จาก โพสต์ทูเดย์
โดย...ทีมข่าวการเมือง
กลายเป็นวิวาทะตอบโต้กันมาอย่างยาวนานนับหลายสัปดาห์แล้วสำหรับข้อเสนอของกลุ่มนักวิชาการในนาม “นิติราษฎร์” นำโดย วรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายหลังมีข้อเสนอทางการเมืองในโอกาสครบรอบ 5 ปี ของรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 เรียกร้องให้เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นโมฆะ
“ดำเนินการลบล้างผลพวงการรัฐประหารของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ตั้งแต่วันที่ 19-30 ก.ย. 2549 และแก้รัฐธรรมนูญ 2550 โดยเอารัฐธรรมนูญ 2540 เป็นต้นแบบ” หนึ่งในสาระสำคัญของแถลงการณ์นิติราษฎร์ฉบับแรก
นิติราษฎร์มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในช่วงปลายปี 2553 โดยมีการเสนอข้อเรียกร้องสำคัญ คือ การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในความผิดเกี่ยวกับละเมิดและดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อไม่ให้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของผู้มีอำนาจรัฐ
นับจากนั้นเป็นต้นมา นิติราษฎร์ก็ได้ถูกจับตามาตลอดจากสังคมว่า กลุ่มการเมืองนี้มีเป้าหมายทางการเมืองอย่างไร
โดยเป็นไปตามคาดการณ์ ภายหลังเสนอให้มีการร่างกฎหมายเพื่อย้อนเวลากลับไปเสมือนหนึ่งว่าประเทศไทย ไม่เคยมีเหตุการณ์รัฐประหาร 2549 ในโอกาสครบ 5 ปี ของการรัฐประหารรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ปรากฏว่าสร้างกระแสได้อย่างหลากหลาย ทั้งสนับสนุนและต่อต้าน
แน่นอนว่า ฝ่ายสนับสนุนหนีไม่พ้นพรรคเพื่อไทย เพราะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ออกมาเห็นด้วยกับแนวความคิดนี้ เพื่อสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น และพร้อมจะสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมด้วยการเสนอให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเสียงข้างมากตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาข้อเสนอของนิติราษฎร์ เป็นการเฉพาะ
ขณะเดียวกัน กลุ่มคนเสื้อแดงก็แสดงท่าทียกมือเชียร์นิติราษฎร์อย่างเต็มที่ ในฐานะเป็นกลุ่มการเมืองที่เกิดมาเพื่อต่อต้านการรัฐประหารโดยตรง เพราะจุดยืนของคนเสื้อแดงมีเป้าประสงค์ต่อการรื้อมรดกคณะมนตรีความมั่นคง แห่งชาติ (คมช.) เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“ขอชื่นชมกลุ่มนิติราษฎร์ที่เสนอแนวทางนี้ ข้อเท็จจริงวันนี้ใครก็เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมเป็นสองมาตรฐาน มีการผูกปมซ่อนเงื่อนปัญหาจาก คมช.เอาไว้ ถ้าไม่ทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น การแก้รัฐธรรมนูญ ปัญหาก็คงอยู่” ท่าทีจาก ก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
ขณะที่ฝ่ายคัดค้านนิติราษฎร์ปรากฏว่ามีทั้งนอกและในสภาไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม คณาจารย์คณะนิติศาสตร์หลายสถาบัน พรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น โดยโจมตีว่ามีเป้าหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้พ้นพิษจากคดีทุจริตคอร์รัปชัน
ความขัดแย้งของสังคมที่มีต่อแนวคิดของนิติราษฎร์ได้กลายเป็น จังหวะก้าวที่สำคัญของพรรคเพื่อไทยในการช่วงชิงเพื่อเดินเกมการเมืองบาง ประการ
พรรคเพื่อไทยย่อมหวังใช้สถานการณ์ตอนนี้เพื่อปูทางให้เกิดการแก้ไขรัฐ ธรรมนูญ โดยอ้างถึงหลักวิชาการที่เสนอจากกลุ่มนิติราษฎร์ หลังจากที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยเผชิญกับคำถามสำคัญถึงความชอบธรรมของการแก้ไข รัฐธรรมนูญว่ามีหลักการและเหตุผลอย่างไร
