สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เปิดสัญญาลับ ก่อแก้ว โอนหุ้นให้ นอมินี ใช้กระดาษเอ4 -ไร้ค่าตอบแทน

เปิดสัญญาลับ“ก่อแก้ว”โอนหุ้นให้“นอมินี” ใช้กระดาษเอ4 -ไร้ค่าตอบแทน

วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2012 เวลา 20:00 น. เขียนโดย isranews


เจาะแฟ้มทรัพย์สิน“ก่อแก้ว พิกุลทอง”พบทำสัญญาลับจากกระดาษเอ 4 โอนหุ้นให้นอมินี ระบุเงื่อนไขชัด ไร้ค่าตอบแทน ห้ามโอน ขาย เปลี่ยนมือ ส่งคืนทันทีที่ต้องการ บิดพลิ้วถูกฟ้องเรียกค่าเสียหาย

          ในการปรากฏรายชื่อเป็นผู้ถือครองหุ้น บริษัท นิวสตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด แทน นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชี รายชื่อพรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำนวน 112,500 หุ้น รวมมูลค่า 56,458,612.78 บาท ของนายประคัลภ์ ธวัชปีดิพงษ์ และนายพงศ์ศักดิ์ วิญญูตระกูล (นายก่อแก้ว ระบุในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตอนรับตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ วันที่ 2 สิงหาคม 2554 ว่า จากงบดุลของบริษัท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2553 ส่วนของผู้ถือหุ้นมีมูลค่ารวม 150,556,300.76 บาท ดังนั้นมูลค่าในส่วนของผู้ยื่น = 0.375*150,556,300.76 หรือ =56,458,612.78 บาท)

          อาจทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่า นายประคัลภ์ ธวัชปีดิพงษ์ และนายพงศ์ศักดิ์ วิญญูตระกูล สองหุ้นส่วนธุรกิจของนายก่อแก้ว ได้อะไรต่อแทนจากการถือครองหุ้นแทนครั้งนี้ตอบแทนบ้าง?

          สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า การโอนหุ้นของนายก่อแก้ว พิกุลทอง ไปยังนายประคัลภ์ ธวัชปีดิพงษ์ และนายพงศ์ศักดิ์ วิญญูตระกูล ดังกล่าว ได้มีการทำหนังสือสัญญาการถือหุ้นแทน ไว้เป็นลายลักษณ์อักษรด้วย เพื่อเป็นหลักฐานแสดงการถือหุ้นแทน ระหว่าง นายก่อแก้ว ในฐานะ “ผู้ถือหุ้น” กับ นายประคัลภ์ และนายพงศ์ศักดิ์ ในฐานะ “ผู้ถือหุ้นแทน”

          โดยเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันทำสัญญาถือหุ้นแทน ดังมีข้อความต่อไปนี้

1. นายก่อแก้ว พิกุลทอง “ผู้ถือหุ้น” ตกลงให้นาย ประคัลภ์ ธวัชปีดิพงษ์ และนายพงศ์ศักดิ์ วิญญูตระกูล ถือหุ้นแทน ใน บริษัท นิวสตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จำนวน 112,500 หุ้น ดังต่อไปนี้

- นาย ประคัลภ์ ธวัชปีดิพงษ์ ถือแทนจำนวน 37,250 หุ้น (12.42%)

- นายพงศ์ศักดิ์ วิญญูตระกูล ถือแทน จำนวน 75,250 หุ้น (25.08%)

2. นาย ประคัลภ์ ธวัชปีดิพงษ์ และนายพงศ์ศักดิ์ วิญญูตระกูล ยินยอม “ถือหุ้นแทน” นายก่อแก้ว พิกุลทอง “ผู้ถือหุ้น” ในบริษัท นิวสตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ตามข้อ 1 โดยไม่มีค่าตอบแทน

3. นาย ประคัลภ์ ธวัชปีดิพงษ์ และนายพงศ์ศักดิ์ วิญญูตระกูล “ผู้ถือหุ้นแทน” ยินยอมคืนหุ้นที่ถือแทนให้ นายก่อแก้ว พิกุลทอง “ผู้ถือหุ้น” ในบริษัท นิวสตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ตามข้อ 1 ทันที เมื่อนายก่อแก้ว พิกุลทอง “ผู้ถือหุ้น” มีความประสงค์เข้าถือหุ้นด้วยตนเอง

4. นาย ประคัลภ์ ธวัชปีดิพงษ์ และนายพงศ์ศักดิ์ วิญญูตระกูล “ผู้ถือหุ้นแทน” ตกลงจะไม่โอน ขายหรือยกให้ หรือกระทำการใดๆ เกี่ยวกับหุ้นของผู้ให้ถือทั้งสิ้น เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจาก “ผู้ถือหุ้น”

5. หากคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ประพฤติผิดสัญญาแม้ข้อใดข้อหนึ่งคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิฟ้องร้อง บังคับ/ให้เป็นไปตามสัญญานี้ได้ ทั้งมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอีกส่วนหนึ่งได้ด้วย

