การมีส่วนร่วม : ร่วมรับผิดชอบ
โดย : ชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
หัวใจสำคัญประการหนึ่งของประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมที่เห็นว่าแตกต่างกับประชาธิปไตยแบบตัวแทน คือ ประชาชนมีความเป็นพลเมืองที่ชัดเจนขึ้น
ซึ่งน่าจะเน้นไปที่การมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการพัฒนาคุณภาพชีวิตในชุมชนของตนเองด้วย
หลักการของประชาธิปไตยที่อยู่บนพื้นฐานของสิทธิความเป็นมนุษย์และแบบการมีส่วนร่วม จึงน่าจะสอดคล้องกันในความหมายและขอบเขตของการที่ประชาชนจะได้รับการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพทั้งในฐานะปัจเจกชนและความเป็นชุมชน แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องมีบทบาทของการมีส่วนร่วมที่เป็นรูปธรรม ก็คือ การมีส่วนรับผิดชอบทั้งต่อตนเองและระหว่างคนในชุมชนเพื่อการบรรลุเป้าหมายที่สำคัญต่างๆ ของความเป็นประชาธิปไตย
โดยทั่วไป เมื่อเราพูดถึงการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ จะมีบางส่วนอ้างไปยังหน้าที่ของความเป็นพลเมือง จนเกิดเป็นวาทกรรมเชิงโต้แย้งและทวงถามกันไปมาเมื่อมีการหยิบยกสิทธิเสรีภาพมาอ้างอิงกัน วาทกรรมเชิงโต้แย้งเช่นนี้ จึงอาจส่งผลให้บางกลุ่มถึงขนาดเสนอให้มีการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพที่เป็นประเด็นไปเสียเลยด้วยซ้ำ ซึ่งเห็นว่าน่าจะไม่ถูกต้อง
ความเป็นจริงหากให้ความสนใจแก่ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมที่อยู่บนสิทธิพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ วาทกรรมเชิงโต้แย้งระหว่างสิทธิเสรีภาพกับหน้าที่ของความเป็นพลเมือง จึงน่าจะมีความหมายโดยนัยว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิเสรีภาพและมีส่วนรับผิดชอบร่วมกันในการพัฒนาสังคมและชุมชน ที่ตนดำรงความมีอัตลักษณ์อยู่
การมีอัตลักษณ์ของตนในลักษณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ นักธุรกิจ นักปกครอง หรืออัตลักษณ์ทางกฎหมายและทางสังคมอื่นๆ อีกมากมายทั้งในระดับปัจเจกและชุมชนย่อมได้รับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพอย่างเท่าเทียมกันอย่างแน่นอน
ประเด็นที่หยิบยกกันมาในวันนี้เน้นตรงที่ การมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในระดับชุมชน ที่อยู่ในรูปของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนในมุมมองต่างๆ กัน เช่น การป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรม การแก้ไขปัญหาการจัดสรรและการจัดการการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาป่าชุมชน ปัญหาโฉนดชุมชน หรือแม้กระทั่งปัญหาการจราจร
การแสดงออกถึงการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อตนเองและชุมชนเป็นวิธีคิดและมุมมองอยู่บนพื้นฐานของประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และความเป็นนิติรัฐ และวิธีคิดดังกล่าวสามารถสะท้อนความหมายและขอบเขตของคำว่าสิทธิเสรีภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมทั้งลดการปะทะหรือโต้แย้งกันในเรื่องของสิทธิเสรีภาพระหว่างคนหรือระหว่างกลุ่ม
แนวคิดยุติธรรมชุมชนจึงได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมรับผิดชอบของคนในชุมชน เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและมีความเชื่อมั่นในการมีความรับผิดชอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ในระบบงานยุติธรรมต่างๆ เพื่อร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาของชุมชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการร่วมรับผิดชอบกับตำรวจในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรม ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในการรักษาความสงบเรียบร้อยในระดับชุมชน รวมไปถึงการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และประชาชนด้วยกันเองในการพัฒนาการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร และแก้ไขปัญหาสังคมอื่นๆ ในชุมชน
กระบวนการประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมจึงน่าจะเป็นกระบวนการส่งเสริมความรับผิดชอบร่วมกันในระดับชุมชนได้หลายมิติทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมทั่วไป และน่าจะมีกฎหมายรองรับกระบวนนี้ได้ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมภายใต้กรอบแนวคิดของการกระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การมีกฎหมายเพื่อการจัดสรรและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติในระดับชุมชน การส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชนที่มีโครงสร้างอยู่แล้วบ้างไม่ว่าจะเป็นกองทุนหมู่บ้าน กองทุนพัฒนาสตรี ก็ตาม
การมีส่วนร่วมกันรับผิดชอบของประชาชนจึงมีความแตกต่างกับวาทกรรมโต้แย้งระหว่างสิทธิเสรีภาพและหน้าที่เพราะอย่างหลังนี้มุ่งทำนองการบังคับและกำหนดขอบเขตมิได้มุ่งความสมัครใจ แต่ขณะเดียวกัน กระบวนการส่งเสริมการมีส่วนร่วมกันรับผิดชอบจะมุ่งเน้นไปที่กระบวนการพัฒนาศักยภาพของประชาชนให้สามารถร่วมกันรับผิดชอบในการพัฒนาตนเองและชุมชนซึ่งน่าจะสอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนมากกว่า
การพัฒนาประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในกระแสโลกาภิวัตน์ ที่ทันกับสภาพซับซ้อนของปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมในยุคปัจจุบันจึงน่าจะหันมาส่งเสริมและสนับสนุนกระบวนการภาคพลเมืองให้มีศักยภาพเคียงคู่ไปกับบทบาทของภาครัฐแบบการมีความรับผิดชอบร่วมกันมากกว่าเพียงแค่การรับฟังความคิดเห็นและขอคำปรึกษาหารือเท่านั้น
ความหมายและขอบเขตของการมีส่วนร่วมต้องมีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมแบบประชาธิปไตยที่แท้จริง
สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน