จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
'สนธิ'อ้างไม่ได้รีบส่ง "รายงานปรองดอง" แต่ต้องทำเพราะทุกเรื่องเสร็จแล้ว รับหากย้อนกลับไปก็รัฐประหารเหมือนเดิมอีกเหตุวันนั้นปชช.เรียกร้อง
รายการ "คม ชัด ลึก" ทางสถานีโทรทัศน์เนชั่น ชาแนล ได้จัดรายการในตอน "ปรองดอง...ที่ไม่ปรองดอง?" โดย มีผู้ร่วมรายการประกอบด้วย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ และ นายวุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ในฐานะหัวหน้าคณะผู้วิจัยการสร้างความปรองดองแห่งชาติ
พล.อ.สนธิ กล่าวถึงกรณีคำถามเรื่องการรัฐประหาร คำถามแบบนี้ได้รับมาเยอะ แต่บรรยากาศการปรองดองวันนั้นไม่ควรมีคำถามนี้มาโดยเฉพาะจาก พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่มีประสบการณ์ด้านทหารมาเยอะ พล.ต.สนั่นเป็นทหารมาก่อนท่านจะเข้าใจว่าธรรมชาติคนเป็นทหารจะเป็นอย่างไร การจะพูดจะตอบอะไรก็ตรงไปตรงมา ท่านจะถามคงมีนัยยะอะไรที่เราอ่านไม่ออก ตนอยากจะถามท่านมากกว่าทำไมท่านถึงถามตนอย่างนั้น การเมืองก็มีเป้าหมายหลายอย่างที่ซ่อนอยู่เป็นเรื่องที่เราต้องวิเคราะห์กันต่อไป ส่วนเรื่องเบื้องหลังท่านก็คงทราบอะไรดี โดยเฉพาะท่านก็อยู่ในพรรครัฐบาลอย่างพรรคชาติไทยพัฒนาด้วย
พล.อ.สนธิกล่าวว่า เมื่อเริ่มทำงาน ก็ต้องตั้งประธาน ซึ่งตนเป็นพรรคที่ยังไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน ฝ่ายค้านหรือ รัฐบาล แต่ตนอยู่ฝั่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ซึ่งเขาก็เลยมาขอให้ตนเป็นประธาน เพราะดูเป็นกลางที่สุดในห้อง
เมื่อถามถึงเหตุผลในการรีบเสนอต่อสภา พล.อ.สนธิกล่าวว่า เรามีเหตุผล ตอนที่เราขออนุมัติสภา เราขอ 30 วัน แต่สถาบันพระปกเกล้าบอกไม่ทัน เราก็ต่อมาแล้ว 120 วัน เขาก็ทำส่งมาแล้ว ทุกอย่างเสร็จแล้ว หรือเรื่องผลการเชิญสถาบันต่างๆมาให้เหตุผลก็เรียบร้อย เรื่องของภาคใต้ก็เรียบร้อย ในห้องประชุมก็บอกว่าจบแล้ว ภาระกิจก็ถือว่าต้องส่งเรื่องให้สภา ขณะที่สภาก็เหลือเวลาน้อย ไม่เช่นนั้นก็ต้องต่อถึงกลางเดือนสิงหาคม เมื่อส่งแล้วหากจะทำอย่างไรก็เป็นเรื่องขอสภา
ส่วนกรณีที่ระบุว่ามีการลงมติ พล.อ.สนธิกล่าวว่า มีกมธ.บางคนบอกว่าผลการวิจัยที่ได้มา กรรมาธิการไม่ใช่บุรุษไปรษณีย์ดังนั้นต้องมาวิเคราะห์ แต่หลายคนบอกว่าเป็นผลวิชาการเรามาเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะจะไม่เป็นกลาง เพราะฉะนั้น เอกสารที่ถึงรัฐบาลจะไม่แตะต้อง แต่เราก็จะมาศึกษา โดยเฉพาะข้อสองสามของแนวทางปรองดองระยะสั้น ซึ่งจริงๆไม่ใช่การลงมติ แต่เป็นแบบสอบถามว่าใครมีความต้องการออพชั่นไหน ต่างคนต่างส่งความเห็นมา
" ส่วนกรณีเมื่อถามว่า ตนเองเป็นคนรัฐประหาร แต่สุดท้ายจะรับได้ว่าหากมีการนิรโทษกรรมคนที่ทุจริตวันนั้น พล.อ.สนธิกล่าวว่า จริงๆเป็นไปตามระบอบการทำงาน วันนั้นกับวันนี้มีเงื่อนไขที่เห็นอยู่ แต่ระบอบประชาธิปไตยมีหนทาง วันนั้นกับวันนี้เรารู้สึกไม่เหมือนกัน การจะบอกว่าเราไม่ถูกก็เป็นการที่เราไม่เปิดกว้าง "
