สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

พฤติการณ์น่ารังเกียจในช่วงน้ำท่วมกรุงเทพฯ

พฤติการณ์น่ารังเกียจในช่วงน้ำท่วมกรุงเทพฯ

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์




อุทกภัยความเสียหายระดับแสนล้านของกรุงเทพฯ คราวนี้ได้เปิดเผยให้เห็นถึงอะไรหลายอย่างที่นึกไม่ถึงว่าในยามวิกฤตินี้จะปรากฏขึ้นได้
บางอย่างถึงจะจินตนาการได้ก็ไม่เหมือนความจริงที่ปรากฏชัดเมื่อน้ำท่วมมาถึง  บางอย่างก็ไม่คาดคิดเสียเลย ในด้านบวกนั้นมีแง่ที่จะชมอยู่มาก แต่แง่ลบก็ละเลยที่อดวิตกเสียไม่ได้ เพราะสื่อถึงว่าหากมีภัยพิบัติระดับชาติอย่างนี้ขึ้นอีก พฤติการณ์อันน่ารังเกียจก็คงเกิดขึ้นอีก  เป็นตัวขัดขวางการร่วมฟันฝ่าพ้นรอดจากความเดือดร้อน เท่าที่เห็นอยู่นี้ การทิ้ง การกัก และการถ่มถุย เป็นเรื่องที่ปรากฏชินตาที่สุด
 

“การทิ้ง” นั้นเป็นวิสัยของความเห็นแก่ตัวที่คนกรุงเทพฯ ส่วนหนึ่งเป็นเอามาก นอกเหนือจากหลักพื้นฐานของมนุษย์ในการเอาตัวรอดไว้ก่อนแล้ว การที่ได้รับการขัดเกลาทางสังคมในเชิงวัตถุนิยม ทำให้ความรู้สึกรู้สาด้านมนุษยธรรมหรือความรับผิดชอบต่อส่วนรวมในใจของคนเหล่านี้มีน้อย ในระดับบุคคล โดยเฉพาะบ้านเศรษฐีนั้น เมื่อน้ำใกล้จะมาก็เกิดอาการตะลีตะลาน อพยพทิ้งถิ่นไปอยู่ที่อื่น ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดที่จะไปอยู่ที่ไหน จะให้ใครหรือไม่ให้ใครอยู่ดูข้าวของบ้านช่องที่เหลือ แต่การที่พวกเขาทิ้งสัตว์เลี้ยงแสนรักไม่ว่าจะเป็นสุนัขหรือแมว ไปจนถึงสัตว์พิษนำเข้าแบบปัญญาอ่อนอย่างงู Green Mamba ให้เป็นไปตามยถากรรม คิดว่ามันคงเอาตัวรอดได้เองตามสัญชาตญาณสัตว์ จึงไม่ยอมเอาไปด้วยเกรงเป็นภาระรุงรังนั้นเป็นเรื่องทรามมนุษยธรรมสิ้นดี เพราะในเมื่อกล้าเลี้ยงชีวิตก็ต้องกล้ารับผิดชอบชีวิต ถ้าเอาไปได้ต้องอยู่กับมันหรือส่งตัวให้คนที่เลี้ยงได้ดีกว่าดูแล
 

ในระดับผู้ประกอบการ การทิ้งแรงงานโดยไม่รับผิดชอบก็เป็นเรื่องน่าปวดใจ  เมื่อน้ำท่วมมาถึงหรือใกล้จะถึง หลายบริษัทหยุดการทำงานหยุดจ่ายค่าแรงนั้นยังเป็นเรื่องพอยอมรับได้  แต่การที่หลายบริษัทกระทำกับแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวที่ด้อยสิทธิด้อยเสียง ด้วยการสั่งให้เขาทำงานจนนาทีสุดท้ายทั้งที่สภาพกินอยู่ติดน้ำก็ทุเรศทุรังมาก แล้วก็ทิ้งกันเลยเมื่อปิดโรงงาน ปล่อยให้คนโซเหล่านี้ช่วยตนเองไปตามมีตามเกิด  นั้นเป็นการชี้ให้เห็นถึงเบื้องลึกในใจของผู้ประกอบการเหล่านี้ว่าไม่มีอะไรนอกไปกว่าเรื่องทุน-กำไร  
 

“การกัก” นั้นก็เป็นเรื่องเลวร้ายของพ่อค้าที่ถึงเวลาวิกฤติอย่างนี้ยังคิดถึงส่วนแบ่งการตลาดของฉันมากกว่าความอดอยากของผู้บริโภค ในระดับยี่ปั๊วซาปั๊ว เห็นการโก่งราคาสินค้าโดยอ้างว่าของขาดแคลน ซึ่งเป็นไปตามดีมานด์ซัพพลายพื้นฐาน แต่ไม่ใช่เช่นนั้นทั้งหมด พวกเขากักตุนของเอาไว้ขายเพื่อส่วนต่างกำไรเยอะบ้าง ของน้อยชิ้นจริงแต่หมายเพียงทำกำไรสูงสุดต่อชิ้นนั้นให้ได้ พวกเขาคิดแค่ว่าถ้าผู้บริโภคสู้ราคาได้ก็ให้ไป พวกให้บริการรับส่งหลายรายก็คิดแต่บูชาเงินเป็นพระเจ้าเช่นนี้ ระดับพ่อค้าใหญ่นั้นยิ่งไม่คำนึงถึงมนุษยธรรมเข้าไปใหญ่  พวกเขาอ้างปัญหาทางโลจิสติกส์บ้างทางการผลิตบ้าง ไม่นำของออกมาขาย พอรัฐแก้เกมโดยสั่งนำเข้าของที่ขาดแคลน พวกเขาก็โอดครวญว่าจะเป็นการทำลายโครงสร้างสินค้าของประเทศซึ่งก็คือทำลายพวกเขา พวกเขาคิดว่าความอดอยากปัจจัยสี่ของผู้บริโภคนั้นรอได้ แต่การสูญเสียรายได้จิ๊บจ๊อยเฉพาะห้วงน้ำท่วมของผู้มีสายป่านยาวอย่างพวกเขานั้นเป็นเรื่องรอไม่ได้ คิดแบบนี้ก็เป็นการเอาทุนนิยมเป็นตัวตั้ง เหนือกว่าหลักมนุษยธรรมอีกนั่นเอง นี่ยังไม่กล่าวถึง เรื่องของการนำเข้าในห้วงวิกฤติที่ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ ของที่เขาว่าขาดก็กลับมาพรึ่บแผงอีกครั้ง ด้วยราคาที่ลดฮวบฮาบ นี่ก็คงเป็นผลเสียในสายตาพวกเขาอีก แต่เป็นผลดีต่อผู้บริโภคนักหนา
 

แม้ว่าในเราจะพบเห็นสิ่งที่น่านับถือยิ่งในเหตุการณ์น้ำท่วมคราวนี้ คือการช่วยเหลือกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยหรือหวาดเกรงอันใดของทั้งผู้มีหน้าที่และจิตอาสาทั้งหลาย จนทำให้งานหินหลายอย่างลุล่วงไปได้เร็วขึ้น  แต่ความขัดแย้งของผู้คนซึ่งสังกัดซีกฝ่ายยังมีอยู่อย่างไม่มีทางลด และหลายกาลเทศะก็ได้เปิดเผยอพฤติการณ์อันน่ารังเกียจนั้นออกมาสู่สาธารณะ นี่คือ "การถ่มถุย" ที่ไม่มีผลดีต่อสังคม แต่อาจจะมีผลดีต่อเจ้าตัวคนถ่มถุยในระยะสั้นบ้าง โดยการได้ด่าใครที่ดีงามกว่าตนนั้นเป็นการลดแรงริษยาของตน เหมือนกับฉีดมอร์ฟีนเข้าร่าง ระยะยาวนั้นจะกลายเป็นคนไม่เต็มบาทขนาดไหนนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
 

การที่ผู้มีอิทธิพลทางความคิดของประชาชนทำตัวเป็นแนวที่ห้า นำเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันใน Social Network ไปขยายผลโดยผูกเข้ากับข้อมูลมั่วนิ่ม เพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นเรื่องที่จะส่งผลกระทบไปไกล นอกเหนือจากความเขลาที่จะยิ่งประทับฝังจิตตนเองว่าข้อมูลปลอมนั้นคือเรื่องจริง และจะยิ่งโกหกให้คนจับได้มากขึ้นเรื่อยๆ การส่งแรงเกลียดชังไปยังอีกฝั่งของสังคมจะบาดลึกความรู้สึกของฝ่ายตรงข้ามให้ควานหาอาฆาตตอบโต้กลับ นับเป็นเรื่องน่าเศร้าของสังคมที่คนความจำสั้นจำนวนหนึ่งย่ำยีสังคมอย่างนี้เพื่อชัยชนะทางการเมืองเหนือความดีงามทางศีลธรรม
 

ยังมีพฤติการณ์เลวร้ายอีกมากที่เป็นแขกประจำของวิกฤติเฉพาะ เช่น การโจรกรรมตามบ้านเรือนร้าง การปล่อยขยะพิษลงน้ำของพวกไม่แคร์ส่วนรวม การไม่ร่วมมือกระทำเพื่อชุมชน มุ่งแต่จะให้เฉพาะตนเองสบายกว่าคนอื่นนิดนึงก็ยังเอา การสั่งเอาแต่งานโดยไม่สนว่าผู้ที่จำยอมต้องทำตามนั้นประสบความยากลำบากจากน้ำท่วมหรือการเดินทางฝ่าน้ำท่วมขนาดไหน เป็นต้นนั้น ถ้าจะให้หมดไปกลายเป็นสังคมแบบญี่ปุ่นนั้น บางทีการปลูกฝังจิตสำนึกใหม่นั้นไม่พอ  ต้องลงทัณฑ์ผู้ที่มีอิทธิพลต่อจิตสำนึกเก่าเสียด้วย    
สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พีแอนด์อี
ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,จดทะเบียนธุรกิจ,วางระบบบัญชี

Tags : พฤติการณ์น่ารังเกียจ ช่วงน้ำท่วมกรุงเทพฯ

view