สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ศาลอุทธรณ์ยืนยกฟ้อง ผจก. หมิ่น มติชน

ศาลอุทธรณ์ยืนยกฟ้อง"ผจก."หมิ่น"มติชน

จาก โพสต์ทูเดย์

ศาลอุทธรณ์ยืนยกฟ้องคดีมติชนกล่าวหา ASTVผู้จัดการหมิ่นประมาทจากบทความ"มติชนกับการล้มกษัตริย์" 

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอุทธรณ์ได้นัดฟังคำสั่งคดีที่บริษัทมติชน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ กับพวกรวม6คน เป็นจำเลย ฐานหมิ่นประมาทและพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 กรณีร่วมกันใส่ความด้วยการนำบทความเรื่อง "มติชนกับการล้มกษัตริย์" ไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ เหตุกเกิดเมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2553 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน

ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วให้ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ไม่เป็นการเผยพิมพ์และเผยแพร่ข้อความเพื่อใส่ความโจทก์อันเป็นความผิดฐาน หมิ่นประมาท การกระทำของจำเลยเป็นการเสนอบทความในลักษณะเป็นการตั้งคำถามสงสัย ด้วยความกังวลห่วงใยการเสนอข่าว หรือบทความเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์โดยสุจริต ตามเหตุตามผลที่ประชาชนทั่วไปย่อมสามารถแสดงความคิดเห็นได้ มิได้มีลักษณะเป็นการยืนยันข้อเท็จจริง ว่า “โจทก์กระทำการล้มกษัตริย์ หรือ เชื่อว่าโจทก์มีพฤติกรรมล้มกษัตริย์ล้มเจ้า” อันเป็นการใส่ความโจทก์แต่อย่างใด 


ศาลอุทธรณ์ยืน ASTVผู้จัดการไม่หมิ่นกรณีเขียนบทความ “มติชนกับการล้มกษัตริย์”

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องคดีที่ “มติชน” ฟ้องหมิ่น “ASTVผู้จัดการ” จากบทความ “มติชนกับการล้มกษัตริย์” ชี้การนำเสนอบทความเป็นแค่การแสดงความคิดเห็นของประชาชนตามเหตุโดยสุจริต ส่วนข้อความที่ล้มเจ้าเป็นเพียงการคาดคะเนหรือสงสัย ประชาชนย่อมสามารถแสดงความคิดเห็นได้       วันนี้ (11 ธ.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอุทธรณ์ได้นัดฟังคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ อ.1795/2553 ที่ตัวแทนบริษัทมติชน จำกัด (มหาชน) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุรวิชช์ วีรวรรณ คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ ที่ 1, นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ ที่ 2, บริษัท เอเอสทีวีผู้จัดการ จำกัด ที่ 3, บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) ที่ 4, บริษัท ผู้จัดการจัดจำหน่าย จำกัด ที่ 5, บริษัท เอธนิค เอิร์ธ ดอท คอม โอลดิ้ง จำกัด ที่ 6 เป็นจำเลย ฐานหมิ่นประมาทและพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
       
       คำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2553 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 6 ได้บังอาจร่วมกันใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยการโฆษณาด้วยการนำบทความ เรื่อง “มติชนกับการล้มกษัตริย์” ที่จำเลยที่ 1 เขียนใส่ร้ายโจทก์ออกเผยแพร่ด้วยตัวอักษรลงในเว็บไซต์ชื่อ www.manager.co.th และในเว็บไซต์ชื่อ www.astvmanager.com ซึ่งมีจำเลยที่ 3 เป็นเจ้าของกิจการหรือผู้ให้บริการ และมีจำเลยที่ 6 เป็นผู้ควบคุมคัดเลือกเผยแพร่และรับผิดชอบข้อมูลในเว็บไซต์ทั้งสองดังกล่าว
       
       ต่อมาเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2553 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ได้บังอาจร่วมกันใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน อีกกระทงหนึ่ง กล่าวคือจำเลยที่ 1 เป็นคอลัมนิสต์เขียนบทความลงในคอลัมน์ “หน้ากระดานเรียงห้า” หน้าที่ 12 มีถ้อยคำบทความว่า “มติชนกับการล้มกษัตริย์” มีเนื้อหายืนยันว่าโจทก์กระทำการล้มกษัตริย์ และยังโน้มน้าวให้ผู้อ่านเชื่อว่าโจทก์มีพฤติกรรมล้มกษัตริย์ล้มเจ้า อันเป็นความ ซึ่งจำเลย 2 เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดทำและควบคุมเนื้อหาที่ลงในหนังสือพิมพ์และมีจำเลย ที่ 3 เป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ ย่อมต้องรู้เห็นเป็นใจกับจำเลยที่ 1 เพื่อใส่ร้ายโจทก์ดังกล่าวและบทความที่นายสุรวิชช์ วีรวรรณ จำเลยที่ 1 เขียนดังกล่าวเป็นความเท็จทั้งสิ้น ความจริงโจทก์ไม่เคยกระทำการล้มกษัตริย์หรือล้มเจ้าตามที่ได้ถูกจำเลยทั้ง หมดใส่ความดังกล่าว เหตุเกิดที่แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร และแขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร และทุกตำบล ทุกอำเภอ ทั่วราชอาณาจักรไทย โจทก์มิได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพราะประสงค์จะดำเนินคดีนี้ด้วยตนเอง
       
