สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ปลอด เตือนน้ำทุ่งมหาศาลจ่อกรุง

จาก โพสต์ทูเดย์

"น้ำก้อนใหญ่ออกไปหมดแล้ว มันไม่จริง เพราะน้ำทุกวันนี้มันยังวิ่งมาอยู่  โดยเฉพาะมีน้ำก้อนใหญ่ที่มันยังอยู่บนทุ่ง"

โดย....ชัยฤทธิ์ ยนเปี่ยม

ภัยพิบัติน้ำท่วมจากนี้จะเป็นอย่างไร ยังจะรุนแรงแค่ไหน และอะไรที่ทำให้ประเทศไทยต้องเผชิญมหาอุทกภัยครั้งนี้ มาฟัง เหตุผลจาก “ปลอดประสพ สุรัสวดี” รมว.วิทยาศาสตร์ ที่สังเคราะห์ข้อมูลจากวอรูมของกระทรวงวิทย์และผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง

สถานการณ์จากนี้จะเป็นอย่างไร

 

ปลอดประสพ สุรัสวดี

น้ำทั้งหมดตั้งแต่เกิดฝนตกมา มีประมาณ 20,000 ล้านลูกบาศ์กเมตร (ลบ.ม.) ปัจจุบันออกได้แล้วประมาณ 7-8,000 ล้านลบ.ม. เหลืออีก 10,000 ล้านลบ.ม. ฉะนั้นที่บอกว่า  น้ำก้อนใหญ่ออกไปหมดแล้ว มันไม่จริง เพราะน้ำทุกวันนี้มันยังวิ่งมาอยู่  โดยเฉพาะมีน้ำก้อนใหญ่ที่มันยังอยู่บนทุ่ง หรือ “น้ำทุ่ง”จะเห็นว่า มันยังอยู่ที่นครสวรรค์  3,900 ล้านลบ.ม. อยู่ที่อยุธยาอีก 4,000 ล้านลบ.ม. จะเห็นว่า 10,000 กว่าล้าน ลบ.ม.ที่มันรบกวนกรุงเทพอยู่ ฉะนั้นที่พูดว่า มันไปหมดแล้ว ไม่จริง

น้ำทุ่งกำลังมาถึงกรุงเทพอีกเมื่อไร 

มันมาแต่ในทุ่ง ซึ่งมันจะมาช้าหน่อย  ซึ่งเราเองไม่ได้แม่นยำกับพฤติกรรมน้ำทุ่งเท่าไร ซึ่งไม่มีใครว่ากันเพราะเราไม่เคยมีน้ำทุ่งมากมายขนาดนี้ แต่การที่มากมายอย่างนี้มันเลยทำให้การคำนวณพลาด ก็เลยทำให้การบริหารจัดการ หรือ วางแผน  จึงผิดไปด้วย ว่า มันจะเข้าที่ไหน เข้ามาก เข้าน้อยอย่างไร แล้วเวลามันท่วมทุ่ง มันก็ท่วมไม่เท่ากันนะ

ทีนี้ถ้าทุกอย่างจะดีกว่านี้ มันจะต้องเริ่มต้นจาก  1.เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์  ปีนี้ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น 2 เขื่อนนี้ พร่องน้อยมาก ซึ่งแต่เดิมเคยพร่องมากกว่านี้ตั้งเยอะ ดันเก็บเอาไว้ ซึ่งอำนาจการปล่อยน้ำ อยู่ที่กรมชลประทาน  แต่กรมชลฯตัดสินใจเมื่อกลางปี ที่จะไม่พร่องน้ำ  พอฝนตกเข้ามา มันก็เลยเก็บน้ำได้น้อย ก็ต้องปล่อยน้ำเข้ามา 2. ปีนี้ฝนตกเร็วไปเดือนครึ่ง 3. ฝนตกตลอดเวลาเลย ทำให้ลำน้ำทั้งหลายเต็มหมด แทนที่ข้างล่างจะน้อยแล้วค่อยๆ ไหลลงมา แต่ปรากฎว่า มันเต็มพร้อมๆ กันหมดเลย พอน้ำลง มันก็เลยไหลช้า แล้วก็เอ่อไปหมด คือ ปีนี้ไม่มีฝนทิ้งช่วงเลย แล้วก็ตกเยอะ ตกเร็วกว่าปกติ และมากกว่าปกติประมาณ 35-40%  น้ำเลยมากมายขนาดนี้ นั่นคือ ปัญหาของเรา แล้วมันก็ไหลลงมา

ฉะนั้น พลาดตั้งแต่จุดแรก ปล่อยน้ำน้อย  พลาดจุดที่สอง คือ เมื่อมันลงถึงตรงนี้ก่อนถึงชัยนาท ถ้าล่วงรู้ก่อนว่า มันจะมีฝนมาอีกเยอะ เราก็สามารถเตรียมการผันน้ำมาทางตะวันตกตั้งแต่ต้นทางประตูน้ำพลเทพ   แต่กว่าเราจะตัดสินใจผันก็ช้าไปแล้ว ที่ช้าไปก็เพราะข้างบนก็มีน้ำเต็ม ข้างล่างก็มีน้ำเต็ม ไปทางซ้าย(ฝั่งสุพรรณบุรี) ก็ยังน้อย แม้กระทั่งวันนี้ก็ยังน้อยอยู่ยังวันค่ำ เหตุผลที่น้อยก็ไม่รู้ ผมก็ไม่อยากพูด  แต่มาถึงวันนี้ เราควรตัดสินใจ ผันไปทางตะวันออกให้เร็วที่สุด เราก็ทำไม่ได้ เพราะคลองทางด้านนี้  ไม่ได้รับการขุดลอกเท่าที่ควร ปั้มมีเยอะแยะ แต่เอาออกได้นิดเดียว เพิ่งจะเสร็จเดี๋ยวนี้เอง ทำให้ปั้ม99 ปั้ม ทำงานได้เต็มที่ ไล่น้ำ 30 ล้านลบ.ม.ต่อวัน 

ขณะนี้ เราระบายน้ำลงทะเลได้วันละ 400-500 ล้านลบ.ม.   ไปทางตะวันออกได้สูงสุด แค่ 30 ล้านลบ.ม.ต่อวัน แม่น้ำบางปะกงได้อีกซัก 20 รวมแล้ว  50 ล้านลบ.ม. แม่น้ำเจ้าพระยาก็เกือบ 400 ล้าน ลบ.ม. ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพอีก 20-30 ล้านลบ.ม.รวมทั้งหมดไม่เกิน 500 ล้านลบ.ม. ยังเหลืออีก  10,000 กว่า ล้านลบ.ม. หารไปก็ใช้เวลา  20 กว่าวัน

คำถามคือ ทำไมการระบายน้ำถึงไม่คล่องตัว ก็ไม่ใช่ความผิดของใครอีกหล่ะ เพราะระบบชลประทานของเรา มันเป็นระบบส่งน้ำ คือ ส่งน้ำจากท่อใหญ่ไปหาท่อเล็ก แต่ระบบระบายน้ำมันต้องเล็กไปหาใหญ่  แต่เราเอาระบบส่งน้ำมาใช้ระบบระบายน้ำ มันจึงทำได้ช้า ไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่ใช่ความผิดของใคร เพราะประเทศไทยไม่ได้มีระบบระบายน้ำเท่าที่ควร ทำให้ในอนาคตเราต้องคิดว่า ทำอย่างไรถึงจะสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำควบคู่กัน  หรือ สร้างระบบระบายน้ำมาอีกต่างหากเลย เพราะเรารู้แน่แล้วว่า จากนี้เราจะต้องสภาพอย่างนี้แน่นอน  นี่เราโชคดีนะ เราถูกโจมตีจากข้างบนอย่างเดียว คือ น้ำจืด ที่จริงแล้ว โกลเบิลวอร์มิ่งที่เราเผชิญอยู่มันละลายน้ำแข็งให้น้ำทะเลสูง ถ้าเมื่อไรน้ำทะเลสูง น้ำจืดก็มาก เราก็ยิ่งเหนื่อยกว่านี้