เมื่อถามว่าหากย้อนไปจะทำรัฐประหารหรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า "มันหนีไม่พ้น แต่เหตุการณ์วันนั้นและวันนี้มันเปลี่ยนไป" เมื่อถามอีกว่าใครเป็นคนสั่ง "แล้วใครจะมาสั่งผมได้ เรื่องแบบนี้คิดหลายคนไม่ได้ ต้องคิดเองทำเอง"
"ตั้งแต่ 19 ก.ย.2549 มาคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 2 ครั้ง แต่ตั้งแต่เป็น ส.ส. ไม่เคยคุย" พล.อ.สนธิกล่าว
เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับ รัฐประหาร พล.อ.สนธิกล่าวว่าต้องดูว่าเรารัฐประหารเพื่ออะไร ตนอ่านเรื่องการปฏิวัติมาตั้งแต่เด็ก แล้วตนก็ไปเรียนการปฏิวัติที่ฟิลิปปินส์ เราต้องถามว่าปฏิวัติเพื่ออะไร แต่ถ้าเพื่อประชาชนเพื่อประเทศชาติก็เกิดได้ หากการปกครองทำให้ประชาชนไม่พอใจก็เกิดได้ วันนั้นประชาชนต่างหากอยากให้เราทำ
วุฒิสาร :รายงานการศึกษาเป็นจุดเริ่มต้นปรองดอง
ด้านนายวุฒิสาร กล่าวว่าจากข้อสรุปของงานวิจัย เรายืนยันว่า รายงานการศึกษาเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการปรองดอง ข้อเสนอที่เสนอต้องให้ไปหารายลฃะเอียดและหาการยอมรับให้มากขึ้น แล้วจึงกำหนดมาตการในรูปแบบต่างๆ วันนี้บรรยากาศการปรองดองยังไม่เกิด ส่วนที่ไม่ได้ออกมาตอบโต้นั้น เราได้จัดแถลงข่าวโดยสถาบันน จากนั้นก็คุยกันว่าเราจะอธิบายในกรณีที่สาระสำคัญคลชาดเคลื่อน แต่คงไม่ไปตอบโต้ข้อเสนอของทุกฝ่าย การตัดสินใจเร็วอาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งรอบใหม่ การทำให้ได้รับการยอมรับ การพูดคุยเป็นเรื่องสำคัญ
"ที่ไม่ตอบเพราะผมไม่ใช่นักการเมือง ผมก็อธิบายสาระให้ฟังแล้ว แต่จะให้ไปตอบโต้ทุกวันผมไม่ถนัด"นายวุฒิสารกล่าว
นายวุฒิสารกล่าวว่า แต่ละฝ่ายมีความรู้สึกจุดยืนที่ชัดเจน เรามองไม่ออกว่าจะออกมาแบบไหนตอนเริ่มทำ แต่เมื่อได้ไป สัมภาษณ์พูดคุย เราก็เห็นว่าบรรยากาศนี้ยังไม่เกิด และหากทำไม่โดยไม่ระวังอาจจะกลายเป็นตัวเร่งความขัดแย้ง เราจึงเคลื่อนไหวบางเรื่อง เช่นการยื่นหนังสือให้ กมธ. แสดงข้อห่วงใย เช่นหากมีการใช้เสียงข้างมากตัดสิน แต่หากเขาจะทำอย่างไรเราก็ไม่มีอำนาจที่จะไปตัดสินใจแทน
นายวุฒิสารกล่าวว่า ก่อนที่ส่งจดหมาย มีการกำหนดว่ามีใครเห็นด้วยจำนวนเท่าไหร่ เพราะเราไม่อยากให้ใช้เสียงข้างมาก เพราะจะทำให้การไม่ยอมรับกันและกัน หากทำจะมีความสุ่มเสี่ยงต่อความขัดแย้ง ซึ่ง พล.อ.สนธิก็รับปาก
เมื่อถามถึงทางเลือกต่อคดี คตส. ข้อที่สาม ซึ่งกรรมาธิการโดยมากเลือก ที่เป็นเรื่องการยกเลิกคคดีโดย คตส. ทั้งหมด นายวุฒิสารกล่าวว่า ทางเลือกทั้งหมด หากคุยในบรรยากาศอาจจะไม่ออกทั้งสามทางเลยก็ได้ ข้อเสนอที่เป็นทางเลือก ที่สามเรารเขียนไว้ชัดเจนว่าโอกาสทำให้เกิดความปรองดองยาก แต่หากสังคมยอมกันหมดเลยก็เป็นไปได้ ทั้งหมดเป็นข้อเสนอก่อนที่จะไปคุยในรายละเอียด การเลือกข้อเสนอบางเรื่องโดยไม่มองภาพใหญ่ทั้งหมดก็จะสุ่มเสี่ยง