          ทั้งนี้ หนังสือสัญญาฉบับดังกล่าว ระบุว่า จัดทำขึ้นที่บริษัท นิวสตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2553 ซึ่งเป็นช่วงก่อนหน้าที่บริษัท นิวสตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จะมีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นครั้งใหญ่ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2553 โดยมีไม่ชื่อนายก่อแก้ว และคนในตระกูล พิกุลทอง เข้ามาเกี่ยวข้องอีก ก่อนที่นายก่อแก้ว จะเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2554 ในเวลาต่อมา โดยหนังสือสัญญาการถือหุ้นแทน ฉบับนี้ นายก่อแก้ว ได้ส่งมอบให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับทราบเป็นหลักฐานด้วย

          อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า หนังสือสัญญาดังกล่าว ใช้กระดาษเอ 4 ธรรมดา ในการทำ และไม่ปรากฏตราสัญญาลักษณ์บริษัท นิวสตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประทับไว้เป็นหลักฐานบนสัญญาแต่อย่างใด


“ก่อแก้ว”โชว์ปล่อยกู้“นอมินี”ทำสัญญาหมาดๆวันเป็น ส.ส.-พบ 4 บ.เครือข่าย

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม 2012 เวลา 20:00 น. เขียนโดย isranews

 

เปิดข้อมูลใหม่ “ก่อแก้ว พิกุลทอง”แกน นปช. โชว์ ป.ป.ช. ปล่อยกู้ให้“นอมินี”ร่วมลงทุนธุรกิจ ทำสัญญาวันรับตำแหน่ง ส.ส.ร่วมลงทุนธุรกิจ –พบ 4 บ.เครือข่าย 4 แห่ง ใช้ที่อยู่เดียวกัน

          นอกเหนือจากกรณีนายประคัลภ์ ธวัชปีดิพงษ์ และ นายพงศ์ศักดิ์ วิญญูตระกูล ถือหุ้น บริษัท นิวสตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (112,500 หุ้นรวมมูลค่า 56,458,612.78 บาท) แทนนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชี รายชื่อพรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยใช้กระดาษ เอ 4 ทำสัญญาโอนหุ้นและไม่ปรากฏตราสัญญาลักษณ์บริษัท นิวสตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประทับไว้เป็นหลักฐานบนหนังสือสัญญา ตามข่าวที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานก่อนหน้านี้

          มีอีกนิติกรรมหนึ่งระหว่างนายก่อแก้วกับตัวแทนหรือนอมินี

          สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า ในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบ ปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2554 นายก่อแก้ว ระบุในรายการทรัพย์สินประเภท “เงินให้กู้ยืม”ว่า มีจำนวนเงิน 2,235,261 บาท แบ่งเป็น นายพูนสิน ธนภัทร จำนวน 1,000,000 บาท นายประคัลภ์ และนายพงศ์ศักดิ์ จำนวน 1,159,461 บาท และกรมสรรพกร จำนวน 75,800 บาท
โดยการให้กู้ยืมเงินกับ นายประคัลภ์ และนายพงศ์ศักดิ์ มีการจัดทำเป็นหนังสือลายลักษณ์อักษร ลงลายมือชื่อโดย นายประคัลภ์ และนายพงศ์ศักดิ์ ระบุเนื้อความว่า

          “โดยหนังสือฉบับนี้ ข้าพเจ้า นายประคัลภ์ ธวัชปีดิพงษ์ และนายพงศ์ศักดิ์ วิญญูตระกูล ขอรับรองว่า ข้าพเจ้าได้มีหนี้สินผูกพัน กับนายก่อแก้ว พิกุลทอง ซึ่งเป็นเงินที่นำมาลงทุนร่วมกัน โดยมียอดหนี้ค้างสิ้นสุด ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2554 จำนวนเงิน 1,159,461 บาท (หนึ่งล้านหนึ่งแสนห้าหมื่นเก้าพันสี่ร้อยหกสิบเอ็ดบาทถ้วน) ”

          ทั้งนี้น่าสังเกตว่า หนังสือรับรองหนี้ฉบับดังกล่าวจัดทำขึ้นในวันที่ 2 สิงหาคม 2554 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่นายก่อแก้ว พิกุลทอง เข้ารับตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย

          ส่วนเงินให้กู้ยืมแก่นายพูนสิน สินธนภัทร ทั้งสองฝ่ายจัดทำหนังสือรับรองเงินกู้ ลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2554 ระบุว่า นายพูนสิน สินธนภัทร อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58/6 ถนนแม่หลวน ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เป็นหนี้เงินกู้ กับนายก่อแก้ว จำนวน 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) โดยจะชำระคืนภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2554 ลงลายมือชื่อโดยนายพูนสิน ธนภัทร
นายพูนสิน สินธนภัทร ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายภาคใต้ 1 ธนาคารธนชาตภูเก็ต ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2555 ยอมรับว่า เป็นลูกหนี้เงินกู้นายก่อแก้ว พิกุลทอง ตามที่แจ้งข้อมูลไว้กับคณะกรรมการ ป.ป.ช.จริง วงเงินกู้ประมาณ 1 ล้านบาท กู้ยืมมาเพื่อทำโครงการบ้านจัดสรร และยังค้างชำระหนี้อยู่ในปัจจุบัน

