จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
รมว.คลังยันไม่ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ป้องกันผลกระทบราคาสินค้าปรับตัวสูง ไม่แตะภาษีที่ดิน อ้างไม่ใช่นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปาฐกถาในงานสัมมนา "Global Tax Trends and Their Impact on Thailand" ว่า ภาษีที่ไทยใช้อยู่มี 4 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ ภาษีศุลกากร ซึ่งขณะนี้ทุกประเทศทั่วโลกเห็นพ้องร่วมกันในการลดภาษีให้เหลือ 0% มากที่สุด เพื่อลดอุปสรรคและต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ แต่มีบางประเทศต้องการคุ้มครองเอกชนของตนเอง จึงหามาตรการกีดกันทางการค้าอื่นมาช่วยคุ้มครอง
กลุ่ม 2 ภาษีเงินได้นิติบุคคล หลายประเทศทยอยปรับลดลงด้วยเช่นกัน เช่น มาเลเซีย อยู่ที่ 25% สิงคโปร์ ร้อยละ 17 ปีนี้ไทยปรับลดลงจาก 30% เหลือ 23% แต่ต่างชาติยังต้องพิจารณาว่าภาษีโดยรวมทั้งหมดจะมีต้นทุนส่งผลต่อการเข้ามาตั้งสำนักงานหรือขยายการลงทุนอย่างไรบ้าง
กลุ่ม 3 ภาษีมูลค่าเพิ่ม หลังจากปรับลดลงจาก 10% เหลือ 7% โดยจะครบกำหนดเดือนกันยายนนี้ แม้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จะเสนอให้รัฐบาลไทยขยับภาษีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น แต่ไทยยืนยันจะคงอัตราเดิมไปก่อน เพื่อลดผลกระทบไม่ให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น หากปรับจะถูกผลักภาระไปยังผู้บริโภคโดยตรง
"แม้ว่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จะต่ำมาก เมื่อเทียบกับหลายประเทศ แต่รัฐบาลยังเดินหน้าบริหารจัดการด้วยการขยายฐานภาษี ผู้ใดหลีกเลี่ยงก็พยายามเดินเข้าสู่ระบบ การแก้ไขวิธีหนึ่ง คือ ลดรายได้ภาษีนิติบุคคลต่ำลง เพราะการที่เอกชนจะหลีกเลี่ยงภาษีให้มีภาระน้อยลงต้องเริ่มตั้งแต่การหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นยอดขายสินค้า ดังนั้น หากภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลงการหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มของภาคเอกชนจะลดลงไปด้วย"
และกลุ่ม 4 ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ขณะนี้เก็บแบบขั้นบันได ตั้งแต่ 5, 10 , 15, 20 จนถึง 37% ตามสัดส่วนรายได้ ดังนั้น ใครที่มีรายได้สูงควรจ่ายภาระภาษีกลุ่มดังกล่าวคงยังไม่จำเป็นต้องปรับปรุงภาษีที่รัฐบาลกำลังพิจารณาปรับโครงสร้างภาษี รวมถึงภาษีสรรพสามิตรถยนต์และน้ำมัน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กำลังศึกษาเรื่องดังกล่าวเพื่อเปรียบเทียบกับประเทศดังกล่าวอย่างรอบคอบ
ส่วนร่างกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ชุดที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีส่วนดี ในการจัดเก็บรายได้ แต่ไม่ใช่นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล จึงยังไม่นำกลับมา เพื่อเสนอสภาพิจารณากฎหมายดังกล่าว เพราะการจัดเก็บภาษีที่มีประสิทธิภาพควรจัดเก็บจากกระแสรายได้ปัจจุบันผ่านนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ประจำทุกเดือน ไม่ใช่เก็บจากผ่านทรัพย์สินที่เป็นมรดกและไม่ได้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น การตีมูลค่าทรัพย์สินเพื่อจัดเก็บภาษีดังกล่าว เห็นว่าไม่เกิดความเป็นธรรมต่อผู้เสียภาษี
ส่วนกรณีราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นหลายรายการนั้น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ยังมีสินค้าหลายประเทศปรับตัวลดลง เช่น ไข่ไก่ เนื้อหมู และสินค้าประเภทอื่น ยอมรับว่าภาคเอกชนปรับราคาสินค้าเพื่อสะท้อนจากต้นทุนและเงินเฟ้อที่ขยับสูงขึ้นร้อยละ 2-3 ต่อปี แต่หากรายใดฉวยโอกาสปรับราคาเพื่อหวังผลกำไรเพิ่มนั้น นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พยายามดูแลควบคุมราคาสินค้าไม่ให้ฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาจนกระทบผู้บริโภค
สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน