สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

บิ๊กบัง ทิ้งคัมภีร์ลับ-ลวง-พราง กางตำราปฏิวัติ Flower-Revolution โปรดฟังอีกครั้ง...อย่าคิด ฆ่าตัวตาย

จากประชาชาติธุรกิจ


สัมภาษณ์




เมื่อนายพลแห่งกองทัพ-ถอดหัวราชสีห์ เมื่อนายพลนักปฏิวัติ-รัฐประหาร ลงจากหลังเสือ

เมื่อ "พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน" ผู้นำคณะนายทหารเข้ายึดอำนาจ สร้างตำนาน "ลับ-ลวง-พราง" และเปลี่ยนผ่าน-ผ่องถ่ายอำนาจ จนมาถึงคณะรัฐบาลพลเรือน

ผ่าน 3 ปี 3 รัฐบาล 3 นายกรัฐมนตรี

"พล.อ.สนธิ" กลับขึ้นหลังเสืออีกครั้ง

ในนามหัวหน้า "พรรคมาตุภูมิ"

กลิ่น-เสียง-คราบไคล ของการปฏิวัติ-รัฐประหารยังไม่จางหาย

ยังมีนายพลหลายคน หมกมุ่น-คลุกอยู่ในวังวน-ปฏิวัติ

โลกหมุนมาถึงวันทหารผ่านศึก วันแห่งดอกป๊อปปี้ผลิบาน "พล.อ.สนธิ" โคจรอยู่ที่ทำการพรรคมาตุภูมิ อาคารเบญจมาศ สนทนากับ "ประชาชาติธุรกิจ" ท่ามกลางพายุข่าวลือ "ปฏิวัติ" ...โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง

- ในฐานะเป็นผู้นำคณะปฏิวัติ 19 กันยายน 49 วิเคราะห์ปรากฏการณ์ข่าวลือเรื่องปฏิวัติ มกราคม 53 อย่างไร

การ ปฏิวัติไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะบ้านเรา มันเกิดขึ้นทั้งโลก ถามว่าการปฏิวัติ ปฏิวัติเพราะอะไร ปฏิวัติเพราะอยากเป็นเผด็จการ หรืออยากเป็นใหญ่ในแผ่นดิน นั่นก็เป็นการปฏิวัติอย่างหนึ่ง

แต่การปฏิวัติที่เรียกว่า Flower revolution มันมีอยู่หลายประเทศ คือ การปฏิวัติโดยประชาชน การปฏิวัติทุกครั้งถ้ามีประชาชนร่วมอยู่ในการที่จะเดินไป ข้างหน้าในระบอบประชาธิปไตย ผมถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเข้าไปสู่ระบอบประชาธิปไตย เป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อรักษาประชาธิปไตย

ก่อนจะเกิด Flower revolution มันมีจุดบอกเหตุเกิดขึ้นที่ประชาชนรับไม่ได้ ยกตัวอย่างในฟิลิปปินส์รัฐบาลคอร์รัปชั่น เห็นแก่พวกพ้อง รัฐบาลมีปัญหาการปกครอง โดยลักษณะที่ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย ประชาชนไม่มีส่วนร่วมนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้เกิด Flower revolution คือการปฏิวัติโดยประชาชน ถามว่าปฏิวัติ เขาผิดหรือเปล่า นี่คือ การปฏิวัติเพื่อรักษาประชาธิปไตย

เหมือนกัน...การปฏิวัติใดก็ตาม ที่มีประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมนั่นคือ ปฏิวัติเพื่อรักษาประชาธิปไตย ฉะนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าจะมีหรือไม่มี...มันขึ้นอยู่กับ ประชาชนที่จะเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกระทำมากน้อยแค่ไหน

ถ้าปฏิวัติ เต็มไปด้วยประชาชน ประชาชนต้องการอย่างนี้ ถือว่าเป็นการปฏิวัติที่ถูกต้อง เพราะประชาชนทนไม่ไหวกับการปกครองที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย ซึ่งมีหลายประเทศที่เกิดขึ้นในโลก

- ท่ามกลางข่าวลือขณะนี้ มีลางบอกเหตุอะไรหรือไม่ว่าจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้น