       ศาลพิเคราะห์แล้วให้ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้องคดีนี้โดยระบุว่า ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งหกหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ด้วยถ้อยคำบทความอันเป็น เท็จ ตามที่กล่าวในคำฟ้องนั้น การใส่ความ ตาม ป.วิอาญา มาตรา 326, 328 จะต้องมีลักษณะเป็นการยืนยันข้อเท็จจริง หรือความเห็นเกี่ยวกับบุคคลและบทความใดจะเป็นเท็จ ต้องมีข้อความที่เป็นจริงเสียก่อนจึงจะนำมาเปรียบเทียบให้เห็นเป็นความเท็จ ได้
       
       การกระทำของจำเลยเป็นการเสนอบทความในลักษณะเป็นการตั้งคำถามสงสัย ด้วยความกังวลห่วงใยการเสนอข่าว หรือบทความเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์โดยสุจริต ตามเหตุตามผลที่ประชาชนทั่วไปย่อมสามารถแสดงความคิดเห็นได้ มิได้มีลักษณะเป็นการยืนยันข้อเท็จจริง ว่า “โจทก์กระทำการล้มกษัตริย์ หรือเชื่อว่าโจทก์มีพฤติกรรมล้มกษัตริย์ล้มเจ้า” อันเป็นการใส่ความโจทก์แต่อย่างใด ดังนั้นการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการเผยพิมพ์และเผยแพร่ข้อความเพื่อใส่ ความโจทก์อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามที่โจทก์ฟ้อง
       
       ส่วนที่โจทก์ฟ้องประเด็นว่าจำเลยนำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบ คอมพิวเตอร์ เมื่อข้อความมิได้เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงแต่อย่างใด จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานนี้ และไม่มีมูลความผิดทางอาญา จึงพิพากษายกฟ้อง
       
       อย่างไรก็ดี ต่อมาคดีนี้ บริษัท เอเอสทีวีผู้จัดการ ได้ดำเนินการฟ้องกลับมติชนแล้ว กรณีที่หนังสือพิมพ์มติชนได้นำคำฟ้องไปตีพิมพ์และกล่าวหาว่าเอเอสทีวีผู้ จัดการกล่าวเท็จอยู่เป็นนิจ ซึ่งศาลได้รับฟ้องไว้แล้ว


คำต่อคำ : ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง “มติชน” ฟ้อง “ASTVผู้จัดการ”

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

       เผยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องคดี “มติชน” ฟ้องหมิ่น “ASTVผู้จัดการ” จากบทความ “มติชนกับการล้มกษัตริย์” ระบุผู้เขียนบทความวิเคราะห์ความเห็น เปรียบเทียบถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในต่างประเทศ มีลักษณะห่วงผลกระทบต่อสถาบัน ประชาชนทุกหมู่เหล่ามีสิทธิที่จะวิตกต่อสถานการณ์และแสดงความคิดเห็นได้ มิใช่เจตนาจงใจหมิ่นประมาท

    คำพิพากษา
       
       

คดีหมายเลขดำที่ ๑๖๖๔/๒๕๕๔
       คดีหมายเลขแดงที่ ๘๘๘๕/๒๕๕๕


       


       ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์
       
       ศาลอุทธรณ์
       
       วันที่ ๓๑ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
       
       ความอาญา


       
       

บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) โจทก์


       
       ระหว่าง
       
       

นายสุรวิชช์ วีรวรรณ ที่๑
       นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ ที่ ๒
       บริษัท เอเอสทีวีผู้จัดการ จำกัด ที่ ๓
       บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) ที่ ๔
       บริษัท ผู้จัดการจัดจำหน่าย จำกัด ที่ ๕
       บริษัท เอธนิค เอิร์ธ ดอท คอม โฮลดิ้ง จำกัด ที่ ๖ จำเลย


       
       เรื่อง หมิ่นประมาท ความผิดต่อพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
       