ปริมาณน้ำในทุ่งจะอันตรายแค่ไหนกับกรุงเทพ

มันก็ไหลลงมาเรื่อยๆ แต่ความรู้สึกผม เห็นว่า กรุงเทพชั้นใน มันน่าจะปลอดภัยนะ เพราะมันมีถนน ตึก มีระบบสูบน้ำอะไรเยอะแยะ แต่กรุงเทพชั้นนอก ทางฝั่งซ้าย ฝั่งขวา น่าจะโดนน้ำหนักกันหล่ะ ซึ่งขณะนี้ก็เห็นอยู่แล้ว ตั้งแต่ลาดกระบัง สายไหม ดอนเมือง รังสิต มีนบุรี  คลองสามวาไปหมด  ผมเอ่ยชื่อสิ่งเหล่านี้มา เมื่อ 3-4 วันที่แล้ว ผมถูกว่า นสพ.ก็ว่า หาว่า ผมพูดจาเลอะเทอะขู่คน คนใน(รัฐบาล) บางคนก็ว่า หาว่า ไม่ได้หารือก่อนพูด แต่ผมเห็นว่า การพูดอย่างนั้น มันเป็นประโยชน์ให้เขามีข้อมูล

คำว่า กรุงเทพรอบนอกจะเจอ หนักจะแค่ไหน

มันขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศ ถ้าที่ไหนต่ำ มันก็อาจจะสูงเมตรกว่าถึงสองเมตร ถ้าภูมิประเทศสูงๆ มันก็อาจจะแค่ 50  ซม. เพราะเดี๋ยวนี้ บางแห่งก็ถึงหลังคา  ดังนั้น คนกรุงเทพที่อยู่รอบนอก ทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก ต้องทำใจ  เพราะมันเป็นที่ลุ่ม เวลาน้ำมาก มันก็ต้องท่วมทุ่งผ่านมาเป็นธรรมดา ต้องทำใจทั้งวันนี้และก็ทนอยู่กับน้ำไปซักพักใหญ่ๆ และก็เก็บของขึ้นที่สูง

กรุงเทพพึ่งเริ่มหรือ

ถูกต้อง...เพิ่งเริ่มมาได้ 1-2 วันมานี้เอง

จะดำรงอย่างนี้ถึงกี่สัปดาห์

ผมว่า ระหว่าง 2-4 สัปดาห์ ชัวร์ๆๆ แม้ว่ามันระบายออกลงทะเลวันละ 400-500 ล้านลบ.ม. ตามสภาพของน้ำขึ้นน้ำลง ฉะนั้น เราจึงพยายามเร่งน้ำขึ้นน้ำลงด้วยการเอาเรือไปดันน้ำ และเครื่องสูบ 99 ตัวที่ภาคตะวันออก

2-4 สัปดาห์น้ำจะระดับแบบไหนหรือคลี่คลาย

ก็อย่างที่เห็น นวนคร ขึ้นวันละ 2-3 ซม. และถ้าทุกแห่งมีการทำเขื่อนกั้น พอมันแตกตูม มันก็ซู่ๆๆ แต่วันนี้เรามีป้องพื้นที่กันหมด เมือง บ้านจัดสรร ก็ป้องพื้นที่ พอทุกคนป้องหมด น้ำมันก็วิ่งเข้าไปในทุ่ง

ระยะสั้นที่ห่วงตอนนี้ คือ

ผมก็ไม่มีอะไรจะห่วงแล้ว (เสียงหมดแรง) เราก็ป้องพื้นที่สำคัญให้ได้ ให้ประชาชนอยู่ได้ โดยไม่อดตาย ไม่ให้เกิดโรคระบาด ให้ชีวิตความเป็นอยู่ปกติที่สุด เท่าที่จะทำได้ และก็วางแผนวันหน้าว่าจะทำอย่างไร