อย่าง ที่ว่า ถ้าประชาชนเห็นด้วยกับการปฏิวัติก็เป็นเรื่องที่ต้องจับตาดู แต่ถ้าฉันใดก็ตามที่การปฏิวัติโดยที่ประชาชนไม่เห็นด้วย อย่าเพิ่งไปมอง ฉะนั้นถ้าเผื่อจะปฏิวัติประชาชนต้องเห็นด้วย แต่ถ้าประชาชน ไม่เห็น ถ้าใครคิดจะทำ...คงลำบาก

ถ้าถามว่าปฏิวัติตอนนี้เสื้อแดงจะทำยังไง เสื้อเหลืองเอาด้วยมั้ย ประชาชนในประเทศเห็นด้วยมั้ย นักวิชาการ นักธุรกิจ เห็นด้วยมั้ย ถ้าประชาชนไม่เห็นด้วยแล้วคิดจะทำ ผมว่า...ฆ่าตัวตาย

- หลังเหตุการณ์ปฏิวัติ 19 กันยายน มีผลพวงอะไรที่ทำให้บ้านเมืองเดินมาสู่ จุดนี้

หลาย คนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเราจะบอกว่า ถ้าไม่ทำจะดีกว่านี้ ไม่มีใครรู้ว่าไม่ทำ แล้วมันจะดีกว่านี้ หรืออาจจะแย่กว่านี้ ฉะนั้นบอกกันตามตรงเป็นเหตุที่เกิดแล้ว ผมไม่อยากพูดถึงอดีตเพราะมันพิสูจน์ไม่ได้ว่า ถ้าไม่เกิด ถ้าไม่ทำ แล้วมันจะเกิดอะไร หรือถ้าทำแล้วมันจะเกิดอะไร

แต่คิดว่าเดี๋ยวนี้ ที่กำลังมาสู่จุดนี้ เราทำในวันนั้น มันเหมือนกับ Flower revolution ประชาชนสนับสนุนในการทำ ผมถือว่าเป็นการปฏิวัติ เป็นการปฏิรูป ที่ประชาชนรับได้นั่นคือ การปฏิรูปเพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย

- การเรียกร้องแก้รัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาล เหตุผลหนึ่งมาจากต้องการ ล้างคราบไคลการปฏิวัติ 19 กันยายน 49

การ แก้รัฐธรรมนูญเราต้องมองว่าประชาชนมีส่วนรับรู้และเข้าใจหรือต้องการมากน้อย แค่ไหน เราอย่าไปมองว่าประชาชนไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ 2550 หรือรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งเราคิดแทนประชาชนไม่ได้ ก็ต้องถามว่าภาพใหญ่ประชาชนคิดอย่างไรกับ 2550 หรือ 2540 เพราะประชาชนเป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญ ถามคนคนเดียวไม่ได้ ต้องถามกลับไปที่ประชาชน

ฉะนั้น รัฐธรรมนูญไม่ว่าจะเป็น 2540 หรือ 2550 เมื่อใช้มาสักพักหนึ่งต้องมีการปรับแก้เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ นั่นหมายถึงประชาชนกำลังเดือดร้อนเราจึงต้องแก้เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข นั่นคือ สิ่งที่ต้องทำ ถ้าแก้แล้วประชาชนมีสุข ก็แก้ ถ้าประชาชนไม่มีสุข จะไปแก้ทำไม

- เป็นไปได้หรือไม่ว่าในอนาคตชื่อ พล.อ.สนธิ ในนามพรรคมาตุภูมิ จะเป็น มือประสานสิบทิศทางการเมือง

ปัจจัย ต่าง ๆ ที่เราจะไปมีอำนาจทำอย่างนั้น ก็ต้องถามว่าเรามีอะไรเป็นพลังหรือไม่อย่างไร ถ้าเราจะไปพูด เรามีอะไรเป็นตัวแสดงออกหรือยังว่าเรามีศักยภาพ ไม่ใช่ไม่มีศักยภาพครับ แต่หมายถึงว่า เมื่อจะถึงเวลานั้นซึ่งไม่รู้เมื่อไร แต่วันนั้น ถ้าเราจะไปทำภารกิจนี้ เราก็ต้องดูตัวเราว่ามีความพร้อมไปสู่จุดนั้นหรือเปล่า ไม่ใช่ อยู่ดี ๆ เอาคนที่ไม่มีศักยภาพ มันเป็นธรรมชาตินะ

