สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เปิดพยานแก้รธน.ด่านแรก...เพื่อไทยสยิว

เปิดพยานแก้รธน.ด่านแรก...เพื่อไทยสยิว

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย

ตลอดทั้งสัปดาห์นี้คงจะไม่มีเรื่องไหนร้อนเท่ากับประเด็นการแก้ไขรัฐ ธรรมนูญ โดยศาลรัฐธรรมนูญเตรียมเปิดบัลลังก์ไต่สวนคำร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ระหว่างวันที่ 5-6 ก.ค.นี้ เรียกได้ว่าถนนทุกสายมุ่งสู่ศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้ง

ตามขั้นตอนที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ มีดังนี้

วันที่ 5 ก.ค. ฝ่ายผู้ร้อง ประกอบด้วย พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สว.สรรหา วันธงชัย ชำนาญกิจ วิรัตน์ กัลยาศิริ สส.สงขลา วรินทร์ เทียมจรัส อดีต สว.สรรหา และ บวร ยสินทร เครือข่ายราษฎรอาสาปกป้องสถาบัน จะแถลงคดีด้วยวาจาและนำพยานฝ่ายตัวเองมาให้ข้อมูลต่อศาลรัฐธรรมนูญ

วันที่ 6 ก.ค. เป็นคิวของผู้ถูกร้อง ได้แก่ ประธานรัฐสภา คณะรัฐมนตรี สุนัย จุลพงศธร สส.พรรคเพื่อไทย และ ภราดร ปริศนานันทกุล สส.พรรคชาติไทยพัฒนา จะใช้สิทธิแถลงคดีด้วยวาจาและนำพยานมาหักล้างข้อกล่าวหา

ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่พยานของผู้ร้อง ซึ่งล้วนเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับปี 2540 และ 2550 แทบทั้งสิ้น

ไม่ว่าจะเป็น สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย สว.สรรหา อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) 2550 ไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ อดีต ส.ส.ร.50 สมคิด เลิศไพฑูรย์ อดีต ส.ส.ร.40 และเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ 2550 และ อานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี และประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งรายหลังสุดได้ขอถอนตัวไปแล้ว เพราะไม่ทราบเรื่อง

การเปิดรายชื่อพยานกลุ่มนี้ออกมาได้สร้างความหวั่นไหวให้กับพรรคเพื่อไทย ไม่น้อย เพราะพรรคเพื่อไทยได้ปักใจเชื่อแล้วว่า คนกลุ่มนี้จะให้ข้อมูลชี้นำในระหว่างการพิจารณาคำร้องในชั้นศาลให้คล้อยตาม ว่า กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 291 ที่ได้พิจารณากันในรัฐสภาเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว จนเป็นเรื่องราวใหญ่โต เข้าข่ายล้มล้างการปกครองตามนัยมาตรา 68 จริง

ที่สำคัญบุคคลเหล่านี้ล้วนมีต้นทุนสูงในด้านการให้ความเห็นทางกฎหมายรัฐ ธรรมนูญ ซึ่งสามารถแจกแจงและแสดงให้เห็นถึงจุดบกพร่องของการแก้ไขมาตรา 291 ได้ทั้งระบบ

สุรชัย เป็นบุคคลที่ออกมาเปิดประเด็นให้สังคมทราบถึงเจตนารมณ์มาตรา 68 ว่าประชาชนมีสิทธิในการยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญได้ โดยการอ้างอิงบันทึกการประชุม ส.ส.ร. 2540 และ 2550

ไพบูลย์ ก่อนมาดำรงตำแหน่งกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในปัจจุบันนั้น ในอดีตเคยนั่งตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ

แน่นอนว่า ย่อมเข้าใจกระบวนการรับคำร้องและวิธีการวินิจฉัยคดีเป็นอย่างดี ทำให้เป็นคีย์แมนสำคัญอีกรายที่จะมาย้ำถึงความชอบธรรมของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อหักล้างข้อกล่าวหาของผู้ถูกร้องว่า ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องให้ศาลโดยตรง

สมคิด อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผลงานด้านรัฐธรรมนูญถือว่าเป็นที่ยอมรับจากสังคมอย่างสูง โดยเคยเป็นผู้ช่วยเลขานุการ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ 2540 และเลขานุการ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ 2550

การเข้ามาเป็นหนึ่งในบัญชีพยานของฝ่ายผู้ร้องของอาจารย์สมคิด มีผลต่อการชี้ขาดว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 จะผ่านด่านศาลรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ หลังจากอดีตนายกฯ อานันท์ ได้ขอถอนตัวจากการเป็นพยาน ซึ่งล่าสุดนักวิชาการด้านรัฐธรรมนูญรายนี้ได้ออกแสดงความคิดเห็นต่อกรณีดัง กล่าวแล้ว

“ในฐานะที่ผมเป็นเลขานุการ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 จำได้ว่า กมธ.ยกร่างได้มีการพูดถึงเจตนารมณ์ในการยกร่างมาตรา 291 โดยไม่ต้องการให้มีการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จึงกำหนดข้อห้ามในการตั้ง ส.ส.ร.เอาไว้ ซึ่งคงต้องไปดูข้อกฎหมายเพื่อไปชี้แจงต่อศาลต่อไป”

