่อร่างกายมาก เพราะสมองและอวัยวะต่าง ๆ ต้องการ สารอาหารไปหล่อเลี้ยง หลังจากที่ไม่ได้รับอาหารมาตลอดทั้งคืน ซึ่งการขาดอาหารเช้า อาจจะทำเด็กรู้สึกหิว อ่อนเพลีย ขาดสมาธิ และส่งผลเสียต่อการเรียนในระยะยาวได้

ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้เด็กได้ทานอาหารมือเช้าเป็นประจำทุกวัน โดยเลือกอาหารที่หลากหลาย ครบหมู่ หรือจะเลือกอาหารอ่อน ๆ ที่เหมาะสำหรับเด็ก เช่น โจ๊ก หรือข้าวต้มก็ได้

ทั้งหมดนี้ เพื่อการพัฒนาทางสติปัญญาและร่างกายที่สมวัย


กดจุดบำบัดโรค

ศาสตร์การแพทย์แผนจีนยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องสำหรับการแพทย์ทางเลือกใน เมืองไทย ปัจจุบันมีอาจารย์เป็นผู้เชี่ยวชาญในแขนงวิชานี้อยู่ไม่มากนัก และหนึ่งในนั้นก็คืออาจารย์หยาง เผยเซิน ผู้เชี่ยวชาญด้านชี่กง กดจุด และฝังเข็ม ที่เข้ามาบุกเบิกศาสตร์นี้ในเมืองไทยกว่า 14 ปีแล้ว

ด้วยความชำนาญในการรักษาด้วยพลังลมปราณ ทำให้อาจารย์ได้รับการยอมรับ จนปัจจุบันเปิดคอร์สสอนวิชาต่าง ๆ และมีลูกศิษย์ลูกหาอยู่ในเมืองไทยมากมาย

ล่าสุด อาจารย์หยางได้แนะนำศาสตร์ด้านการกดจุดไว้ว่า การกดจุดนั้นต้องใช้ พลังลมปราณจากภายใน จะต้องรู้ว่าจุดแต่ละจุดสามารถรักษาโรคอะไรได้ และรักษาเส้นประสาทที่จะเชื่อมโยงไปยังอวัยวะส่วนไหน เช่น ถ้าปวดหัว ไม่ใช่กดที่หัว แต่กดที่มือ ซึ่งมีจุดชื่อ "เหอกู่" อยู่ระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ ซึ่งเป็นจุดง่ามนิ้ว เป็นต้น

สำหรับวิธีการกดนั้น จะต้องกดแล้วนวดกระตุ้น ใช้น้ำหนักที่พอดี ไม่ทำให้ผู้ป่วย บาดเจ็บ หรือฟกช้ำ ซึ่งถ้าเป็นการรักษาปกติ จะต้องกดประมาณ 10 นาทีต่อจุด และ ถ้าเป็นการกดเพื่อป้องกันโรค จะใช้เวลาจุดละประมาณ 3-5 นาทีเท่านั้น

และนี่คือจุดง่าย ๆ ที่เราสามารถกดเพื่อป้องกันโรคได้ เริ่มที่จุดเน่ยกวน หรือ จุดหัวใจ ซึ่งอยู่บริเวณข้อมือด้านฝ่ามือ กลางร่องระหว่างเส้นเอ็น 2 เส้น จุดนี้จะป้องกันเส้นเลือดหัวใจอุดตัน, จุดเสินเหมิน หรือจุดประตูจิต ซึ่งอยู่ตรงรอยบุ๋มเล็ก ๆ บริเวณปลายเส้นพับข้อมือด้านนิ้วก้อย ซึ่งจะช่วยรักษาความเครียด หงุดหงิด นอนไม่หลับ, จุดไท่ชง หรือจุดตับ ซึ่งอยู่ที่ง่ามนิ้วเท้า ช่วยในเรื่องระบบประจำเดือนและมดลูก ทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ ฯลฯ

เพียงแค่นี้ ก็สามารถป้องกันโรคได้แล้ว

view