- ช่วงที่ผ่านมาได้คุยกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.หรือคุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บ้างหรือไม่

ก็ เจอกัน ก็คุยกัน แต่เราจะไม่คุยเรื่องการเมืองกัน คุยกันเรื่องอื่น เรื่องการเมืองมันไม่เกี่ยวกับกองทัพ ส่วนใหญ่คุยเรื่องทั่วไป และเรื่องส่วนตัวกับคุณทักษิณ ชินวัตร โทรศัพท์คุยกัน 2 ครั้งครับ... นานแล้วครับที่ไม่ได้คุยกัน

- จากชีวิตผู้นำทหารใส่เครื่องแบบมาสู้ผู้นำพรรคการเมือง ชีวิตเปลี่ยนไปหรือไม่

เมื่อ ครั้งที่เป็นทหาร ชีวิตเราอยู่ในกรอบของความเป็นระเบียบ มีกฎกติกาชัดเจน แต่พอมาอยู่เส้นทางการเมือง ถามว่า แตกต่างมั้ย ก็ไม่แตกต่าง เพราะจริง ๆ แล้วการที่สังคมประชาธิปไตย หรือสังคมทั่วไป มีระเบียบมีวินัย ก็ถือว่าเป็นกรอบที่ดี

ฉะนั้น เมื่อเราเข้ามาอยู่ในสังคมการเมือง ถ้าสังคมการเมืองที่ดี เป็นสังคมที่มีวินัย มีการจัดระเบียบกติกาของการเมืองที่มีคุณธรรม จริยธรรมของมันมีอยู่ ถามว่ามีอะไรแตกต่างมั้ย ไม่มีอะไรแตกต่าง ชีวิตประจำวัน แนวคิดเหมือนเดิม เพราะชีวิตของสังคมปุถุชนทั่วไปคือการเมืองระดับเล็กสุด พอเราเข้ามาตรงนี้ก็พัฒนามาจากสังคมเล็ก ๆ มาสู่สังคมใหญ่ ฉะนั้นเราเข้ามาสู่สังคมการเมืองมันก็คือการที่เรายกระดับการเมืองของเรา

- นอกจากนโยบายเรื่องภาคใต้แล้ว พรรคมีนโยบายอะไรอีกบ้างที่แตกต่างจากพรรคอื่น และโดนใจประชาชน

จริง ๆ นโยบายของพรรคทุกพรรค มีนโยบายหลักของมันอยู่ การเมือง เศรษฐกิจ สังคม หรือเทคโนโลยี แต่ ณ เวลานี้สถานการณ์ปัจจุบันในบ้านเรามีปัจจัยหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง ความขัดแย้งทางสังคม ทำให้เกิดความแตกแยก ทะเลาะเบาะแว้ง

ฉะนั้น พรรคมาตุภูมิมีความตั้งใจอยู่อย่างเดียว คือ จะทำอย่างไรที่จะทำให้สังคมไทยกลับไปสู่สังคมที่มีความรัก สมัครสมานสามัคคี ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย นี่คือสิ่งที่เราต้องการ ฉะนั้นนโยบายหลักของพรรคก็คือ เราต้องการเห็นความสามัคคีในชาติ เพราะคำว่าไทยก็คือ ทั้งประเทศ นี่คือสิ่งที่เราต้องทำ

- แต่ในสถานการณ์การเมืองชั่วโมงนี้ นโยบายที่ท่านใฝ่ฝันอาจทำได้ยากในทางปฏิบัติ

แน่ นอน...วิธีการปฏิบัติไม่ง่าย แต่ก็ต้อง มีขั้นมีตอนของมัน เพราะอย่างไรก็ตามเจตนารมณ์หลักของเราคือเราต้องสร้างตรงนี้ เรามีนโยบาย ไม่ได้หมายความว่าตอนนี้เราจะทำ แต่ถ้าเรามีโอกาส เราได้ทำ เราจะทำ

- การเดินสายไปสร้างสัมพันธไมตรีกับพรรคการเมืองต่าง ๆ อยู่ในแนวนโยบายสร้างความสามัคคีในชาติ หรือเป็นแค่ภาพทางการเมือง

