สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เงินทำให้เกิดความปรองดองได้จริงหรือ

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...ภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

นอกเหนือจากเรื่องก่อการร้ายแล้ว ประเด็นที่ยังพูดกันไม่จบขณะนี้คงเป็นเรื่องเงินชดเชยเยียวยาฟื้นฟูเหยื่อ และผู้เสียหายคดีการเมือง ที่ผู้เสียชีวิตได้เงินชดเชยสูงสุดถึง 7.75 ล้านบาท ไล่ลงมาจนถึงผู้ที่บาดเจ็บเล็กน้อยประเภทหกล้มหัวเข่าเป็นแผลถลอกปอกเปิกก็ ได้เงินถึง 2.35 แสนบาท คงไม่มีใครว่าหากเงินที่จ่ายนั้นเป็นเงินของ “นายจ้าง” ดังเช่นที่จ่ายให้แกนนำที่สู้แล้วรวย แต่นี่มาเอาเงินงบประมาณของหลวงซึ่งมาจากภาษีของประชาชน เหมือนกับปล้นประชาชนแล้วเอาเงินมาแบ่งกันนั่นเอง

จากกรณีการจ่ายเงินชดเชยเยียวยาดังกล่าว ทำให้นึกย้อนหลังถึงพฤติกรรมคล้ายๆ นี้ เริ่มจากกรณีเขื่อนปากมูลที่ มีคนกลุ่มหนึ่งเคลื่อนไหวต่อเนื่องติดต่อกันมาหลายปี การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการต้องจ่ายเงินไปเที่ยวแล้วเที่ยวเล่า พอเงินหมดพวกนี้ก็หาประเด็นใหม่ออกมาเรียกร้องอีก แกนนำบางคนได้เงินกว่าล้านบาท จนกระทั่งแกนนำเสียชีวิต การหากินจากโครงการนี้จึงหยุดไป

จากเขื่อนปากมูลก็ไปถึงเขื่อนราษีไศลที่ ชาวบ้านเคลื่อนไหวเรียกร้อง โดยมีอดีตรัฐมนตรีเป็นผู้ผลักดันจนคณะรัฐมนตรีต้องยอมอนุมัติ มีการเอาเงินหลวงไปจ่ายอย่างลุกลี้ลุกลน ลับๆ ล่อๆ

คำถาม คือ ความเป็นธรรมอยู่ที่ไหน ชาวบ้านที่ให้ความร่วมมือกับ กฟผ.และทางการเป็นอย่างดี กลับเป็นผู้เสียประโยชน์ในสังคม ส่วนคนที่ชุมนุมกดดันทำผิดกฎหมายกลับได้ประโยชน์และลาภสักการะอย่างที่ไม่ ควรจะได้

3-4 ปีที่ผ่านมา กลุ่มคนที่เคยเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) เพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศไทยเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ แต่พอเพลี่ยงพล้ำ รัฐบาลขณะนั้นได้ให้โอกาสกลับเนื้อกลับตัวใหม่โดยเรียกว่าเป็น “ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย” (ผรท.) อดีตผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ในทางภาคอีสานได้รวมตัวกันเรียกร้อง “เงินค่าประกอบอาชีพ” คนละ 2.2 แสนบาท แทนที่ดินทำกินที่มีใครก็ไม่รู้ไปสัญญาไว้ มีหัวหน้าก๊วนไล่ล่ารายชื่ออดีต ผกค.เข้ามาอยู่ในสังกัด จนจำนวนคนที่อ้างว่าเป็น ผรท.เพื่อขอรับเงินมีจำนวนมากกว่าทำเนียบกำลังรบที่ฝ่ายรัฐบาลมีเสียอีก แกนนำหลายคนร่ำรวยไปตามๆ กันเพราะค่าหัวคิว

คำถาม คือ ประชาชนที่ยืนหยัดยึดมั่นในระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขอย่างเด็ดเดี่ยว มั่นคง ไม่ยอมเข้าร่วมกับ พคท. ทั้งที่เสี่ยงอันตรายและถูกคุกคาม ได้รับความช่วยเหลืออะไรบ้าง ตรงกันข้าม คนที่ต้องการคิดกบฏเปลี่ยนแปลงระบอบกลับได้รับการดูแลอุ้มชูดีกว่า นโยบายของรัฐบาลเท่ากับส่งเสริมให้คนทำผิดมากขึ้น เพื่อให้รัฐบาลหรือทางการมาเอาใจใส่ดูแล เอาเงินหลวงมาจ่ายให้ตามข้อเรียกร้อง ส่วนคนที่ทำถูกกฎหมาย ระเบียบแบบแผน กลายเป็นผู้เสียเปรียบในสังคม