อย่างน้อยที่สุดข้อเสนอของนิติราษฎร์จะเป็นหนึ่งในกลไกที่ปูทางไปสู่การแก้กฎหมายสูงสุดของประเทศ
ใช่ว่าจะมีเฉพาะนิติราษฎร์เท่านั้นที่พรรคเพื่อไทยจะเอามาใช้เป็นข้ออ้างแก้รัฐธรรมนูญ แต่เพื่อไทยจะใช้ “คณะกรรมการอิสระว่าด้วยหลักนิติธรรมแห่งชาติ” (คอนธ.) มาเป็นหนึ่งในกระบวนการสร้างเงื่อนไขเพื่อแก้รัฐธรรมนูญเช่นกัน
พรรคเพื่อไทยจะหยิบยกเอาเรื่องการแก้ไขสองมาตรฐานมาเริ่มต้นกระบวนการ ผ่านการอธิบายให้เห็นว่าที่ผ่านมาการแก้ไขความเหลื่อมล้ำไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากรัฐไทยไม่เคยมีการทำกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้เกิดสภาพ บังคับแก่รัฐอย่างแท้จริง
การทำให้เกิดสภาพบังคับทางกฎหมายเพื่อให้ปัญหาได้รับการแก้ไขอย่างเป็น รูปธรรม คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในฐานะเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
เนื้อหาในการแก้รัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทยได้ออกแบบเอาไว้ที่การล้มล้างองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน
โดยจะเลือกเฉพาะองค์กรที่เกิดขึ้นมาจากการแต่งตั้งตามประกาศ คปค. รวมไปถึงการตัดตอนฝ่ายตุลาการไม่ให้เข้ามามีบทบาทในงานขององค์กรอิสระเหมือน กับรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
ที่ผ่านมา รัฐธรรมนูญ 2550 ถือเป็นหนามยอกอกของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด เพราะเป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีของพรรคถึง 2 คน ต้องลงจากตำแหน่งก่อนเวลาอันควรมาแล้ว ส่งผลกระเทือนต่อเสถียรภาพของรัฐบาลจนกระทั่งอำนาจรัฐในมือหลุดลอยไปอยู่กับ พรรคประชาธิปัตย์ถึง 2 ปี
ดังนั้น เมื่ออำนาจรัฐกลับมาอยู่ในมือของพรรคเพื่อไทย จำเป็นต้องเร่งดำเนินการ และไม่ควรทอดเวลาให้นานเกินไป
ทั้งหมดนี้พรรคเพื่อไทยเตรียมกระบวนการนี้เอาไว้หมดแล้ว และพร้อมจะยื่นให้รัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เพื่อแก้มาตรา 291 เปิดทางตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญในช่วงสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติที่จะเริ่ม ต้นในเดือน ธ.ค.
การเลือกแก้ไขช่วงสมัยสามัญนิติบัญญัติเป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจ เนื่องจากถ้ามองในความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลพรรคเพื่อไทยสามารถผลักดันเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมสมัยสามัญทั่วไป ได้ แต่เผอิญว่าสถานการณ์ประเทศไทยตอนนี้ไม่เหมาะสมมากนัก เพราะอยู่ในช่วงประสบปัญหาอุทกภัยน้ำท่วมอย่างรุนแรง
ครั้นหากรัฐบาลจะผลักดันวาระที่เป็นที่คลางแคลงใจสังคมและมีข้อสงสัยว่า มีผลประโยชน์ทับซ้อนบางประการไปในเวลานี้ รัฐบาลย่อมถูกจับจ้องด้วยสายตาไม่เป็นมิตรแน่นอน
พรรคเพื่อไทยจึงเลือกที่จะทอดเวลาออกไปก่อน โดยหวังว่าเมื่อสถานการณ์เบาบางลงในช่วงปลายเดือน ธ.ค. พรรคเพื่อไทยก็จะเสนอร่างกฎหมายเข้ารัฐสภาทันที
ถึงกระนั้น แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะวางหมากแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร มั่นใจได้เลยว่าต้องเจอกับแรงต้านอย่างแน่นอน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะชี้ชะตาอายุของรัฐบาลในระยะยาวแน่นอน ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะสามารถฝ่าแรงเสียดทานได้อย่างไรเท่านั้นเอง
สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พีแอนด์อี
ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,จดทะเบียนธุรกิจ,วางระบบบัญชี