เรา ต้องการเห็นบ้านเมืองเป็นอย่างไรนั่นคือคำตอบ เมื่อเราต้องการเห็นการเมืองบ้านเราเป็นการเมืองที่เดินไปข้างหน้า เพื่อผลประโยชน์ชาติ ผลประโยชน์ประชาชน นี่คือจุดประสงค์หลักที่เราวางไว้ เมื่อวางแล้วสอดคล้องกับจุดประสงค์เดิมก็คือ ความสามัคคี

ฉะนั้น การที่เราเดินทางไปให้กำลังใจพรรคโน้นพรรคนี้ ทักทายปราศรัย ผมถือว่าเป็นปกติของการทำงานพรรคการเมืองทุกพรรคทั้งระบบในระบอบประชาธิปไตย ความขัดแย้งส่วนตัวกับ ผลประโยชน์ชาติต้องแยกให้ออก ถ้าแยกไม่ออกบ้านเมืองจะเกิดปัญหา

การที่เราไปเยี่ยมพรรคการเมือง เป็นวัฒนธรรมทางการเมืองของพรรคการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งถูกต้องการที่พรรคการเมืองเกิดขึ้นมาถือว่าระบบประชาธิปไตยเรา กำลังเดินไปในทางที่ ถูกต้อง เราอย่าไปเลือกว่าพรรคไหน หรือเลือกว่าข้างไหน

- พรรคมาตุภูมิมีกลุ่มทุนสนับสนุนมากน้อยแค่ไหน

จริง ๆ เรื่องทุนเราต้องดูว่าในกติกาของ กกต.เขาให้พรรคการเมืองใช้ได้มากน้อยแค่ไหน มีกติกาของมันอยู่ เราเดินตามกติกา ผมไม่กังวลเรื่องทุน โดยความหวังเราก็อยากเห็นว่ามีกลุ่มต่าง ๆ ให้การสนับสนุน แต่เราก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นข้างหน้า เราตอบไม่ได้

- ท่านกังวลกับเหตุการณ์บ้านเมือง โดยเฉพาะคดียึดทรัพย์คุณทักษิณช่วงเดือนกุมภาพันธ์หรือเปล่า

จริง ๆ บ้านเมืองมีขื่อมีแป มีกฎหมาย ระบอบประชาธิปไตยข้อหนึ่งในการเป็นประชาธิปไตยก็คือ Rule of law กฎหมายเป็นตัวกำหนดให้คนเดินภายใต้กรอบในระบอบประชาธิปไตย ฉะนั้นอะไรที่จะเกิดขอให้กระบวนการทางกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมรักษาไปตามนั้น แล้วทุกอย่างมันจะเดินไปได้เองไม่ต้องกังวลครับ เรื่องนี้...ไม่ต้องกังวล มาตรการทางกฎหมายมันมีอยู่

- ท่านเชื่อว่าปัญหาการเมืองวันนี้ยังมีทางออกที่เป็นไปตามระบบ

จริง ๆ แล้วการเมืองมีทางออกของมันอยู่ ด้วยระบบวิถีทางการเมือง เพราะเราจะแก้การเมืองนอกระบบคงเป็นไปไม่ได้ นอกระบบคืออะไร ตัวอย่างง่าย ๆ คือการปฏิวัติรัฐประหารก็เป็นไปไม่ได้ จะมาแบบอื่น ผมก็มองไม่เห็น แต่ว่ามันมีทางแก้ทางการเมืองที่ต้องใช้ระบบการเมืองมาแก้

ฉะนั้น มันมีวิถีทางของมัน ยังไม่ตันครับ ยังไปได้อยู่ เราไปกังวลมากเกินไปว่าบ้านเมืองไม่มีทางออก จริง ๆ สภาก็เดินไปตามรูปแบบทางการเมือง ถ้าไปไม่ได้ ก็ยุบสภา ไปไม่ได้ ก็ลาออก ก็ต้องไปตามทาง นี่คือทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย

ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมไทย คือ ระบอบประชาธิปไตย แต่อย่าใช้ความรุนแรง ถ้าใช้ความรุนแรง ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย

- ดูท่านจะมองโลกในแง่ดี

จะ ไปมองในแง่ร้ายเพื่ออะไร ไม่เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง ไม่เป็นประโยชน์กับสังคม ฉะนั้นเรามองในแง่ดีว่ามันต้องไม่เกิดนะ เศรษฐกิจต้องดีนะ สังคมต้องรักกันนะ สิ่งที่มันเป็นปัญหาจะเกิด ผู้บริหารประเทศเขาก็จัดการของเขา หน้าที่ของการเป็นพลเมือง เราก็ต้องรักษาหน้าที่ของความเป็นพลเมืองของเราไว้ เท่านั้นเอง

สิทธิ กับหน้าที่เราก็ปฏิบัติตาม บ้านเมืองก็เดินได้ไม่มีปัญหา แล้วมองในแง่บวกเข้าไว้ อย่ามองแง่ลบ ไม่งั้นบ้านเมืองจะสับสน ดังนั้นสื่อ...เวลาให้ข้อมูลประชาชนต้องให้ในแง่บวก อย่าให้แง่ลบ ประชาชนจะเป็นกังวล

- สื่อมวลชนทำหน้าที่อย่างที่ควรจะเป็นหรือยัง

รัฐ ธรรมนูญ 2550 เป็นรัฐธรรมนูญที่ให้สิทธิกับสื่อสูงมาก ถือเป็นคุณประโยชน์ของสื่อในระบอบประชาธิปไตยที่ชัดเจนมาก ผมคิดว่าสื่อจะต้องหันกลับไปมองว่าจะต้องทำให้สังคมเรามีความรัก สามัคคี อะไรที่ดี อะไรที่ควรให้รู้มากน้อยแค่ไหน นี่เป็นหน้าที่ของสื่อ

เพราะ ว่าสังคมจะไปได้ดีหรือไม่ดี เศรษฐกิจจะไปได้ดีหรือไม่ดี อยู่ที่สื่อทั้งสิ้น ฉะนั้นสื่อจะต้องไปจัดสรรดูว่าอะไรควรอะไรไม่ควรโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง จรรยาบรรณของความเป็นสื่อฉะนั้นการกำกับดูแลกันเองเป็นเรื่องสำคัญ จรรยาบรรณแต่ละคนมีหรือเปล่า ถ้ามี...บ้านเมืองมันเดินได้

- มองสังคมเศรษฐกิจ การเมืองไทย วันนี้อย่างไรบ้าง

เรา ต้องรู้ว่าสังคมไทยเป็นยังไง (นะ) สังคมก็คือสิ่งที่แสดงออกของวิถีชีวิตที่มันเปลี่ยนแปลงหมุนเวียน แน่นอนว่าสังคมบ้านเรากำลังสับสน ที่เห็นกันอยู่มีสีโน้นสีนี้

นี่ คือสังคมที่ยังไม่เรียบร้อย ซึ่งส่วนหนึ่งการเมืองก็มีส่วน เป็นธรรมชาติในระบอบประชาธิปไตย แต่อย่าไปกังวลกับมันมากนัก เพียงแต่ว่าหน้าที่ของผู้ปกครองหรือรัฐบาล ผู้บริหารประเทศ ต้องแก้ปัญหาสังคม ให้สังคมไทยเป็นสังคมที่มีความรักความผูกพันเหมือนเดิม ซึ่งก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป

ส่วนเศรษฐกิจผมยังมั่นใจว่า ภาคธุรกิจเขาเดินของเขาไปได้ ปัญหาที่เกิดความยุ่งยากกับภาคธุรกิจก็คือ การเมืองที่ทำให้ระบบสังคมไปกระทบกับระบบเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจมีความยุ่งยากบ้าง แต่โดยรวมยังไปได้

- หลังผันตัวเองมาเล่นการเมือง ชีวิตมีความสุขมั้ย

ผม ไม่มีความทุกข์ เพราะมันเป็นวิถีชีวิตของเรา มันไม่มีความทุกข์ เพียงแต่ว่างานอาจจะมากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ที่หนัก ๆ คือเรียนหนังสือมากกว่าที่ทำให้ เรากังวล กลัวสอบไม่ได้ดี (หัวเราะ)

view