สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ครม.ป้ายเทายิ่งขยับ ยิ่งลักษณ์สะดุด

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...ชัยรัตน์ พัชรไตรรัตน์

เพิ่งคลอดโผ “ครม.ยิ่งลักษณ์ 2” มาได้ไม่ทันไร นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ต้องตามแก้ปัญหาภาพลักษณ์ เพราะเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไล่ตามหลังมาทันที กรณีรายชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองส่วนใหญ่ “ล้วนแล้วมีตำหนิ” แถมเป็นคนสนิทมักคุ้น “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง

แม้การปรับ ครม.ครั้งนี้จะเปลี่ยนถึง 16 เก้าอี้ ภายในระยะเวลา 5 เดือน แต่ก็คือบรรทัดฐานที่เคยใช้สมัยพรรคไทยรักไทยเรืองอำนาจ ทั้งนี้เหตุผลที่เปลี่ยนเพื่อให้การบริหารราชการประเทศดีขึ้น ทว่า กระแสตอบรับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อกลุ่มกรีน (Green Politics) ได้ยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ตรวจสอบจริยธรรมข้าราชการการเมือง ประกอบด้วย นลินี ทวีสิน รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

ทว่า ประเด็นร้อนให้รัฐนาวาต้องเครื่องรวนเร็วเกินคาด เมื่อ นลินี ดันมีชื่อปรากฏในสำนักงานทรัพย์สินต่างชาติ กระทรวงการคลังสหรัฐ ระบุว่า เป็น 1 ใน 3 นักธุรกิจที่ให้การช่วยเหลือการทุจริตของรัฐบาล “โรเบิร์ต มูกาเบ” อดีตประธานาธิบดีซิมบับเว

อีกทั้งยังได้ทำธุรกิจหลายประเภทร่วมกับ “เกรซ” ภรรยามูกาเบ ซึ่งทางการสหรัฐดำเนินการยึดทรัพย์สินและห้ามพลเมืองอเมริกันร่วมทำธุรกิจ ด้วย โดยมีผลตั้งแต่ปี 2551 และภายหลังรับตำแหน่งรัฐมนตรี

ล่าสุด นลินี ออกแถลงการณ์ยอมรับว่าคุ้นเคยกับอดีตผู้นำซิมบับเว แต่ก็เป็นไปในลักษณะมิตรภาพคนไทย ไม่ได้มีธุรกิจเกี่ยวโยง ไม่ได้ถูกขึ้นบัญชีดำ เพียงแต่ถูกมาตรการแซงก์ชันห้ามคนอเมริกันทำธุรกรรมกับนลินีเท่านั้นเอง

แถลงการณ์ก็เหมือนเป็นการยอมรับและปฏิเสธในคราวเดียวกัน จึงยังคงถูกตั้งคำถามถึงเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ความเหมาะสมของผู้เข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่จะต้องเข้ามาทำหน้าที่ดูแลรักษาผลประโยชน์ของชาติอยู่ดี

โดยเฉพาะกับการที่ทุกฝ่ายจับจ้องนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะตัดสินใจแบ่งงานสำนักนายกฯ ให้นลินีดูแลงานใดบ้าง หากเดินหน้ามอบหมายให้ประสานด้านพิธีการต่างประเทศตามความถนัดของนลินีที่ เคยเป็นผู้แทนการค้าไทยมาก่อน นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ในฐานะผู้ลงนามแต่งตั้ง คงหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้หากเกิดผลกระทบอะไรตามมา โดยเฉพาะประเด็นด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยสหรัฐ จนนำไปสู่การยื่นเรื่องตรวจสอบ

ตามมาด้วย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้รับตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะแกนนำคนสำคัญของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในช่วงกลางปี 2553 กับบทบาทผู้นำชุมนุมเคลื่อนไหวจนเป็นเหตุให้เกิดการจลาจลถึงขั้นมีผู้เสีย ชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และภายหลังเหตุการณ์สงบ ณัฐวุฒิ ถูกตั้งข้อหาร้ายแรง โดยเฉพาะข้อหาก่อการร้าย ซึ่งศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว และถูกจองจำนานกว่า 9 เดือน และคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลยุติธรรม

แม้เรื่องดังกล่าวจะไม่เกินความคาดหมาย เพราะเป็นการตอบแทนหลังเคลื่อนไหวอย่างดุเดือด เพื่อสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ให้กลับมามีสถานะแบบไร้มลทินติดตัว

วันชัย สอนศิริ สว.สรรหา แสดงความคิดเห็นว่า การที่รัฐบาลเอาแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงมาอยู่ในตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ แถมพ่วงท้ายด้วยคดีก่อการร้ายติดตัวอยู่นั้น ถือว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และการจะนำรายชื่อของบุคคลที่เปื้อนมลทินขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย แม้ในทางกฎหมายศาลยังไม่พิพากษาจนถึงที่สุดก็ตาม ก็ไม่สมควรเช่นกัน

นอกจากนี้ ประเด็นใหญ่ไม่แพ้กันที่ทุกฝ่ายต้องจับตากับการเปลี่ยนหัวสลับตัวโยกย้าย ตำแหน่งรัฐมนตรี หลังจากรัฐบาลได้ส่ง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา จากกระทรวงกลาโหมที่ทำงานไม่เข้าเป้า ต้องเรียกตัวกลับมานั่งในตำแหน่งรองนายกฯ และส่งให้ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม มานั่งคุมกลาโหมแทน