          ก่อนหน้านี้วันที่ 10 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าว ได้เดินทางไปตรวจสอบ บริษัท นิวสตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (เป็นคู่สัญญารับเหมากับ ปตท.) แจ้งที่อยู่กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เลขที่ 729/147 ถนนรัชดาภิเษก แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา พบว่า เป็นอาคารพาณิชย์ 5 ชั้น 2 คูหา อยู่ริมถนนรัชดาภิเษก บริเวณด้านหน้าทางเข้าติดป้ายบริษัท นิวสตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล โดยระบุเลขที่ 729/146-147 อย่างชัดเจน

          จากการสอบถามข้อมูลพนักงานบริษัทรายหนึ่ง ระบุว่า บริษัทแห่งนี้ มีเจ้าของ 2 คน แต่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียด พร้อมย้อมถามกลับว่า “จะรู้ไปทำไม”

          เมื่อถามว่า นายก่อแก้ว พิกุลทอง เป็นเจ้าของใช่หรือไม่ พนักงานรายนี้ ตอบว่า “ไปรู้มาจากไหน” ก่อนจะบอกว่า นายก่อแก้ว ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับที่นี้ ตั้งแต่ออกไปเล่นการเมืองแล้ว”

          จากการตรวจสอบข้อมูลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า ที่อยู่เลขที่ 729/146-147 ถนนรัชดาภิเษก แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา ของบริษัท นิวสตาร์ฯ ดังกล่าว ถูกใช้เป็นสถานที่ตั้งของบริษัทเอกชนอีก 4 แห่ง 

1. บริษัท บุรีศิลป์ จำกัด จดทะเบียน วันที่ 4 เมษายน 2548 ทุน 1,000,000 บาท ตั้งอยู่ที่ 729/147 ชั้น 4 ถนนรัชดาภิเษก แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการรับจ้างทำรูปหล่อและซุ้มพิธี นายพงศ์ศักดิ์ วิญญตระกูล และ นายประคัลภ์ ธวัชปรีดิพงษ์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน นายไพรัชต์ พรรณรายน์ เป็นกรรมการ นายอัครพล วิญญตระกูล ถือหุ้นใหญ่ 60% นาย ไพรัชต์ พรรณรายน์ 20% นายวุฒิไกร ทองย่น 10 % นาย เอกกร อนันต์ 9.97% นาย ทศพร ทองสมบูรณ์ 0.01% นาย ธิตรพิท รอดแก้ว 0.01% นางสาว อังศุมาลิน ศรีโสดา 0.01% 

2. บริษัท อินแก๊ส จำกัด จดทะเบียนวันที่ 31 มีนาคม 2549 ทุน 3,000,000 บาท ตั้งอยู่ที่ 729/147 ชั้น 4 ถนนรัชดาภิเษก แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ ประกอบธุรกิจขายและติดตั้งส่วนประกอบคลังน้ำมัน นายประคัลภ์ ธวัชปรีดิพงษ์ และ นายพงศ์ศักดิ์ วิญญูตระกูล เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน นายภูมินทร์ พฤทธิพงศ์สิทธิ์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท นายประคัลภ์ ธวัชปรีดิพงษ์ ถือหุ้นใหญ่สุด 39.9967% นายพงศ์ศักดิ์ วิญญูตระกูล 39.9933% นายภูมินทร์ พฤทธิพงศ์สิทธิ์ 19.9967% นาง จารุมล วารีชล 0.0033% นาย ชาลี พฤทธิพงศ์สิทธิ์ 0.0033% นาย ธีระศักดิ์ อนันต์ 0.0033% นายประดิษฐ์ ศิริรัตนเวคิน 0.0033%

3. บริษัท เอ็นจีวี เท็ค จำกัด จดทะเบียนวันที่ 29 กันยายน 2549 ทุน 4,000,000 ที่ตั้ง 729/147 ชั้น 3 ถนนรัชดาภิเษก แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ ประกอบธุรกิจ ผลิต ติดตั้ง บำรุงรักษาเครื่องยนต์ทุกประเภท นาย ประคัลภ์ ชวัชปรีดิพงษ์ นาย พงศ์ศักดิ์ วิญญูตระกูล เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท นางสาว สกุลรัตน์ ลลิตโรจน์วงศ์ ถือหุ้นใหญ่สุด 28.125% นายประคัลภ์ ธวัชปรีดิพงษ์ 27.375% นายอภิจิต เจริญเวชชการ 25 % นายพงศ์ศักดิ์ วิญญูตระกูล 18.75% นายธีระศักดิ์ อนันต์ 0.25% นายนิสิต กิตติสิทโธ 0.25% นางสาวรสรินทร์ พึ่งแสงจันทร์ 0.25%

4.บริษัท ออพติคอล ไฟเบอร์ โปรดัคท์ (ประเทศไทย) จำกัด จดทะเบียนวันที่ 26 เมษายน 2543 ทุน 5,000,000 บาท ตั้งอยู่ที่ 729/146 ถนนรัชดาภิเษก แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ ประกอบธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์เกี่ยวกับเน็ทเวิร์คและบริการติดตั้ง นายพงศ์ศักดิ์ วิญญูตระกูล และ นายประคัลภ์ ธวัชปรีดิพงษ์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท มีผู้ถือหุ้น 8 ราย โดยบริษัท นิวสตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 99.86% นางสาวจารุมล แซ่จึง 0.02% นาย ดำรงค์ โทมดอน 0.02% นายธีระศักดิ์ อนันต์ 0.02% นายประคัลภ์ ธวัชปรีดิพงษ์ 0.02% นายพงศ์ศักดิ์ วิญญูตระกูล 0.02% นายรังสรรค์ สุวรรณพงษ์ 0.02% นายอัศวิน ประทีปวัฒนะวงศ์ 0.02%

          น่าสังเกตว่าบริษัททั้ง 4 แห่ง ไม่ได้ปรากฏในบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่นายก่อแก้วยื่นแสดงต่อคณะ กรรมการ ป.ป.ช. แต่อย่างใด


คำต่อคำ“ก่อแก้ว”รับโอนหุ้นให้“นอมินี”เสื้อเหลือง –ใช้เอ 4 ทำสัญญากันถูกเบี้ยว

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม 2012 เวลา 20:00 น. เขียนโดย isranews

 

เปิดคำต่อคำ“ก่อแก้ว พิกุลทอง”รับวางแผนโอนหุ้นให้“นอมินี”กลัวถูกฝ่ายตรงข้ามเล่นงานช่วงชุมนุม กลุ่ม นปช. ไว้ใจเพื่อน“เสื้อเหลือง” คิดขายทิ้งแต่ไม่มีคนซื้อ ใช้กระดาษ เอ 4 ธรรมดาทำสัญญากันถูกเบี้ยว อัด กม.บ้าบอคอแตกบีบนักการเมืองซุกทรัพย์สิน

          การที่นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชี รายชื่อพรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แสดงความบริสุทธิ์ใจ ต่อสาธารณะชนในการเข้ารับตำแหน่งทางการเมือง โดยการแจ้งข้อมูลในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประกอบไปด้วย

1. การโอนหุ้นบริษัท นิวสตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จำนวน 112,500 หุ้นรวมมูลค่า 56,458,612.78 บาท ให้หุ้นส่วนธุรกิจสองราย คือ นายประคัลภ์ ธวัชปีดิพงษ์ และ นายพงศ์ศักดิ์ วิญญูตระกูล ถือครองแทน

2. หนังสือสัญญาการถือหุ้นบริษัท นิวสตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จำนวน 112,500 หุ้น แทนกัน ระหว่าง นายก่อแก้ว ในฐานะ “ผู้ถือหุ้น” กับ นายประคัลภ์ และนายพงศ์ศักดิ์ ในฐานะ “ผู้ถือหุ้นแทน” ลงวันที่ 15 มกราคม 2553

3. หนังสือรับรองหนี้ จำนวน 1,159,461 บาท ระหว่าง นายก่อแก้ว ในฐานะ เจ้าหนี้ กับ นายประคัลภ์ และนายพงศ์ศักดิ์ ในฐานะ “ลูกหนี้” ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2554 (วันเดียวกับที่นายก่อแก้ว พิกุลทอง เข้ารับตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย)

          หลายคนสงสัยว่า นายก่อแก้ว มีเหตุผลอะไรถึงต้องเปิดเผยข้อมูลเรื่องหนี้สินแบบละเอียดยิบ?

         เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2555 ที่ผ่านมา นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช. ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด ระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจโอนหุ้น บริษัท นิวสตาร์ฯ ให้หุ้นส่วนทั้งสองคนดูแลแทน เป็นแนวทางการป้องกันไม่ให้ถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองจากฝ่ายตรงข้าม ในช่วงที่ตนร่วมขับเคลื่อนทางการเมืองร่วมกับกลุ่ม นปช. ส่วนการยื่นข้อมูลทั้งหมดต่อ ป.ป.ช. ก็เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการ ที่ต้องเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด

          “ช่วงนั้นการเมืองมันแรงมาก มีการยัดข้อหาใส่ร้ายป้ายสีกันเยอะแยะไปหมด ผมเองไม่ได้บริหารบริษัทให้เพื่อนบริหารแทน .. ผมก็กลัวเขาจะเดือดร้อนก็เลยตัดสินใจโอนหุ้นออกไป ไม่อยากให้คนอื่นรู้ โดยเฉพาะทางฝ่ายตรงกันข้ามทางการเมือง เดี๋ยวเขามากลั่นแกล้งผม เพื่อนผมเขาจะเดือนร้อน”

          นายก่อแก้ว ขยายความต่อไปว่า ในข้อเท็จจริงตนกับหุ้นส่วนธุรกิจบางคน แม้จะมีความขัดแย้งทางการเมือง แต่ก็อยู่ร่วมกันได้

          “หุ้นส่วนของผม..คือเราอยู่กันแบบผมแดง หุ้นส่วนบางคนเขาก็เหลือง.. (หัวเราะ) เราก็อยู่กันแบบสบายๆ แต่ว่า ตอนนั้น ผมโดนเล่นหลายเรื่อง กลัวเขาเดือนร้อนก็เลยโอนหุ้นออก”

          เมื่อถามว่า หุ้นส่วนธุรกิจคนไหนที่เป็นเสื้อเหลือง นายก่อแก้วตอบว่า คุณประคัลภ์ เป็นเสื้อเหลือง คุณพงศ์ศักดิ์ เป็นกลางๆ ส่วนผม เป็นแดง

          นายก่อแก้ว ระบุด้วยว่า เดิมมีความคิดจะขายหุ้นบริษัท นิวสตาร์ฯ ไปทั้งหมด แต่ติดขัดว่าไม่สามารถหาคนมาซื้อต่อได้เลยต้องถือไว้เอง ก่อนจะโอนต่อให้หุ้นส่วนธุรกิจของตนดูแลอีกครั้ง

          “จริงๆ อยากจะขายหุ้นนั่นแหละ อยากขายไปเลย แต่ยังหาคนซื้อไม่ได้ ก็เลยต้องโอนหุ้นไปให้เพื่อนถือแทนไว้ ” 

          เมื่อถามถึง เงื่อนไขจำนวนมาก ที่ระบุในหนังสือรับถือครองหุ้นแทน อาทิ ห้ามขาย ห้ามโอน ห้ามเปลี่ยนมือ ร่วมถึงการฟ้องร้อง นายก่อแก้ว ตอบว่า “ก็ต้องทำซิครับ ต้องทำ..ต้องป้องกัน เพราะถ้าเกิดเขาเอาหุ้นไปทำอย่างอื่น ผมก็ซวยซิ”

          ส่วนเหตุผลที่ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนให้กับหุ้นส่วนทั้งสองคน ในการเข้ามาดูแลหุ้นแทน นายก่อแก้ว ย้ำว่า “จะไปจ่ายทำไม ก็เพื่อนฝูงกันทั้งนั้น อย่าลืมว่าเขารับไป เพราะผมไม่อยากให้เพื่อนผมเดือนร้อน เพราะเขาทำอาชีพสุจริต ถูกไหม ผมเองก็อยากขายหุ้นออกไป แต่มันขายไม่ได้”

          ส่วนข้อสังเกตเรื่องกระบวนการจัดทำหนังสือสัญญารับถือครองหุ้นแทน ว่า ทำจากกระดาษ A4 ธรรมดา ไม่มีตราบริษัทนิวสตาร์ฯ ประทับอยู่ด้วย นั้น นายก่อแก้ว ชี้แจงว่า “ก็เราเป็นเพื่อนกันนะ”

          ก่อนจะขยายความต่อว่า “เรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย ก็เราเป็นหุ้นส่วนกันรู้จักกันมาสิบๆ ปี ตั้งแต่ปี 2536 นี่ก็เกือบยี่สิบปี ผมไม่รู้ข้อกฎหมายนะ แต่กระดาษธรรมดาก็น่าจะใช้ได้ และกระดาษใบมอบอำนาจที่ผมเคยใช้ก็ปริ้นท์ ออกมาจากจากเว็บไซต์ หรือใช้กระดาษธรรมดาในการมอบอำนาจให้คนอื่นก็เยอะ ไม่เห็นมีปัญหาหาอะไร”

          ส่วนข้อสังเกตเรื่องการไม่มีตราบริษัทนิวสตาร์ฯ ประทับในหนังสือรับรองการถือครองหุ้นแทนนั้น นายก่อแก้ว ตอบว่า “มันเป็นเรื่องบุคคล ต่อ บุคคล ไม่ใช่เรื่องของบริษัท... คือหุ้นมันเป็นหุ้นของผม ไม่ใช่หุ้นบริษัท ผมจะทำสัญญาอะไรกับใคร ก็ไม่น่าจะต้องมีโลโก้อะไรนี่ เป็นเรื่องบุคคลต่อบุคคล”

          เมื่อถามย้ำว่า สรุปว่าเจตนาในการโอนหุ้นให้เพื่อนถือครองแทนไว้ เพื่อป้องกันปัญหาทางการเมืองใช่หรือไม่ นายก่อแก้วระบุว่า ขนาดวางไว้แล้วยังโดนเลย