       (ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง)
       
       โจทก์ อุทธรณ์คำพิพากษา ศาลอาญา
       
       ลงวันที่ ๑๕ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔
       
       ศาลอุทธรณ์รับวันที่ ๒๗ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๔
       
       โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชนจำกัด มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการโรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือจำหน่าย และออกหนังสือพิมพ์รายวัน โจทก์เป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์มติชนรายวันและมติชนออนไลน์ จำเลยที่ ๑ เป็นผู้เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวันในคอลัมน์ "หน้ากระดานเรียงห้า" และเขียนบทความลงใน www.manager.co.th และ www.astvmanager.com จำเลยที่ ๒ เป็นบรรณาธิการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน จำเลยที่ ๓ มีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด เป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวันและผู้จัดการออนไลน์ จำเลยที่ ๔ มีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัมหาชนจำกัด ประกอบกิจการโรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือพิมพ์ จำเลยที่ ๕ มีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน จำเลยที่ ๖ มีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ประกอบกิจการพัฒนาเว็บไซต์ทางอินเตอร์เน็ต เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๓ เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ และที่ ๖ ร่วมกันใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยการโฆษณาด้วยการนำบทความเรื่อง "มติชนกับการล้มกษัตริย์" ของจำเลยที่ ๑ ออกเผยแพร่ใน www.manager.co.th และ www.astvmanager.com ซึ่งเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓ เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๕ ร่วมกันใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ในหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน โดยจำเลยที่ ๑ เขียนบทความลงในคอลัมน์ "หน้ากระดานเรียงห้า" หน้า ๑๒ มีถ้อยคำบทความว่า "มติชนกับการล้มกษัตริย์" บทความดังกล่าวมีเนื้อหายืนยันว่าโจทก์กระทำการล้มกษัตริย์ และยังโน้มน้าวให้เชื่อว่าโจทก์มีพฤติกรรมล้มกษัตริย์อันเป็นความเท็จ การกระทำดังกล่าวของจำเลยทั้งหกเป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง เหตุเกิดที่แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร และทุกตำบล ทุกอำเภอ ทั่วราชอาณาจักร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๘๔, ๘๖, ๙๐, ๙๑, ๓๒๖, ๓๒๘ พระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๔ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๓, ๑๔ และ ๑๕ ให้จำเลยทั้งหกลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ กรุงเทพธุรกิจ คมชัดลึก ไทยโพสต์ บ้านเมือง และสยามรัฐ ติดต่อกันเป็นเวลา ๑๕ วัน ด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยทั้งหก
       
       ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
       
       โจทก์อุทธรณ์
       
       ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ตามทางไต่สวนมูลฟ้องโจทก์นำสืบว่า โจทก์มีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชนจำกัด มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการโรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือ และออกหนังสือพิมพ์รายวัน ตามหนังสือรับรองเอกสารหมาย จ.๑ โจทก์เป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ตามใบรับแจ้งความตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.๒๔๘๔ เอกสารหมาย จ.๒ และเป็นเจ้าของกิจการมติชนออนไลน์ที่ให้บริการผ่านเว็บไซต์ www.matichon.co.th ตามใบแสดงรายละเอียดแสดงการลงทะเบียนชื่อเว็บไซต์เอกสารหมาย จ.๓ โจทก์ให้ความสำคัญกับการนำเสนอข่าวการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมจนได้รับรางวัลหลายครั้ง เช่น รางวัลการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับชุมชนพอเพียงจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) รางวัลข่าวดีเด่นจากมูลนิธิอิศรา อมันตกุล นอกจากนี้โจทก์ยังจัดพิมพ์หนังสือเทิดพระเกียรติหลายเล่ม และจัดกิจกรรมในวโรกาสสำคัญต่างๆ ตามรายชื่อหนังสือเอกสารหมาย จ.๔ ภาพถ่ายนิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหมาย จ.๕ และภาพข่าวหมาย จ.๖ จำเลยที่ ๑ เป็นผู้เขียนบทความลงในคอลัมน์ "หน้ากระดานเรียงห้า" ของหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน เป็นนักเขียนใน www.manager.co.th และ www.astvmanager.com จำเลยที่ ๒ เป็นบรรณาธิการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน จำเลยที่ ๓ มีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ประกอบกิจการออกหนังสือพิมพ์ ตามหนังสือรับรองเอกสารหมาย จ.๗ กับเป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวันและผู้จัดการอ อนไลน์ ตามใบแสดงรายละเอียดการลงทะเบียนชื่อเว็บไซต์ เอกสารหมายเลข จ.๘ และ จ.๙ จำเลยที่ ๔ มีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัมหาชนจำกัด ประกอบกิจการโรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือเอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน ตามหนังสือรับรองเอกสารหมายเลข จ.๑๐ จำเลยที่ ๕ มีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ประกอบกิจการรับจ้างจัดจำหน่ายหนังสือ เป็นผู้จัดจำหน่ายหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน ตามหนังสือรับรองเอกสารหมาย จ.๑๑ จำเลยที่ ๖ มีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด เป็นผู้ควบคุมและดูแลจัดการ จัดทำ ตรวจแก้ คัดเลือก เผยแพร่ และรับผิดชอบข้อมูลในเว็บไซต์ www.manager.co.th และ www.astvmanager.com ตามหนังสือรับรองเอกสารหมาย จ.๑๓ ระหว่างวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓ เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยที่ ๑ เขียนบทความนำเสนอเรื่อง "มติชนกับการล้มกษัตริย์" ออกเผยแพร่ด้วยตัวอักษรลงในเว็บไซต์ www.manager.co.th และ www.astvmanager.com ตามเอกสารหมาย จ.๑๔ และ จ.๑๕ และลงพิมพ์ในหน้า ๑๒ ของหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน ตามเอกสารหมาย จ.๑๒ มีเนื้อหายืนยันว่าโจทก์กระทำการล้มกษัตริย์และโน้มน้าวให้ผู้อ่านเชื่อว่า โจทก์มีพฤติการณ์ล้มกษัตริย์ อันเป็นความเท็จ การเสนอข่าวทางอินเทอร์เน็ตเป็นการกระทำของจำเลยที่ ๑ โดยมีจำเลยที่ ๓ เป็นผู้สนับสนุน และจำเลยที่ ๖ เป็นผู้พัฒนาเว็บไซต์ในระบบคอมพิวเตอร์ ส่วนการลงพิมพ์บทความของจำเลยที่ ๑ ในหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวันนั้น มีจำเลยที่ ๒ เป็นบรรณาธิการ จำเลยที่ ๓ เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ จำเลยที่ ๔ เป็นผู้พิมพ์หนังสือ และจำเลยที่ ๕ เป็นผู้จัดจำหน่าย เหตุที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ล้มกษัตริย์มาจากการที่โจทก์นำเสนอบทความเรื่อง วิเคราะห์ รบ.ใช้หมายจับข้อหาก่อการร้าย เด็ดปีก ทักษิณ แต่คำถามคือ ถ้าจับได้จริง จะเอาคุกที่ไหนขัง? เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๓ โดยบทความดังกล่าวนำเสนอว่าจะนำคุกที่ไหนขังพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะคาดว่าเรือนจำดังกล่าวอาจถูกคนเสื้อแดงปิดล้อมแลลคุกบาสตีย์ ตามข่างหนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์ เอกสารหมาย จ.๑๗ และการเสนอบทความเกี่ยวกับกษัตริย์เนปาล
       
       พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การเขียนบทความและการเผยแพร่บทความในเว็บไซต์ตลอดจนตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ ของจำเลยต่างๆ นั้น ผู้เขียนบทความเขียนในทำนองวิเคราะห์ความเห็นของตนและเปรียบเทียบถึง เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในต่างประเทศ มิใช่เขียนยืนยันว่าโจทก์กระทำการเช่นนั้นตามชื่อเรื่องของบทความ เป็นการเขียนและเผยแพร่บทความในลักษณะห่วงผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่เคารพเทิดทูนของปวงชนชาวไทย ซึ่งประชาชนทุกหมู่เหล่ามีสิทธิที่จะวิตกต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น และมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นได้ เป็นการเขียนบทความในลักษณะสงสัยในเจตนาของโจทก์ที่นำเสนอบทความว่าโจทก์มี เจตนาเช่นไรเท่านั้น มิใช่เป็นการสร้างความเท็จขึ้นมายืนยันใส่ร้ายโจทก์ การเขียนบทความและการเผยแพร่บทความของจำเลยทั้งหก จึงมิใช่เป็นการเจตนาจงใจหมิ่นประมาทโจทก์ จึงไม่มีมูลเป็นความผิดตามฟ้อง คำพิพากษาศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยไว้ละเอียดชัดแจ้งชอบด้วยเหตุผลแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะเปลี่ยนแปลงแก้ไข
       
       อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
       
       พิพากษายืน
       
       นายคัมภีร์ กิตติปริญญาพงศ์
       
       นายวิชัย ศิริแสงทอง
       
       นางพรรณราย อักษรารัตนานนท์


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ศาลอุทธรณ์ยืน ยกฟ้อง ผจก. หมิ่น มติชน

view