สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

สุกำพลสายเหยี่ยวกองทัพอึมครึม

สุกำพลสายเหยี่ยวกองทัพอึมครึม

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...วาสนา นาน่วม

บรรยากาศกองทัพอึมครึมทันทีที่มีชื่อของ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม ข้ามมาเป็น รมว.กลาโหม

เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีว่า พล.อ.อ.สุกำพล นั้นเป็นนายทหารสายเหยี่ยวและเป็นเพื่อนรัก ตท.10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หัวใจเต็มไปด้วยความแค้นที่มีต่อแกนนำการปฏิวัติ 19 ก.ย. 2549 อย่างรุนแรง

พล.อ.อ.สุกำพล เคยเป็น เสนาธิการทหารอากาศ และถูกวางตัวเป็น ผบ.ทอ. ในขณะนั้น แต่การปฏิวัติทำให้เขาถูกเด้งเข้ากรุ ทอ. และ|ในที่สุดก็ถูกเตะโด่ง มาเป็น จเรทหารทั่วไป ที่กระทรวงกลาโหม จนลาออกมาเป็น รมว.คมนาคม เมื่อ ส.ค. 2554 ที่ผ่านมา

พล.อ.อ.สุกำพล จึงมีความขัดแย้งกับ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ.คนปัจจุบัน ที่ได้ขึ้นมาเป็น ผบ.ทอ. หลังการปฏิวัติ เป็น ผบ.ทอ.มา 3 ปี และกำลังจะเกษียณ ก.ย.ปีนี้

การเลือก พล.อ.อ.สุกำพล มาเป็น รมว.กลาโหม อาจถูกตีความได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เปลี่ยนใจมาเล่น “ไม้แข็ง” กับกองทัพมากกว่า หลังจากที่ปล่อยให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เป็น รมว.กลาโหม ผู้ใจดี และถูกกองทัพกลืน จนเป็นพวกเดียวกับ ผบ.เหล่าทัพ ไปหมดตั้งแต่การโยกย้ายทหารเมื่อ ก.ย.ปีที่แล้ว ที่เขาไม่สามารถมีส่วนในการจัดวางตัวนายทหารคนสำคัญเลย จนถูกแกนนำ ตท.10 หลายคนโจมตีว่า อ่อนเกินไป ที่จะมาต่อกรกับกองทัพ

แต่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ก็อ้างว่า พ.ร.บ.กลาโหม ปี 2551 เป็นเกราะกำบัง ทำให้เขาไม่สามารถแทรกแซงการโยกย้ายทหารได้ เพราะต้องผ่านคณะกรรมการทั้ง 7 คน

แหล่งข่าวใน ตท.10 กล่าวว่า เหตุผลหนึ่งที่ พล.อ.อ.สุกำพล มาเป็น รมว.กลาโหม ก็เพื่อเดินหน้าการแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม ฉบับนี้แน่นอน

“พล.อ.อ.สุกำพล คงจะไม่มาเล่นรุนแรง ล้างบางเช็กบิล แต่จะต้องไม่ปล่อยให้กองทัพเป็นอิสระหรือมีอำนาจมากเช่นนี้ ฝ่ายการเมืองต้องมีส่วนในการเข้าดูแลในระดับที่เหมาะสม มีอะไรต้องต่อรองเจรจากันได้ ไม่ใช่ว่า มีอะไร ผบ.เหล่าทัพ ก็ไม่ยอมอย่างเดียว แล้ว พล.อ.ยุทธศักดิ์ รมว.กลาโหม ก็อ่อน ไม่มีอำนาจในการต่อรอง” แหล่งข่าวระบุ

ด้วยบุคลิกของการเป็นนายทหารใจถึง ทำให้ถูกจับตามองว่าอาจกลายเป็นคู่กัดคู่ใหม่กับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีบุคลิกคล้ายๆ กัน แต่ก็เปรียบเหมือน ไฟกับไฟที่ร้อนแรงทั้งคู่ หรืออาจเป็นไฟกับน้ำมัน ที่เมื่อมาเผชิญหน้ากัน อาจจะลุกไหม้

นี่จึงเหตุผลที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ค่อนข้างหวั่นไหวแต่ก็งดที่จะให้สัมภาษณ์หรือแสดงความคิดต่อการปรับเปลี่ยน รมว.กลาโหม

ที่แน่ๆ คนใน ทบ.รู้สึกได้ถึงความวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้น มีความรู้สึกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นเป้าหมายของการเปลี่ยนตัว รมว.กลาโหม ครั้งนี้

รวมทั้งบรรดา นายทหาร บูรพาพยัคฆ์ และทหารเสือ ที่เป็นทายาทอำนาจของ คมช.และของ พล.อ.ประยุทธ์ เองด้วย ที่อาจจะต้องถูก รมว.กลาโหม คนใหม่ จับตามอง

ด้วยเพราะเขาเป็นทั้งเพื่อนสนิทร่วมรุ่น ตท.10 และเป็นญาติสนิทของ พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำ รมว.กลาโหมของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ซึ่งก็เป็นเหยื่อการปฏิวัติเช่นกัน

ดังนั้นเมื่อ พล.อ.อ.สุกำพล มาเป็น รมว.กลาโหม ก็จะหมายถึง ตท.10 เพื่อนทักษิณ ยึดกลาโหม ทั้งทีม เพราะมี พล.อ.พฤณท์ เป็นหัวหน้าฝ่าย เสธ. และมี ตท.10 อีกหลายคนมาช่วยงานที่กลาโหม

แหล่งข่าวกล่าวว่า พล.อ.อ.สุกำพล นั้น ถือเป็นที่ปรึกษาทางการทหารตัวจริงของ พ.ต.ท.ทักษิณ มายาวนาน เช่นเดียวกับ พล.อ.พฤณท์ และยังมีความสนิทสนมกับ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างมากด้วย

“โอกาสที่จะปฏิวัติเกิดขึ้นได้เสมอ ถ้ายังปล่อยให้กองทัพอยู่กันแบบนี้ ปล่อยให้มี พ.ร.บ.กลาโหม แบบนี้” พล.อ.อ.สุกำพล เคยกล่าวกับ บางกอก โพสต์

วันนี้ หลังมีข่าวมาเป็น รมว.กลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวแค่สั้นๆ ว่า “พร้อมที่จะมาเป็น รมว.กลาโหม ให้อยู่ตรงไหน ก็ทำงานได้ทั้งนั้น”

มองกันตรงนี้ทหารอากาศสายเหยี่ยวกับ ผบ.เหล่าทัพคนอื่น เช่น พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. หรือ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร. ยังมีความสัมพันธ์อันดี แต่กับ พล.อ.อ.อิทธพร กับ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วน่าจับตามองนัก!


ครม.ปู2'ใจถึงพึ่งได้' โบนัสทุกกลุ่ม เปิดเกมรุกกองทัพ

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...ชัยฤทธิ์ ยนเปี่ยม

ทํางานได้เพียง 5 เดือน นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ปรับ ครม.ครั้งใหญ่ถึง 16 เก้าอี้

กระชับอำนาจ ตอบแทนทุกมุ้ง และเสริมเสถียรภาพรัฐบาล ขับเคลื่อนนโยบายและเป้าหมายของพรรคให้เกิดประสิทธิภาพ

แต่เดิมจะปรับเพียงแค่ 57 เก้าอี้ พุ่งไปที่ปัญหาเกาเหลาในทีมเศรษฐกิจ แต่ไปๆ มาๆ ปรับใหญ่เพื่อจะได้สลับเปลี่ยนหมุนเวียนเก้าอี้ให้กับแกนนำพรรคทุกมุ้ง ตามสัญญาใจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้ไว้กับบิ๊กๆ เพื่อไทยในช่วงต่อสู้ทวงอำนาจที่ผ่านมา หวังดึงกลุ่มก๊วนไม่ให้หนีออกจากพรรคช่วงก่อนการเลือกตั้ง ก็ต้องเริ่มตอบแทนด้วยการปรับใหญ่หลายตำแหน่ง ตามข่าวการปรับ ครม.รอบนี้ประกอบด้วย 3 กลุ่ม

1.กลุ่มสลับตำแหน่ง (6 คน)

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เป็นรองนายกฯ (เดิม รมว.กลาโหม)

พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เป็น รมว.กลาโหม (เดิม รมว.คมนาคม)

กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ ควบ รมว.คลัง (เดิมรองนายกฯ ควบ รมว.พาณิชย์)

บุญทรง เตริยาภิรมย์ เป็น รมว.พาณิชย์ (เดิม รมช.คลัง)

วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ (เดิม รมว.ศึกษาธิการ)

นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ เป็น รมช.สาธารณสุข (เดิม รมต.ประจำสำนักนายกฯ)

2.กลุ่มคนใหม่ (9 คน)

จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการพรรค เป็น รมว.คมนาคม

สุชาติ ธาดาธำรงเวช เป็น รมว.ศึกษาธิการ

อารักษ์ ชลธาร์นนท์ เป็น รมว.พลังงาน

นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ

นลินี ทวีสิน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์

ศักดา คงเพชร เป็น รมช.ศึกษาธิการ

ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย เป็นรมช.คลัง

ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ เป็น รมว.อุตสาหกรรม (โควตาพรรคชาติพัฒนา)

3.กลุ่มถูกปรับออก (9 คน)

พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ (รองนายกฯ)

ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล (รมว.คลัง)

พิชัย นริพทะพันธุ์ (รมว.พลังงาน)

กฤษณา สีหลักษณ์ (รมต.ประจำสำนักฯ)

กิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ (รมช.คมนาคม)

พรศักดิ์ เจริญประเสริฐ (รมช.เกษตรฯ)

ต่อพงษ์ ไชยสาส์น (รมช.สาธารณสุข)

สุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล (รมช.ศึกษาธิการ)

นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล (รมว.อุตสาหกรรม โควตาพรรคชาติพัฒนา)

การปรับ ครม. เป็นการตอบแทน “สัญญาใจ” ในเงื่อนเวลา 6 เดือน ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศเงื่อนไขในการตั้ง ครม.กับ สส.ของพรรค ซึ่งเป็นบรรทัดฐานในสมัยรัฐบาลไทยรักไทยที่จะปรับทุก 6 เดือน

ดังเช่น ในรายของ “พรศักดิ์ต่อพงษ์สุรพงษ์” ซึ่งมีข่าวมาก่อนหน้านี้ต้องปรับเปลี่ยนตามสัญญา

โดยตั้งแกนนำ สส.ระดับจังหวัดที่จ่อคิวเป็นรัฐมนตรีมาสลับเปลี่ยน คือ “ศักดา” สส.ร้อยเอ็ด

หรือการตั้ง “นลินี” ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ลำดับท้ายสุด 125 ที่ต่อมาได้รับแต่งตั้งจากรัฐบาลเป็นผู้แทนการค้า ให้เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ล้วนเป็นสัญญาเดิมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ไว้จนรู้กันว่า คนที่อยู่อันดับท้ายๆ ของบัญชีรายชื่อจะได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีแน่นอน

อีกกลุ่มเป็นการปรับเพื่อแก้ปัญหาการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะ “ธีระชัย” ที่พ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว เพราะขัดนโยบายรัฐบาล โดยไปขวางการโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ไปให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรับผิดชอบ ขณะที่ “กิตติรัตน์” สายตรง “ทักษิณยิ่งลักษณ์” ได้รองนายกฯ ควบ รมว.คลัง เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเต็มตัว

กรณี “พิชัย” ที่พ้นจาก รมว.พลังงาน ถือว่าเซอร์ไพรส์ที่สุด เพราะเป็นนายทุนพรรค แต่กลับถูกปรับออกเร็วกว่าที่คิด เนื่องจากงานที่รับผิดชอบ เป็นเป้าใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชนโดยตรง แต่ก็มีปัญหาในช่วงเดือนที่แล้วจากการออกคูปอง 2,000 บาท ลดราคาเครื่องใช้ไฟฟ้าและการดำเนินนโยบายลอยตัวพลังงาน ขึ้นราคาก๊าซจนเกิดม็อบแท็กซี่และม็อบรถบรรทุกมาปิดถนนคัดค้าน ซึ่งแกนนำพรรคบอกว่า พิชัยไม่ทำความเข้าใจกับแกนนำม็อบล่วงหน้า ทำให้สถานการณ์บานปลาย

อีกทั้งการปรับออกก็เพื่อไม่ให้ฝ่ายค้านโจมตีกระทรวงพลังงานได้ถนัด ซึ่งกำลังตกเป็นเป้าตรวจสอบของฝ่ายค้านอยู่

ครม.เศรษฐกิจจึงถูกปรับรื้อใหม่หมด ทั้ง “คลัง-พาณิชย์-พลังงาน-คมนาคม” เพื่อขยับทีมใหม่ หวังขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจที่ใช้เงินลงทุนมหาศาลเป็นตัวนำ และจูนคนทำนโยบายประชานิยมที่ไม่เข้าขาในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ให้เป็นเอกภาพยิ่งขึ้น

ยุทธศาสตร์การปรับ ครม. ยังจัดสรรอำนาจให้กับกลุ่มเสื้อแดง โดย ณัฐวุฒิ แกนนำ นปช. ได้ รมช.เกษตรฯ หลังจากกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งเป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็กให้กับพรรคเพื่อไทย ตกขบวนจากการตั้ง ครม.ยิ่งลักษณ์ 1 จนสร้างความไม่พอใจลึกๆ

พร้อมกับตอบแทนคนทำงานในพรรค เช่น การตั้ง จารุพงศ์ เลขาธิการพรรค และ สุชาติ อดีต หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ทั้งเขียนนโยบายพรรคและเดินสายไปชี้แจงนโยบายเศรษฐกิจการขึ้นค่าจ้าง 300 บาท ในเวทีต่างๆ แต่กลับไม่ได้ถูกตั้งลำเป็นรัฐมนตรี เล่นเอาเจ้าตัวยังงงไม่หาย