          “แม้ผมจะวางแผนล่วงหน้าไว้แล้ว แต่ตอนชุมนุมก็มีการอายัดบัญชีผม และลามไปอายัดบัญชีบริษัทด้วย ผมก็โดนเพื่อนด่าตะเหลิดเปิดเปิงอยู่ คือ คุณเข้าใจไหม อายัด(เงิน)ผม บริษัทไม่เกี่ยวเขาไม่ได้ยุ่งอะไรด้วยเลย หุ้นส่วนผมคนหนึ่งเสื้อเหลือง เวลามีชุมชนเขาก็ไปชุมชนด้วย แต่เขาก็มาโดนด้วยเขาก็เซ็ง ไม่มีเงินเดือนจ่ายลูกน้อง ถูกอายัดหมด มันเดือดร้อนกันไปหมด”
ส่วนข้อเท็จจริงเรื่องการปล่อยกู้เงินให้กับเพื่อนทั้งสองรายไปลงทุน นั้น นายก่อแก้ว ปฏิเสธที่จะชี้แจงรายละเอียด โดยระบุว่า “โอ้ยๆๆๆ อันนี้มันเรื่องส่วนตัวระหว่างกัน หุ้นส่วนมันก็มียืมกันไปยืมกันมา โอ้ย...อยู่กันมา 20 ปี”

          เมื่อถามย้ำว่า เงินที่กู้ไปมีการลงทุนจริงหรือเปล่า นายก่อแก้ว ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม บอกแต่เพียงว่า “อย่าไปรู้เลย มันเรื่องส่วนตัวๆ”

          เมื่อถามว่า ทำไมหนังสือรับสภาพหนี้ ต้องทำวันเดียวกับวันที่เข้ารับตำแหน่ง ส.ส. คือ วันที่ 2 สิงหาคม 2554 นายก่อแก้ว ตอบว่า “มันต้องแจ้งอยู่แล้วว่าใครเป็นหนี้ใคร มันต้องแจ้งในบัญชีทรัพย์สิน ถ้าผมเป็นหนี้ใครผมก็ต้องลงแจ้งไป แค่นั้นเอง คือ มันเป็นเรื่องที่มีมาก่อน จะทำวันไหนก็ได้”

          ส่วนประเด็นการเข้าไปรับงาน ปตท.จำนวนมาก ของบริษัท นิวสตาร์ฯ นั้น นายก่อแก้ว ชี้แจงว่า ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไรเนื่องจากตนและหุ้นส่วน มีความเชี่ยวชาญงานด้านนี้ มาก่อน จึงทำให้รับงานหลายโครงการ และเข้าร่วมประมูลงานตามระเบียบที่กำหนดไว้ทั้งหมด

          “ผมเป็นวิศวกร เป็นผู้จัดการคลังน้ำมัน ผมอยู่ในสายนี้ อาชีพของผมทำงานรับเหมาในอุตสาหกรรม พวกโรงงานน้ำมัน ผมทำมาหมด เอสโซ่ผมก็ทำ มันอยู่ในฟิวส์ผม หุ้นส่วนผมก็เคยทำงานด้านนี้มาก่อน เป็นผู้จัดการคลังน้ำมัน บริษัทของสหรัฐ เราอยู่ในฟิวส์นี้กันหมด การได้รับงานมาจำนวนมากจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ”

          เมื่อถามว่า บริษัทเครือข่ายของบริษัท นิวสตาร์ฯ มีจำนวนมากหรือไม่ นายก่อแก้ว ตอบว่า “ไม่เยอะ แต่อย่าให้ผมบอกข้อมูลเลย แค่นี่พวกคุณก็เปิดๆ ไป ผมก็ซวยอีก หุ้นส่วนผมก็ด่าผมอยู่เนี่ย”

          เมื่อถามย้ำว่า นอกเหนือหุ้นบริษัท นิวสตาร์ ที่โอนไปให้เพื่อนสองคนถือแทน ยังมีบริษัทอื่นอีกหรือไม่ นายก่อแก้ว ระบุว่า “ผมให้สองคนนั้นถือหุ้นแทนแล้วไม่มีอะไรอีกแล้ว ก็มีแต่ถือหุ้นนิวสตาร์แทน มันเป็นหุ้นของผมเขาถือหุ้นแทน

          เมื่อถามย้ำคำถามเดิม ว่ายังมีบริษัทอื่น ที่โอนหุ้นไปให้เพื่อน หรือคนอื่นถือแทนหรือไม่ นายก่อแก้ว ยืนยันว่า “ไม่มี มีนิวสตาร์อันเดียว หุ้นในตลาดก็ไม่มี ...ไม่กล้าถือเพราะกลัวโดนเหมือนพวก ส.ส.ที่โดนถอดถอนไป”

          ยืนยันว่าแจ้งข้อมูลให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับทราบทั้งหมดแล้วใช่หรือไม่ นายก่อแก้ว ตอบว่า “ต้องแจ้งซิ มีอะไรผมต้องแจ้งหมด ไม่แจ้งเขาก็เล่นผมนะซิ”