พื้นที่กรุงเทพด้านในที่มั่นใจว่า ปลอดภัย ตรงไหน

อยู่ในพื้นที่ที่โอบด้วยเขื่อนโครงการพระราชดำริ 

รัฐบาลจะใช้ชุดข้อมูลไหนในการตัดสินใจ

ตอนนี้ก็ค่อยๆดีขึ้นเป็นข้อมูลรวมมากขึ้น คือ  เราก็ไม่โทษกันหรอก  ข้อมูลของกรมชลประทาน เป็นตามลำน้ำหลัก ชลประทานก็มีประตูน้ำของเขา ฉะนั้นเขาก็จะรู้ว่าลำน้ำหลักไหลลงมาเท่าไร ผ่านนครสวรรค์ ชัยนาท เท่าไร  แต่ผมจะมีภาพถ่ายผ่านดาวเทียมจะเห็นว่า มันแผ่ไปแค่ไหนและก็แปรภาพถ่ายออกมาว่า มันเป็นกี่คิว  ทีนี้ ถ้า 2 ข้อมูลมารวมกันได้มันก็จะเป็นประโยชน์ คือ ได้ทั้งทางลึก ทางแคบ และทางกว้าง

ปัญหาคือ การให้ข้อมูลของกระทรวงเกษตรไม่ตรง

ผมไม่ได้ว่าเขาหรอก เพราะเขาชินกับการส่งน้ำ เขาไม่ได้ชินกับการระบายน้ำ เมื่อต้องมาทำระบายน้ำด้วย ก็ต้องค่อยๆ ปรับเป็นธรรมดา แต่วันหน้ามันบอกให้รู้เลยว่าประเทศไทยต้องเน้นทั้งการส่งน้ำและการระบายน้ำ

การเตือนคนกรุงเทพต้องเป็นอย่างไร

เราต้องบอกความจริงกับคนกรุงเทพตามข้อมูลวิชาการว่า มันมีน้ำจำนวนเท่าไร จะมาทางไหน ใช้เวลากี่วัน  ถ้ามาแล้วจะอยู่นานเท่าไร  ลึกเท่าไร แต่นักข่าวเองสนใจ แต่เรื่อง “อพยพ”  “ไม่อพยพ”  มากกว่า  คือ สนใจตอนจบทำให้ผมเองก็ไม่อยากพูด เพราะผมรู้ว่า พูดแล้วทำให้เกิดความตกใจ ซึ่งผมไม่ได้พูดผิดนะ ภาษาที่ผมพูดอาจจะพูดผิด แต่ข้อมูลที่ผมให้มันไม่ผิดหรอก

ศปภ. ตอนนี้การตัดสินใจอยู่ที่ไหน นายกรัฐมนตรีหรือ

ไม่หรอก... การตัดสินใจต้องเป็นข้อมูลทางวิชาการ มาร่วมกันคิด แต่ที่ผ่านมา บางครั้งมันไม่มีโอกาสได้ตัดสินใจหรอก เพราะน้ำมันมาเร็ว ไม่ใช่ว่า ใครจะผิดหรือถูก

ภาวะเหนือความคาดหมายจะมีอีกไหม

ไม่มีแล้ว แต่หลังจากนี้ ฝนจะไปตกภาคใต้  แต่ถ้ามีฝนมาอีก ก็ถือว่าเป็นกรรม เป็นเวร

ทางกทม.เราจะต้องประสานอะไร

มันก็มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลใรระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่า มันมีความเป็นการเมืองอยู่ในระดับหนึ่งเหมือนกัน ก็ไม่รู้ทำไง เราก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น เพราะการบริหารน้ำมันก็ไม่คล่องตัว เช่น จะเปิดปิดประตูระบายน้ำ มันก็เป็นบทเรียน.....

สภาพประมาณน้ำที่ยังไม่สามารถระบายออกได้แทนด้วยสีฟ้า

 


สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พีแอนด์อี
ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,จดทะเบียนธุรกิจ,วางระบบบัญชี

Tags : ปลอด เตือนน้ำทุ่งมหาศาล จ่อกรุง

view