แต่ที่สะท้อนชัดและดูจะเป็นหัวใจในการปรับ ครม.ครั้งนี้ คือ การแต่งตั้งคนทำงานใน “ตระกูลชินวัตร” 3 คน เข้าเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงสำคัญ ประกอบด้วย อารักษ์ อดีตผู้บริหารไทยคม เป็น รมว.พลังงาน นิวัฒน์ธำรง อดีตรองประธานกรรมการ บริษัทในเครือชิน คอร์ปอเรชั่น (ชินคอร์ป) ปัจจุบันเป็น สส.บัญชีรายชื่อ คนข้างกายนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ คุมสื่อ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตที่ปรึกษาด้านคมนาคมของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็น รมช.คมนาคม

ที่ตอกย้ำชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเป็นบรรทัดสุดท้ายและศูนย์รวมอำนาจของ พรรคเพื่อไทย เมื่อบรรดาลูกพรรคต่างวิ่งไปหานายใหญ่ทั้งที่ฮ่องกง ดูไบ ฯลฯ นับแต่มีข่าวจะมีการปรับ ครม. จนนายกฯ ยิ่งลักษณ์แทบไม่มีบทบาทในการปรับ ครม.

และยังสะท้อนว่า การแต่งตั้งรัฐมนตรีถูกแบ่งตามมุ้งพี่มุ้งน้อง เช่น มุ้งภาคเหนือที่ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ คุมอยู่ มีการสับเปลี่ยนเก้าอี้กันเอง โดยแม้จะลดชั้น วรวัจน์ จาก รมว.ศึกษาฯ เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ แต่ก็เลื่อนขั้น บุญทรง มือขวา “เจ๊แดง” จาก รมช.คลัง ขึ้นเกรดเอเป็น รมว.พาณิชย์ และสลับเก้าอี้กันเองในขุมอำนาจ จ.อุตรดิตถ์ เมื่อ “กฤษณา” พ้นจากตำแหน่ง แต่ให้ ทนุศักดิ์ ขึ้นเป็นรัฐมนตรีแทน ซึ่งทั้งคู่เป็น สส.หลายสมัยของจังหวัด

การกระชับอำนาจในพรรค ตอบแทนประโยชน์กลุ่มต่างๆ ให้ลงตัว รุกนโยบายประชานิยมเต็มตัว ทว่าที่ต้องจับตาอีกเรื่องจากการปรับ ครม.ครั้งนี้ คือ กระชับพื้นที่กองทัพให้รัดแน่นกว่านี้

การเด้ง “พล.อ.ยุทธศักดิ์” พ้นเก้าอี้ รมว.กลาโหม ไปลอยในตำแหน่งรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง แทน “พล.ต.อ.โกวิท” รองนายกฯ โลกลืม เพราะ 5 เดือนของ “บิ๊กอ๊อด” ค่อนข้างประนีประนอมกับผู้นำเหล่าทัพ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงต้องส่ง “บิ๊กโอ๋” พล.อ.อ.สุกำพล เตรียม ทหารรุ่น 10 (ตท.10) เพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.ทักษิณ ข้ามห้วยจาก รมว.คมนาคม มาเป็น รมว.กลาโหม ไปขันนอตคุมอำนาจในกองทัพที่พรรคเพื่อไทยต้องให้เอาอยู่หมัด ป้องกันการยึดอำนาจและสลายขุม อำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.

แต่ทั้งหลายทั้งปวง การเทกระจาดรอบนี้ช่วยให้คนในพรรคเพื่อไทยมีกำลังใจ กับความหวังที่จะได้เก้าอี้รัฐมนตรีในอนาคต และหนุนภาวะผู้นำให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณยิ่งลักษณ์ แข็งแกร่งขึ้น

คำนวณว่า ถ้ายึดสูตรนี้ปรับทุก 6 เดือน มีคนใหม่เข้ามา 9 ตำแหน่ง และรัฐบาลอยู่ครบ 4 ปี จะมีบิ๊กเพื่อไทยได้ลิ้มลองเก้าอี้รัฐมนตรีมากถึง 50 คน ซึ่งอย่าลืมว่า พรรคเพื่อไทยมี สส.มากถึง 256 คน มากกว่าทุกพรรค

ใครยังไม่ได้เก้าอี้รอบนี้ไม่ต้องเสียใจ ยังมีโอกาสอีก 3 ปีครึ่งในวาระที่เหลือของรัฐบาล เก้าอี้รัฐมนตรีจึงช่วยให้พรรคสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวได้ต่อเนื่องและยาวนาน


สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พีแอนด์อี
ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,จดทะเบียนธุรกิจ,วางระบบบัญชี

Tags : สุกำพล สายเหยี่ยว กองทัพอึมครึม

view