          นายก่อแก้ว ยังกล่าวทิ้งทายด้วยว่า “คุณเข้าใจไหมผมอึดอัดมาก เราประกอบอาชีพสุจริต เราจะทำอะไร หนึ่งกลัวถูกกลั่นแกล้ง สองกลัวถูกกฎหมายบ้าบอคอแตก คุณประกอบอาชีพสุจริต มันทำตัวลำบากเวลามาเล่นการเมือง มันอะไรก็ไม่รู้ คุณต้องอย่ามีอาชีพ ต้องไปรวยโดยไปฝากคนโน่นคนนี่ คุณถึงจะอยู่วงการทางเมืองได้ ทุกวันนี้ ผมเห็นเป็นอย่างนั้นจริงๆ”

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์นายประคัลภ์ และนายพงศ์ศักดิ์ เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการรับโอนหุ้นบริษัท นิวสตาร์ ฯ ดังกล่าวแล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ โดยนายประคัลภ์อยู่ระหว่างเดินทางไปทำธุระที่ประเทศลาว


“ก่อแก้ว พิกุลทอง”โอนหุ้นพรวดให้“นอมินี”อีก 2 บ. คราวนี้ไม่แจ้ง ป.ป.ช.!

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม 2012 เวลา 20:00 น. เขียนโดย isranews

          สาวลึกขุมทรัพย์“ก่อแก้ว พิกุลทอง”แกน นปช. กับพวก พบโอนหุ้นปริศนาให้นอมินี-เครือข่ายอีก 2 แห่งคราวเดียว บ.นิวสตาร์ฯ แต่ไม่ปรากฏในบัญชีทรัพย์สิน ป.ป.ช.? ทั้งที่ยื่นก่อตั้งบริษัทด้วยตัวเอง

         กรณีนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินตอนเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2554 ว่า ได้โอนหุ้นบริษัท นิวสตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จำนวน 112,500 หุ้นรวมมูลค่า 56,458,612.78 บาท ให้หุ้นส่วนธุรกิจ 2 ราย (นอมินี) คือ นายประคัลภ์ ธวัชปรีดิพงษ์ และ นายพงศ์ศักดิ์ วิญญูตระกูล ถือครองแทน พร้อมแสดงหนังสือสัญญาการถือหุ้นแทนดังกล่าวเป็นหลักฐานประกอบต่อ ป.ป.ช.อย่างชัดเจน 

          ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบบริษัทในเครือข่ายของนายก่อแก้วและพวกพบว่า นายก่อแก้วมิได้โอนหุ้นเพียง บริษัท นิวสตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพียงแห่งเดียว กลับมีการโอนให้บุคคลอื่นอีก 2 บริษัท ได้แก่

1. บริษัท อินแก๊ส จำกัด จดทะเบียนเวันที่ 31 มีนาคม 2549 ทุนเริ่มต้น 3 ล้านบาทแบ่งออกเป็น 30,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท แจ้งประกอบธุรกิจขายและติดตั้งส่วนประกอบคลังน้ำมัน ระบุที่ตั้งบริษัทไว้เลขที่ 729/147 ชั้น 4 ถนนรัชดาภิเษก แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ (สถานที่ตั้งเดียวกับบริษัท นิวสตาร์ฯ) ปรากฏชื่อนายประคัลภ์ นายพงศ์ศักดิ์ และ นายภูมินทร์ พฤทธิพงศ์สิทธิ์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ

          ผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 28 มีนาคม 2549 จำนวน 7 ราย ประกอบด้วย นายประคัลภ์ จำนวน 8,999 หุ้น เท่ากับนายก่อแก้ว พิกุลทอง 8,999 หุ้น นายพงศ์ศักดิ์ 6,000 หุ้น นายภูมินทร์ 5,999 หุ้น นายชาลี พฤทธิพงศ์สิทธิ์ 1 หุ้น นายธีระศักดิ์ อนันต์ 1 หุ้น และนายประดิษฐ์ ศิริรัตนเวคิน 1 หุ้น

          เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2549 นายประคัลภ์ และนายพงศ์ศักดิ์ ได้ทำหนังสือยืนยันกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่า ได้รับชำระหุ้น จำนวน 3 ล้านบาท จากผู้ถือหุ้นไว้แล้ว และเก็บรักษาเงินจำนวนดังกล่าวไว้ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัท 

          อย่างไรก็ตามวันที่ 30 เมษายน 2553 บริษัท อินแก๊ส จำกัด ได้ทำการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทใหม่ โดยไม่ปรากฏชื่อนายก่อแก้ว พิกุลทอง ร่วมอยู่ด้วย แต่มีนางจารุมล วารีชล เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหม่แทน โดยถือไว้ จำนวน 1 หุ้น
ส่งผลทำให้ นายประคัลภ์ กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เพียงรายเดียว จากเดิม 8,999 หุ้น เพิ่มเป็น 11,999 หุ้น ส่วนนายพงศ์ศักดิ์ ขยับเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง จำนวน 11,998 หุ้น จากที่ถือไว้เดิม 6,000 หุ้น ส่วนผู้ถือหุ้นรายอื่นไม่มีการเปลี่ยนแปลง (ดูรายละเอียดในตาราง)

          จากการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงจำนวนหุ้น ที่นายประคัลภ์ และนายพงศ์ศักดิ์ ได้รับมาเพิ่มเติมพบว่า นายประคัลภ์ มีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น 3,000 หุ้น ส่วนนายพงศ์ศักดิ์ 5,998 หุ้น เมื่อนำไปนับร่วมกับหุ้นของนางจารุมล จำนวน 1 หุ้น ทำให้มีจำนวนหุ้นทั้งหมดอยู่ที่ 8,999 หุ้น เท่ากับจำนวนหุ้นที่นายก่อแก้ว ถือไว้เดิมก่อนหน้านี้ หรือ คิดเป็นจำนวนเงิน 899,900 บาท (ตามมูลค่าหุ้น)

          ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท อินแก๊ส จำกัด เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2553 เป็นวันเดียวกันกับบริษัท นิวสตาร์ มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่

2.บริษัท ออพ ติคอลไฟเบอร์ โปรดัคท์ (ประเทศไทย) จำกัด จดทะเบียนวันที่ 26 เมษายน 2543 ประกอบธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์เกี่ยวกับเน็ทเวิร์คและบริการติดตั้ง ทุน 1 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหนึ่งแสนหุ้น ๆ ละ 10 บาท ตั้งอยู่ที่ 289/539 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพ ซึ่งนายก่อแก้ว ระบุว่าเป็นที่อยู่อาศัยของตนเอง ปรากฏรายชื่อผู้ถือ 8 ราย ประกอบด้วย บริษัทนิวสตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ถือหุ้นใหญ่ 99,300 หุ้น นายก่อแก้ว 100 หุ้น นายประคัลภ์ 100 หุ้น นายพงศ์ศักดิ์ 100 หุ้น นายรังสรรค์ สุวรรณพงษ์ 100 หุ้น นายธีระศักดิ์ อนันต์ 100 หุ้น นายดำรงค์ โทมดอน 100 หุ้น นางจารุมล แซ่จึง 100 หุ้น

          ต่อมาวันที่ 15 มิถุนายน 2544 บริษัท ออพติคอลฯ ได้ทำเรื่องขอเพิ่มทุนบริษัทขึ้นอีก 4 ล้านบาท รวมเป็น 5 ล้านบาท ก่อนจะทำเรื่องเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่บริษัท มาเป็นเลขที่ 729/146 ถนนรัชดาภิเษก แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร (ที่เดียวกับบริษัทนิวสตาร์ บริษัทอินแก๊ส และบริษัทอื่นในเครือข่าย) ในวันที่ 19 สิงหาคม 2547

          จากนั้น วันที่ 26 เมษายน 2548 บริษัท ออพติคอลฯ ได้ทำเรื่องขอเปลี่ยนแปลงตัวกรรมการใหม่ โดยนายก่อแก้ว ได้ยื่นหนังสือลาออก เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2548 ทำให้กรรมการผู้มีอำนาจบริษัทเหลือเพียงแค่ 2 คน คือ นายประคัลภ์ และนายพงศ์ศักดิ์

          ต่อมาวันที่ 1 กันยายน 2551 บริษัท ออพติคอลฯ ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ โดยนายอัศวิน ประทีปวัฒนะวงศ์ เข้ามาถือหุ้นจำนวน 100 หุ้น แทนนายก่อแก้ว ส่วนผู้ถือหุ้นไม่มีเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ นายก่อแก้วระบุ ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ว่า ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ออพติคอลฯ ตั้งแต่ปี 2543 -2553 แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดการลงทุนในบริษัทแห่งนี้ จำนวน 100 หุ้น แต่อย่างใด

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่มีการจัดตั้งบริษัท นายก่อแก้วเป็นผู้ยื่นเรื่องของจองชื่อบริษัท ทั้ง 2 แห่ง ต่อจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าด้วยตัวเอง บริษัท ออพติคอลฯ จองเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2543 ส่วน บริษัท “อินแก๊ส” จองเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2549

          น่าสังเกตว่า การโอนหุ้นของนายก่อแก้วให้เพื่อนและบุคคลอื่นใน 2 บริษัทดังกล่าว ไม่ปรากฏว่ามีการแจ้งในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เหมือนกรณี บริษัท นิวสตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด แต่อย่างใด

 

ตารางการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท อินแก๊ส จำกัด

ที่มา:กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ,สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รวบรวม

 

ตางรางการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท ออพ ติคอลไฟเบอร์ โปรดัคท์ (ประเทศไทย) จำกัด

ที่มา:กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ,สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รวบรวม


สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : เปิดสัญญาลับ ก่อแก้ว โอนหุ้นให้ นอมินี กระดาษเอ4 ไร้ค่าตอบแทน

view