ต้องขึ้นศาลทั้งคู่ : ความปรองดองจึงจะเป็นไปได้
โดย : ไชยันต์ ไชยพร
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
นักการเมือง (พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร) ถูกกล่าวหากรณีซื้อขายหุ้นของครอบครัวโดยเลี่ยงภาษีและในกรณีอื่นๆ อีกหลายกระทง
ซึ่งประชาชนส่วนหนึ่งเห็นว่าเป็นการทุจริตคอร์รัปชัน แต่ก่อน 19 กันยายน 2549 ไม่สามารถนำข้อกล่าวหานั้นไปสู่กระบวนการยุติธรรมได้ ต่อมาทหาร (พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน) ทำรัฐประหาร ซึ่งส่งผลให้ข้อกล่าวหาต่างๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ แต่ในสายตาประชาชนอีกส่วนหนึ่งเห็นว่า การทำรัฐประหารถือเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยที่ก่อให้เกิดความเสียหายมากกว่าการทุจริตคอร์รัปชัน และกระบวนการยุติธรรมที่ตรวจสอบตัดสินข้อกล่าวหาของ พ.ต.ท. ทักษิณนั้นก็ไม่ชอบธรรม เพราะเป็นผลพวงของรัฐประหาร
การเสนอให้มีการร่างรัฐธรรมนูญก็เพื่อจะนำไปสู่การล้างผลพวงรัฐประหาร ก็ถือว่ามีเหตุผลชอบธรรม แต่ข้อกังขาเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชันของ พ.ต.ท. ทักษิณก็คงคั่งค้างคาใจอยู่ด้วย ดังนั้น หากจะให้เกิดความยุติธรรมที่นำไปสู่การปรองดองและพัฒนาทั้งประชาธิปไตยและพัฒนาคุณภาพของนักการเมืองจริงๆ ก็ต้องนำบุคคลทั้งสองที่เป็นตัวปัญหาในสายตาของประชาชนแต่ละฝ่ายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม นั่นคือ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร และพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน จะต้องขึ้นศาล
ในกระบวนการพิจารณาคดี พ.ต.ท. ทักษิณ จะได้อธิบายให้เหตุผลแก้ต่างข้อกล่าวหาต่างๆ ต่อหน้าอัยการและศาล และประชาชนทั้งไทยและเทศ ในทุกๆ ข้อกล่าวหา จะได้ชัดเจนกันไปว่า การกระทำต่างๆ ของตนนั้นบริสุทธิ์ไม่ผิดกฎหมายและไม่ผิดจริยธรรมของความเป็นนักการเมือง
เช่นเดียวกัน ในกระบวนการพิจารณาคดี พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ก็จะได้ชี้แจงแก้ต่างว่า เหตุผลสำคัญที่อ้างในการทำรัฐประหารนั้นมีน้ำหนักแค่ไหน ถ้าท่านคิดว่า ท่านจำเป็นต้องทำผิดกฎหมาย (ฉีกรัฐธรรมนูญ) เพื่อสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าในสายตาของท่าน หรือสิ่งที่ท่านกระทำลงไปนั้นมิได้มาจากการที่ท่านคิดตัดสินใจเอง แต่มีอำนาจที่เหนือกว่าทำให้ท่านต้องทำในสิ่งที่ตัวท่านไม่ปรารถนาจะทำ ก็จะได้รู้แจ้งชัดเจนกันไป มิใช่ปล่อยให้ตีความและเป็นข่าวลือกันไปต่างๆ นานา รวมทั้งข้อสงสัยว่า ทำไมขณะนี้ ท่านถึงเคลื่อนไหวเป็นตัวตั้งตัวตีในการที่จะปรองดอง ทั้งๆ ที่การปรองดองของท่านนั้นมันขัดแย้งกับเหตุผลในการทำรัฐประหารของท่านเมื่อหกปีที่แล้ว ! หรือท่านกำลังกลัวอะไรอยู่
ข้อเสนอที่ให้ทั้งสองท่านเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหรือขึ้นศาลนี้อาจจะดูหนักหนาและน่ากลัว แต่ถ้าทำได้ ก็จะส่งผลให้ความจริงปรากฏ และประชาชนทั้งสองฝ่ายก็จะได้เลิกเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ความปรองดองก็จะกลับคืนสู่สังคมไทย อีกทั้งปัญหาการเมืองไทยที่เป็นวงจรอุบาทว์ นั่นคือ นักการเมืองทุจริตและการทำรัฐประหารก็น่าจะเริ่มหมดไปจากสังคมไทย
การร่างรัฐธรรมนูญใหม่อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ตรงๆ และจริงๆ ต่อปัญหาวงจรอุบาทว์ของการเมืองไทยเท่ากับการให้บุคคลทั้งสองขึ้นศาล หากทำให้ทั้งสองขึ้นศาลได้จริงๆ การเมืองไทยก็จะเริ่มเปลี่ยนผ่านออกจากวงจรของชนชั้นนำเข้าสู่วงจรของประชาชนมากขึ้น เพราะขณะนี้ ประชาชนถูกใช้และถูกเล่นการเมืองโดยกลุ่มชนชั้นนำจำนวนหยิบมือหนึ่งเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นอย่างที่กล่าวว่า “เป็นเบี้ยเป็นหมากให้อำมาตย์-ทุนเก่ากับอำมาตย์-ทุนใหม่” หรือ “ไดโนเสาร์กับทุนสามานย์” อยู่ร่ำไป ไม่ว่าพวกเขาจะขัดแย้งหรือประนีประนอมกัน
ต้องถามใจประชาชนทั้งสองฝ่ายและทั้งหมดในสังคมไทย ว่า ต้องการยกระดับการเมืองไทยกันจริงๆ หรือไม่ และแค่ไหน
สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พีแอนด์อี
ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,จดทะเบียนธุรกิจ,วางระบบบัญชี