นายวุฒิสารกล่าวว่า ข้อเสนอระยะสั้นมี 4 เรื่อง ทางเลือกที่ได้ทั้งหมด อยู่บนโจทย์การแก้ปัญหาระยะสั้นให้สังคมกลับสู่สภาวะปกติ ประกอบด้วย 1. ค้นหาความจริง และควรเปิดเผยในเวลาที่เหมาะสม เพื่อไม่ทำให้ผิดซ้ำ 2.แก้ปัญหาเรื่องความขัดแย้งโดยการให้อภัย ซึ่งรูปธรรมคือนิรโทษกรรม และในรายละเอียดก็เสนอว่าจะรวมการชุมนุมที่มีแรงจูงใจทางการเมืองหรือไม่รวม นี่คือรายละเอียดที่ต้องไปถกเถียง เพราะหากอะไรทำเร็วก็จะมีข้อโต้แย้งแยะ เช่นเรื่องเยียวยา ที่ทำเร็วแล้วมีปัญหา 3. ผลการทำงานของ คตส. เราไม่ได้บอกว่า คตส.ผิด แต่เป็นในระบบที่ไม่ปกติ เป็นข้อเสนอที่ต้องไปคุยกันต่อและอาจจะมีทางเลือกอื่นที่ได้รับการยอมรับมากกว่า และ 4.เรื่องการแก้กติกาทางการเมืองที่มีปัญหา เช่นเรื่องการยุบพรรค ซึ่งเรามองว่าเป็นเหตุ
นายวุฒิสารกล่าวว่า สำหรับในระยะยาว เราเสนอ 1.เรื่องการนำไปสู่อนาคตใหม่ การปฏิรูปการเมือง 2.การแก้โครงสร้างเศรษฐกิจ สังคมและ ทรัพยากรที่เป็นรากสำคัญของปัญหา เพราะเรื่องแรกที่เป็นปัญหาคือ ความเห็นทางประชาธิปไตย ฝ่ายหนึ่งมองว่าเป็นแค่เสียงข้างมาก อีกฝ่ายมองเรื่องคุณธรรมและจริยธรรม สองฝ่ายมองโจทย์ต่างกัน วันนี้เราข้ามเรื่องตัวบุคคลไปได้มาก เราพูดเรื่องการจัดสรรการทรัพยากรที่ไม่เป็นธรรม
นายวุฒิสารกล่าวต่อว่า 3.คือเรื่องการสร้างบรรยากาศ เราเสนอไว้ 7 ข้อ 3 เรื่องรัฐบาลต้องทำเลยคือ 1.แสดงเจตจำนงชัดเจนเรื่องการสร้างรูปธรรมในความปรองดอง เช่นส่งเสริม คอป. 2 สร้างความตระหนักให้สังคมทุกภาคส่วน 3 .เร่งรัดส่งเสริมกระบวนการค้นนหาความจริงและการเยียวยาทุกฝ่าย และไม่ใช่ด้วยตัวเงิน ขณะที่ 4 ข้อที่เสนอหน่วยเกี่ยวข้องให้ปฏิบัติคือ 1.งดเว้นการกระทำที่ทำให้สังคมรู้สึกว่าไม่เคารพกฎหมายหรือไม่เป็นนิติรัฐ เช่นใช้คนมากดดัน 2.ต้องลดความหวาดระแวงของกลุ่มต่างๆที่ทำให้คนรู้สึกว่าจะต้องการเปลี่ยนแปลงสถาบันพระมหากษัตริย์ 3.สื่อมวลชนต้องสนับสนุนกระบวนการนนี้และไม่พยายามนำความขัดแย้ง โดยเฉพาะสื่อที่มีเจตจำนงในการทำงานการเมือง และ 4 หยุดตั้ง หยุดถามเรื่องในอดีต คำถามว่าปฏิวัติทำไม
เมื่อถามว่ารู้หรือไม่จะถูกวิจารณ์เช่นนี้ นายวุฒิสารกล่าวว่า ตนทราบเช่นนั้นแต่เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า ทุกคนบอกว่าอยากปรองดองดังนั้นทุกคนต้องรับผิดชอบ ทุกคนต้องออกมาบอก วันนี้เราต้องทำการเมืองเพื่อบ้านเมือง อย่าทำการเมืองเพื่อการเมือง อย่างเดียว หากกรรมาธิการปิด ตนก็หวังว่าสภาจะไม่รวบรัด หากมีการเสนออะไรคงจะไม่ด่วนตัดสินใจอะไร เพราะเป็นความรับผิดชอบของสภาผู้แทนราษฎร
นายวุฒิสารกล่าวถึงการไปพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรว่า โดยหลักการวิจัยบอกไม่ได้ว่าใครพูดอะไร ตนบอกไม่ได้ส่วนใครจะวิพากษ์อย่างไรจะไม่ไปตอบโต้
'บิ๊กบัง'ผู้โดดเดี่ยวเดียวดาย ทั้งกลืนน้ำลายและกลืนเลือด!