ปี 2555 รัฐบาลชุดปัจจุบันอนุมัติจ่าย “เงินชดเชยเยียวยาและฟื้นฟูเหยื่อและผู้เสียหาย” ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงหรือความขัดแย้งจากการชุมนุมทางการเมืองปี 2548-2553 ตามที่คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) เสนอ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของรัฐบาล โดยผู้จะได้ประโยชน์มากที่สุดและเป็นเป้าหมายรัฐบาลที่มุ่งช่วยเหลือตอบแทน ก็คือ กลุ่มเสื้อแดงนั่นเอง แต่เพื่อไม่ให้น่าเกลียด จึงแก้เกี้ยวเอาคนกลุ่มอื่นเข้ามาร่วมด้วย

มีเสียงวิจารณ์อย่างมากใน 2 ประเด็น ประการแรก คือ จำนวนเงินที่จ่ายให้ กลุ่มคนดังกล่าว เปรียบเทียบกับจำนวนเงินที่ทหาร ตำรวจ ประชาชนที่เสียชีวิต บาดเจ็บ จากการปฏิบัติหน้าที่ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับความเสียหาย สูญเสียจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐได้รับ ซึ่งเงินที่ใช้ในระยะแรกรวมประมาณ 2,000 ล้าน โดยผู้ที่เสียชีวิตได้รับเงินช่วยเหลือทุกกรณีรวม 7.75 ล้านบาท ผู้ที่ทุพพลภาพได้ 7.77 ล้านบาท ไล่ลงมาเรื่อยๆ จนถึงขั้นบาดเจ็บไม่สาหัสได้ 6.95 แสนบาท บาดเจ็บเล็กน้อยแบบเป็นแผล ขาถลอก ยังได้ 2.35 แสนบาท เปรียบเทียบกับข้าราชการทหารที่เสียชีวิตได้รับเงินชดเชยจากหลวงเพียง 5 แสนบาท ทุพพลภาพได้ 3.6 แสนบาท บาดเจ็บเล็กน้อยได้ 2.6 หมื่นบาท สำหรับประชาชนธรรมดาที่เป็นผู้เสียหาย หรือเป็นจำเลยในคดีอาญาและเสียชีวิตได้ 1.8 แสนบาท ฯลฯ

ประการที่สอง คือ เหยื่อหรือผู้เสียหายที่สมควรได้รับเงินชดเชยเยียวยาฟื้นฟูดังกล่าวครอบคลุมใครบ้าง คนที่ละเมิดและทำผิดกฎหมายไม่สมควรได้รับ คนที่ได้รับต้องเป็นผู้ถูกละเมิดและไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เป็นผู้ที่ใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ โดยการชุมนุมอย่างสันติไม่ใช้ความรุนแรง พวกเขาไม่ได้ทำผิดกฎหมายหรือละเมิดผู้อื่น แต่ได้รับบาดเจ็บล้มตายจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นไปโดยประมาท หรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายก็ตาม

มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมากเกี่ยวกับ “ความเป็นธรรม ความเสมอภาค ความเหมาะสม และความเป็นไปได้” ในการจ่ายเงินให้กับคนที่เผาบ้านเผาเมือง คนที่ทำผิดกฎหมาย คนที่ทำร้ายประเทศชาติ เปรียบเทียบกับเจ้าหน้าที่รัฐทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน ที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมือง ต่อไปคงมีคนที่พร้อมเสี่ยงทำผิดกฎหมายตามมาตรฐานนี้มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแก้ไขมาตรา 112 กฎหมายอาญา การแก้ไขพระราชบัญญัติกลาโหม ที่จะมีฝูงชนมาร่วมมากขึ้น คงพร้อมที่จะเสี่ยง เพราะถ้าตายหรือบาดเจ็บก็ได้เงินหลายล้านบาทเพื่อให้ลูกเมียไว้ใช้จ่าย

เงินที่รัฐบาลและ คอป.คิดว่าจะช่วยเยียวยา สมานแผล นำไปสู่ความปรองดองแห่งชาตินั้น ในความเป็นจริงอาจขยายแผลและทำให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติมากขึ้นก็ได้ ขณะเดียวกัน ขบวนการปล้นเงินหลวงมาแบ่งกันก็ไม่เคยหายไปจากสังคมไทย


สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พีแอนด์อี
ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,จดทะเบียนธุรกิจ,วางระบบบัญชี

Tags : เงินทำให้เกิดความปรองดอง ได้จริงหรือ

view