จริงอยู่ที่การสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งเป็นเรื่องปกติทางการเมือง แต่นัยสำคัญที่บ่งบอกลึกๆ คือ การเข้ามาสลายขั้วกองทัพ หลังแข็งข้อไม่ยอมรับในตัวรัฐบาล เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยพยายามใช้ไม้นวมให้ทหารยอมสยบ ด้วยการส่ง “บิ๊กอ๊อด” ไปประจำการทำหน้าที่เกลี้ยกล่อม

ทว่า ผลตอบรับกลับดูสวนทาง อ่อนข้อผ่อนตามให้กองทัพ เห็นได้ชัดจากการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี ซึ่งผ่านฉลุยไร้สิ่งกีดขวาง ไม่ว่าจะเป็นการจัดกำลังพลเหล่าทัพต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโยกย้ายนายทหารคุมกำลังหลักตามบัญชี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เป็นไปตามข้อเสนอ แต่ทางตรงกันข้ามกลับสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่ม ตท.10

ทำให้เพื่อไทยต้องปรับกลยุทธ์เล่นของแข็ง ส่ง “บิ๊กโอ๋” เข้ากระชับพื้นที่ ด้วยความที่เป็นสหายรักร่วมรุ่นและยังไว้ใจได้ อีกทั้งมีเป้าหมายเดียวกันคือ “กองทัพ” เนื่องด้วยเหตุการณ์การยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 ส่งผลให้ “บิ๊กโอ๋” เสนาธิการทหารอากาศในเวลานั้น ซึ่งถูกวางตัวให้เป็นผู้บัญชาการทหารอากาศคนต่อไปต้องกระเด็นหลุดวงโคจร

ดังนั้น ผบ.ทอ. คนปัจจุบันที่ได้รับอานิสงส์จากการปฏิวัติ จึงตกอยู่ในบัญชีสีเขียวต่างขั้วที่บิ๊กโอ๋เฝ้ามอง อีกทั้งการเข้ามาคุมกลาโหมครั้งนี้ เท่ากับเป็นการประกาศให้กองทัพรู้ว่า ตท.10 กำลังหวนกลับคืน เพราะเป้าหมายสำคัญคือ การแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ที่ไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงจัดวางคนในกองทัพ

นอกจากนี้ สิ่งที่สะท้อนได้ชัดในการปรับ ครม.ครั้งนี้ คงไม่พ้นการตั้งคนใน “ตระกูลชินวัตร” 3 คน เป็นรัฐมนตรีในกระทรวงสำคัญ ประกอบด้วย อารักษ์ ชลธาร์นนท์ อดีตผู้บริหารไทยคมเป็น รมว.พลังงาน นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองประธานกรรมการ บริษัทในเครือชินคอร์ป เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ คุมด้านสื่อ และชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตที่ปรึกษาด้านคมนาคมของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็น รมช.คมนาคม ซึ่งการมีเครือข่ายความสัมพันธ์ธุรกิจกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ย่อมถูกจับจ้องจากทุกสายตา

เพราะบทเรียนในอดีตกรณีรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เกิดสภาพง่อนแง่นด้วยปมข้อกล่าวหาการทุจริตคอร์รัปชัน โดยโยงใยถึงบริวารคนใกล้ตัวและบริษัทในเครือข่ายที่เข้ามามีสัมปทานกับรัฐ จนในที่สุดทำให้เกิดภาวะความเสื่อมศรัทธาในหมู่ประชาชน และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

แม้สวนดุสิตโพล ระบุว่า ประชาชน 37.50% เชื่อว่าการปรับ ครม.จะสามารถแก้ไขปัญหาการทำงานให้ดีขึ้น

แม้นายกฯ จะพยายามอ้างว่า การปรับ ครม.ครั้งใหม่เพื่อให้สอดรับกับการทำงานในอนาคต

แม้จะยืนยันว่ารัฐมนตรีมีคุณสมบัติครบถ้วนตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ

แม้ ณัฐวุฒิ จะขอโอกาสทำงาน หรือแม้แต่ นลินี จะยืนยันไม่ได้โดนขึ้นบัญชีดำ เพียงแต่ถูกแซงก์ชันจากสหรัฐเท่านั้น

แต่ในเมื่อ ครม.มีปูมหลังเป็นที่เคลือบแคลง ส่งผลต่อกองทัพ สร้างความกังขาในสายตาประชาชน ท้าทายมาตรฐานจริยธรรม คุณธรรม นักการเมือง

หากไม่สามารถสร้างความกระจ่างชัด และยังนำพา ครม.สีเทา เดินหน้าต่อ

โอกาสที่ ครม.ปู 2 จะเครื่องสะดุด ก็เป็นไปได้สูง และอาจต้องยกเครื่องใหม่ในระยะเวลาอันใกล้


สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พีแอนด์อี
ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,จดทะเบียนธุรกิจ,วางระบบบัญชี

Tags : ครม.ป้ายเทา ยิ่งขยับ ยิ่งลักษณ์สะดุด

view