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
บนความเคลื่อนไหว กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันจันทร์ที่ 26 มี.ค.55 ยังคงเกาะติดความเคลื่อนไหววนเวียนเกี่ยวกับเรื่องปรองดองของชาติ
บนความเคลื่อนไหว
โดย นิภาวรรณ แก้วรากมุกข์ twitter@niphawan_kt
0 สังคมไทยยังคงวนเวียนหาทางออกกับเรื่องปรองดองแห่งชาติไม่เจอ มิหนำซ้ำแนวทางในการแก้ปัญหาที่ไม่คืบหน้า ยังส่อเค้าจะถอยหลังลงข้างทาง
0 ทั้งกรณีที่ทีมวิจัยสถาบันพระปกเกล้า ไม่ไว้วางใจฝ่ายการเมือง ถึงกับขู่ว่าจะถอนรายงานผลวิจัย ที่ส่งให้คณะกรรมาธิการปรองดอง สภาฯ เพราะหวั่นว่าจะถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือการเมือง และเพิ่มความขัดแย้งให้ปะทุขึ้นมาอีก
0 ทั้งกรณี ฝ่ายการเมืองซัดกันเอง โดยเฉพาะ "เสธ.หนั่น" ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา อดีตประธานคณะกรรมการปรองดอง ที่เคยล้มเหลวมาแล้ว ตั้งคำถามให้ "บิ๊กบัง" พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานกมธ.ปรองดอง อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร คายความจริงเรื่องผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง แต่ก็ไม่ได้คำตอบ
0 เวลานี้ อารมณ์ของสังคม ดูเหมือนยากจะยอมรับบทบาท กมธ.ปรองดอง ที่ "บิ๊กบัง" กำลังนำไปในแนวทาง "ลืมอดีต" โละผลพวงจากการรัฐประหาร สาเหตุหนึ่งก็เพราะความคลางแคลงใจที่อดีต ประธาน คมช. ผู้นำรัฐประหารเสนอตัวมาเป็นประธาน กมธ.ปรองดอง
0 เรื่องอย่างนี้ บางทีความรู้สึกร่วมเมื่อครั้ง "รัฐประหารดอกกุหลาบ" ที่ "บิ๊กบัง" ยังภูมิใจนักหนา ก็เอากระแสไม่อยู่...งานนี้ "บิ๊กบัง" ผู้โดดเดี่ยวเดียวดาย ทั้งกลืนน้ำลายและกลืนเลือด!