ขณะที่ฝ่ายเพื่อไทย ประกอบด้วย

ยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย รับผิดชอบในการให้ข้อมูลว่า เจตนาของพรรคเพื่อไทยต่อการเสนอร่างรัฐธรรมนูญเข้ารัฐสภา ไม่ได้ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขเป็นระบอบอื่น

โภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภาและรองประธานศาลปกครอง ปัจจุบันเป็นมือกฎหมายสำคัญของพรรคเพื่อไทย ส่วน พิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยทั้งในทางตรงและทางอ้อม แต่ต้องขึ้นศาลรัฐธรรมนูญในนามตัวแทนของส่วนราชการนิติบัญญัติ มีหน้าที่เป็นฝ่ายธุรการให้กับ กมธ.พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550

เทียบตัวพยานบุคคลแบบตัวต่อตัวแล้ว ต้องยอมรับว่าฝ่ายพรรคเพื่อไทยต้องเกิดความหนักใจแน่นอน เพราะในอดีตเคยมีบทเรียนมาแล้วว่า การให้ข้อมูลของฝ่ายพยานผู้ยื่นฟ้องสามารถเปลี่ยนจากผู้ชนะกลายเป็นผู้แพ้ ได้ทันที

เหมือนกับที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ให้น้ำหนักกับข้อมูลของ สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ รองประธานมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และ สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีต ปลัดกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการออก พ.ร.ก.แปลงสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต ที่มีผลต่อการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จนนำมาสู่การยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ 4.6 หมื่นล้านบาท

“นับว่าพยานทั้งสองเป็นผู้ที่มีความรู้ในเรื่องภาษีสรรพสามิต เพราะสถิตย์เคยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิตมาก่อน ส่วนสมเกียรติเป็นผู้ทำงานวิจัย ทั้งส่วนบุคคลและร่วมกับกลุ่มนักวิชาการมาเป็นเวลาถึง 14 ปี มีผลงานวิจัยมากกว่า 100 เรื่อง น่าเชื่อว่าพยานมีความรู้ในการเก็บภาษีสรรพสามิตเป็นอย่างดี...” ส่วนหนึ่งของคำพิพากษาศาลฎีกาฯ วันที่ 26 ก.พ. 2553 แสดงให้เห็นถึงการให้น้ำหนักในความเห็นของพยาน

ดังนั้น อย่าได้แปลกใจว่าทำไมการเดินหมากของพรรคเพื่อไทยในเวลานี้ถึงต้องทำลายความ น่าเชื่อถือของพยานฝ่ายผู้ร้องทุกทาง โดยเฉพาะอาจารย์สมคิด ผ่านการใช้ข้อกล่าวหาว่ามีความเชื่อมโยงทางอ้อมกับการรัฐประหาร 2549 เนื่องจากต้องการชี้นำสังคมให้เห็นว่า บุคคลเหล่านี้เป็นปฏิปักษ์กับพรรคเพื่อไทย หมายความว่าการให้ข้อมูลย่อมแฝงไปด้วยอคติด้วย

เป็นแผนเดิมที่พรรคเพื่อไทยเคยใช้ต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา


ณัฐวุฒิจี้สมคิดถอนตัวพยาน

จาก โพสต์ทูเดย์

"ณัฐวุฒิ"ปราศรัยถล่ม"สมคิด"จี้ถอนตัวพยานผู้ร้อง คดีแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าข่ายล้มการปกครอง
   

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ปราศรัยบนเวทีพรรคเพื่อไทย "ทำไมต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำไมต้องปรองดอง" ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลลาดพร้าวว่า ขอเรียกร้องให้นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะอดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ถอนตัวออกจากการเป็นพยานผู้ร้องกรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยการแก้ไข รัฐธรรมนูญเข้าข่ายล้มล้างการปกครองตามมาตรา 68 เนื่องจากนายสมคิดในฐานะพยานมีส่วนได้ส่วนเสียกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญซึ่ง ทำหน้าที่ไต่สวนและวินิจฉัย

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า อยากถามว่าการแต่งตั้งนางฉัตรแก้ว เลิศไพฑูรย์ ภรรยานายสมคิดขึ้นเป็นรักษาการผอ.สำนักประธานศาลรัฐธรรมนูญนั้นเป็นการวาง มัดจำไว้ก่อนใช่หรือไม่ ในคดีสำคัญระดับประเทศกลับปล่อยให้ศาลซึ่งมีหน้าที่วินิจฉัยมีผลประโยชน์ เกี่ยวข้องกับพยาน ดังนั้นเพื่อความสง่างามนายสมคิดต้องถอนตัว

อนึ่ง การแต่งตั้งโยกย้าย นางฉัตรแก้ว เลิศไพฑูรย์ ขึ้นเป็นรักษาการผอ.สำนักประธานศาลรัฐธรรมนูญ  ซึ่งภรรยาของ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อดีต ส.ส.ร.40 และเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ 2550 หนึ่งในพยานฝ่ายผู้ร้องคดีข้อกล่าวหาล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย มาตรา 68 เป็นการเลื่อนตำแหน่งตามขั้นตอน


สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : เปิดพยาน แก้รธน.ด่านแรก เพื่อไทยสยิว

view