0 สัปดาห์นี้ประเด็นเรื่อง "ปรองดอง" ยังส่อเค้าจะร้อนแรงต่อเนื่อง ฝ่ายค้าน ประชาธิปัตย์ จะถกในที่ประชุมพรรค จันทร์ที่ 26 มี.ค. 2555 นี้ เพื่อกำหนดท่าที เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับร่างรายงานของ กมธ.ปรองดอง ที่รวบรัดตัดตอนส่งให้สภาฯ พิจารณา
0 ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2555 "บิ๊กบัง" แจ้งงดการประชุม กมธ.ในวันที่ 27 มี.ค. 2555 ให้เหตุผลว่า "เนื่องจากการพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว” ทำเอา กมธ.ค่ายสะตอ มึนตึ้บว่า พิจารณาเสร็จสิ้นแล้วได้ยังไง ในเมื่อ ชวลิต วิชยสุทธิ์ เลขานุการ กมธ.ปรองดอง ซีกเพื่อไทย ยังระบุว่าจะมีการตัดรายละเอียดเรื่องการลงมติเสียงข้างมากออก งานนี้ กมธ.ซีกประชาธิปัตย์ เลยบี้ให้ "บิ๊กบัง" ขอขยายเวลาการประชุมของ กมธ. ออกไปอีก 30 วัน เพื่อทบทวนร่าง ก่อนจะเข้าสู่สภาฯ เพราะไม่อย่างนั้น เกรงว่าจะมีการตัดต่อกันเอง
0 ปูเรื่องเตรียมเข้าสู่ ศึกชิงผู้ว่าฯ กทม. ค่ายเพื่อไทยส่งทีมโฆษกพรรคออกมา "จับผิด" โครงการ กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง
0 อาทิตย์ที่ผ่านมา จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. รองโฆษกเพื่อไทย แถลงเตรียมยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการจัดซื้อสายเคเบิลใยแก้วนำแสง ในโครงการติดตั้ง "ซีซีทีวี" ของ กทม.ว่ามีราคาสูงเกินจริงหรือไม่ ไล่บี้ไปที่ ผู้ว่าฯ สุขุมพันธ์ บริพัตร และรองผู้ว่าฯ ธีระชน มโนมัยพิบูลย์
0 อีกหนึ่งประเด็น ที่จะยื่น ป.ป.ช.คราวเดียวกัน ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157 กรณีที่ยังไม่ยอมดำเนินการเอาผิดต่อสภามหาวิทยาลัย และผู้บริหารโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับโครงการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ทางการแพทย์ของวิทยาลัยแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ตามที่ ดีเอสไอ และ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินชี้มูลความไม่โปร่งใส
0 ไล่บี้ทีมผู้ว่าฯ ปัจจุบันไม่เท่าไร แต่ประเด็นที่ค่ายเพื่อไทยกำลังหาข่าว คือ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ของค่ายสะตอ จะเป็นใคร ยามนี้มีคนคาดหมายว่า ถ้าหวยออกที่ "คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช" เมื่อไหร่ โอกาสสอยเก้าอี้จากประชาธิปัตย์ เป็นไปได้สูง...เอ้า...ยามนี้ก็ "สับขาหลอก" กันไป
0 ด้านคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มี คณิต ณ นคร เป็นประธาน มีความคืบหน้าเรื่อง รายงานฉบับที่ 3 ซึ่งจะเป็นฉบับสุดท้ายในชุดของ คอป. ที่จะครบกำหนดเวลาทำงาน 2 ปี ในเดือนก.ค. 2555 นี้
0 มีรายงานว่า บัดนี้รายงานฉบับที่ 3 เสร็จเรียบร้อยแล้ว แค่อยู่ระหว่างเวียนร่างให้กรรมการทุกคนได้พิจารณา และ อาจารย์คณิต ได้เสนอต่อที่ประชุม คอป. ให้เร่งออกรายงานฉบับนี้ให้ทันวันที่ 31 มี.ค. 2555
0 สำหรับเนื้อหาในรายงานฉบับที่ 3 จะเป็นการตอกย้ำถึงข้อเสนอแนะของ คอป. ที่ส่งถึงนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้งฉบับที่ 1 และที่ 2 และไม่ปรากฏว่ารัฐบาลขานรับหรือปฏิเสธ โดยเฉพาะข้อเสนอที่เกี่ยวกับการยกเลิกการตีตรวนนักโทษ การให้ประกันตัวจำเลยและผู้ต้องหาระหว่างการพิจารณาคดี
0 เสร็จจากไตรภาคแล้ว คอป. จะทำรายงานอีกหนึ่งฉบับส่งท้าย เป็นการประมวลข้อเสนอแนะจากรายงานทั้ง 3 ฉบับ ให้เห็นภาพรวมทั้งหมด
0 ได้ยินเสียงพ้อปนห่วงใยสถานการณ์จากบรรดาคณะกรรมการ เพราะไม่รู้ว่าผลการทำงานครั้งนี้จะถูกนำไปใช้ประโยชน์หรือไม่ อย่างไร ถ้ารัฐบาลไม่ขานรับ บางท่านบอกว่าจะไม่ (กล้า) รับงานเพื่อชาติอีกต่อไป
สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน