สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ชาวเน็ตกังขา สรยุทธ์ แจกลายเซ็นป้ายร้องปล่อยตัว สมยศ นักโทษหมิ่นสถาบัน

ชาวเน็ตกังขา สรยุทธ์ แจกลายเซ็นป้ายร้องปล่อยตัว สมยศ นักโทษหมิ่นสถาบัน

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

ภาพที่เฟซบุ๊ก Ikkyu Ungkokuji จับภาพเอาไว้ได้
พบภาพ “สรยุทธ์” พร้อมพิธีกรถ่ายภาพหมู่กับผู้ชมชาวพะเยา มีป้ายร้องปล่อยตัว “สมยศ” บก.วอยซ์ออฟทักษิณ ที่ติดคุกคดีหมิ่นสถาบัน กังขาเหมาะสมหรือไม่ ภายหลัง เด็ก ม.ปลายเสื้อแดงเจ้าของภาพเผยเขียนก่อน ให้ทีมงานเรื่องเล่าเช้านี้ถ่ายรูป แถแค่เอาภาพขึ้นคัฟเวอร์ แล้วถูกดึงภาพแชร์ไป โวยแค่คิดต่างทำไมมีปัญหา
       
       วันนี้ (26 ม.ค.) มีรายงานว่า ในเฟซบุ๊กได้มีการแชร์ภาพหมู่พิธีกรรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ประกอบด้วย นายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา, นายเจริญพร อ่อนละม้าย หรือ โก๊ะตี๋ อารามบอย และนางสาวพิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ หรือน้องไบร์ท ซึ่งถ่ายภาพพร้อมกับประชาชนที่เข้ามาชมการจัดรายการสดที่ริมกว๊านพะเยา อ.เมืองฯ จ.พะเยา เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมา
       
       โดยหนึ่งในนั้นมีนายกวินวุฒิ (ขอสงวนนามสกุล) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนประชาบำรุง จ.พะเยา ได้ชูป้ายข้อความ “112 Free SOMYOT” พร้อมลายเซ็นนายสรยุทธ์ ซึ่งหมายถึงนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตบรรณาธิการนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ และแกนนำกลุ่ม 24 มิถุนา เพื่อประชาธิปไตย ที่ศาลมีคำพิพากษาในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นและแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ และองค์รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 สั่งจำคุก 10 ปีโดยไม่รอลงอาญา
       
       ภาพดังกล่าวเป็นที่วิจารณ์ในโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างกว้างขวาง และถูกตั้งข้อสังเกตถึงจุดยืนทางการเมืองของนายสรยุทธ์ ว่าภาพดังกล่าวเป็นเพียงการถ่ายภาพกับผู้ชมที่จัดรายการสดเพียงอย่างเดียว หรือนายสรยุทธ์มีแนวคิดสนับสนุนให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่นและแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ และองค์รัชทายาทหรือไม่ เพราะนายสรยุทธ์เซ็นชื่อตัวเองในแผ่นกระดาษที่ระบุถึงข้อเรียกร้องให้ปล่อย ตัวนายสมยศ ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงได้เคลื่อนไหวเรียกร้องก่อนหน้านี้
       
       อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้นามแฝง “Ikkyu Ungkokuji” ระบุว่า ผู้ใช้นามแฝง “Banlang Chang” ได้ไปถามเด็กที่ชูป้าย ได้คำตอบมาว่า “น้องเขาให้สรยุทธ์เซ็นต์ก่อน แล้วเขียน 112 FREE SOMYOT ทีหลัง” แต่ปรากฎว่าภายหลัง ผู้ใช้นามแฝง “Burn Noppachai” ได้โพสต์ข้อความที่อ้างว่ามาจากนายกวินวุฒิ ซึ่งเป็นเจ้าของรูป ระบุว่า
       
       1 เรื่องลายเซ็นต์ ผมเขียนคำว่าฟรีสมยศก่อน และเมื่อถึงเวลาที่ทีมงานเปิดโอกาสให้แฟนรายการได้ขอลายเซ็น ผมจึงให้คุณสรยุทธ เซ็นครับ ดังนั้นประเด็นเขียนฟรีสมยศ ก่อนหรือหลัง ผมจึงเขียนก่อนครับ
       
       2 ผู้ที่ถ่ายรูป คือทีมงานเรื่องเล่าเช้านี้
       
       3. ผมไม่ได้เป็นคนแชร์ โดยผมนำรุปนี้ขึ้นเป็นภาพโคฟเว่อร ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม โดย ผมไม่ว่าอะไรหากเพื่อนในเฟสผมแชร์ เพราะเค้าไม่มีทางบิดเบือนอะไร แต่สำหรับผู้อื่น เพจอื่น คณะบุคคล หรือเพจใดๆ ที่นำไปแชร์ และบิดเบือน ใส่ร้าย แต่งเติม โดยไม่คำนึงถึงปัญหาสิทธิมนุษยชน ที่กำลังเกิดขึ้นกับคนไทย ที่คิดต่าง และ ไม่เข้าใจถึงปัญหากระบวนการยุติธรรมของไทย โดยหากเขาเหล่านั้นนำไปแต่งเติมเอง ผมขอเรียนว่า ผม ไม่เต็มใจให้ใครหรือเพจใด นำไปใช้เพื่อประโยชน์ของตนเองโดยไม่คำนึงถึงปัญหาที่แท้จริงที่เกิดขึ้นกับ ผู้คนที่คิดต่างในประเทศนี้
       
       4. หากคุณสรยุทธ หรือบุคคลในภาพ ที่เกี่ยวข้อง ประสงค์ให้ผมลบรูป หรือ ขอโทษ ผมพร้อมปฏิบัติตาม และรับผิดชอบในสิ่งที่ผมกระทำ [โดยมิใช่ทำไปโดยความคึกคะนอง ดังที่อาจมีคนคิดเองเออเอง]


เสียงของทักษิณ Voice of Taksin เสียงที่อาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดหรือเป็นเจตนาบิดเบือนของ นักวิชาการเสื้อแดงและเหล่าสาวกผู้ไร้เดียงสาซึ่งตั้งข้อสงสัยต่อคำพิพากษา ศาลอาญาที่ตัดสินจำคุกนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข 10 ปี ในความผิดตามมาตรา 112 เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา
       
       พวกเขาตั้งคำถามว่านายสมยศเป็นบรรณาธิการนิตยสาร Voice of Taksin เหตุใดจึงต้องรับผิดชอบต่อข้อเขียนของนายจักรภพ เพ็ญแข เจ้าของนามปากกา จิตร พลจันทร์ ผู้เขียนบทความเรื่องแผนนองเลือดกับยิงข้ามรุ่น ในนิตยสาร วอยซ์ ออฟ ทักษิณ ปักษ์หลัง วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 และบทความเรื่อง 6 ตุลาคม 2553 ในฉบับปักษ์แรก มีนาคม 2553 ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้นายสมยศต้องติดคุกเพราะนายสมยศไม่ใช่ผู้เขียนและตาม พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 ก็ไม่ได้ระบุให้บรรณาธิการต้องรับผิด หากเนื้อหาในหนังสือไปละเมิดบุคคลอื่น
       
       ข้อเท็จจริงที่คนเหล่านี้ปกปิดหรือไม่เข้าใจก็คือ คดีนี้ อัยการซึ่งเป็นโจทก์ฟ้องนายสมยศในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรืออาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ไม่ได้ฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามมาตรา 328 จึงไม่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์แต่อย่างใด
       
       นายสมยศเองก็ได้ยกประเด็นนี้ขึ้นต่อสู้ว่า พระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 ได้มีบทบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 ดังนั้น จำเลยย่อมพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง แต่ศาลมีความเห็นว่า จำเลยพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการพิมพ์หรือไม่ ไม่ได้ถูกยกเลิกโดยผลของกฎหมายดังกล่าวด้วย ที่จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยไม่ใช่ผู้เขียนบทความที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นคดีนี้นั้น เห็นว่าโจทก์ฟ้องจำเลยว่า จำเลยหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ด้วยการจัดพิมพ์ จัดจำหน่ายและเผยแพร่นิตยสารเสียงทักษิณ ข้อต่อสู้ของจำเลยจึงไม่ใช่การกระทำที่ถูกฟ้อง
       
       นายสมยศถูกศาลลงโทษจำคุก 10 ปีไม่ใช่เพราะว่านายสมยศ เป็นบรรณาธิการนิตยสาร Voice of Taksin แต่เพราะนายสมยศ เป็นผู้จัดพิมพ์ จัดจำหน่าย และเผยแพร่บทความดังกล่าว
       
       ในขั้นตอนการสืบพยานโจทก์ อัยการนำพยานซึ่งเป็นเจ้าของและผู้บริหารโรงพิมพ์ออฟเซ็ต บริษัทโบนัสฟรีเทรด ซึ่งเป็นร้านทำเพลต บริษัท เอเอ พับลิชชิ่ง ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายนิตยสาร วอยซ์ ออฟ ทักษิณ ซึ่งพยานทุกปากต่างให้การว่า นายสมยศ เป็นผู้มาติดต่อว่าจ้าง ให้พิมพ์และจัดจำหน่ายด้วยตัวเอง
       
       นอกจากนั้น ยังมีพยานที่เป็นพนักงานในกองบรรณาธิการ นิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ เอง ที่เบิกความในขั้นสอบสวนต่อดีเอสไอว่า ได้พิมพ์บทความเรื่อง 6 ตุลา ที่มีผู้ส่งมาทางอีเมล์ไปให้นายสมยศตรวจ
       
       ประจักษ์พยานหนักแน่นชัดเจนเช่นนี้ทำให้ข้ออ้างของนายสมยศที่ว่า ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่เกี่ยวข้องกับบทความทั้งสองเรื่อง ฟังไม่ขึ้น และถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกทั้งสองกระทง กระทงละ 5 ปี รวม 10 ปี บวกกับโทษจำคุกอีก 1 ปี ในคดีหมิ่นประมาท พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ที่ศาลอุทธรณ์ให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 2 ปี แต่นายสมยศทำความผิดลักษณะเดียวกันจึงให้ระงับการรอลงอาญา
       
       สำหรับเนื้อหาของบทความทั้งสองเรื่อง ที่นายจักรภพ เพ็ญแขเป็นผู้เขียนนั้น ทั้งนายสมยศและพยานซึ่งเป็นนักวิชาการเสื้อแดง อย่างนายปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารยน์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในกลุ่มนิติราษฎร์ นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย นายสุดสงวน สุธีธร อาจารย์คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อ้างว่า ไม่ได้พูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่หมายถึงอำมาตย์ หมายถึง พล.อ.เปรม และอ้างแม้กระทั่งว่าหมายถึงนายสนธิ ลิ้มทองกุล
       
       แต่ใครที่ได้อ่านบทความทั้งสองชิ้นนี้ ย่อมเข้าใจได้ว่านายจักรภพมีเจตนาหมายถึงใคร ศาลเองก็เห็นว่า บทความในนิตยสารเสียงทักษิณทั้งสองฉบับ มีเนื้อหาที่ไม่ได้กล่าวถึงชื่อบุคคล แต่เขียนโดยมีเจตนาเชื่อมโยงเหตุการณ์ในอดีต เมื่อนำเหตุการณ์ในอดีตมาเชื่อมโยงแล้วสามารถระบุได้ว่าหมายถึงพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื้อหาของบทความเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์
       
       วอยซ์ ออฟ ทักษิณ เปิดตัวครั้งแรกในวาระวันเกิดครบรอบ 60 ปี ของ นช.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2552 แม้ นช.ทักษิณและผู้บริหารนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ จะปฏิเสธว่า นช.ทักษิณ ไม่ได้ให้การสนับสนุนหนังสือเล่มนี้ แต่ใครจะเชื่อ เพราะทั้งชื่อหนังสือ ทั้งที่ทำการที่ตั้งอยู่ที่ห้างอิมพีเรียลเวิลด์ กองบัญชาการของคนเสื้อแดง บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นประธานบริหาร คือ นายสุธรรม แสงประทุม คอลัมนิสต์ประจำการอย่างนายสุธาชัย นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นานจักรภพ ล้วนแต่เป็นสมุน หรือแนวร่วมของ นช. ทักษิณ ในสายล้มเจ้า
       
       นช.ทักษิณไม่เคยคัดค้าน แสดงความไม่เห็นด้วยกับชื่อ หนังสือวอยซ์ ออฟ ทักษิณ แต่กลับแสดงความชื่นชม อย่างน้อยที่สุด นายจักรภพผู้เขียนบทความที่ทำให้นายสมยศต้องติดคุก ก็เป็นคนใกล้ชิดที่ได้รับการอุปภัมภ์จาก นช.ทักษิณในการหลบหนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอยู่ในขณะนี้ เนื้อหาหลักของวอยซ์ ออฟ ทักษิณ ทุกฉบับคือการแก้ตัวให้ นช.ทักษิณ และให้ร้ายโจมตีฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะองคมนตรี ศาล และสถาบัน ทั้งโดยโจ่งแจ้งและการใช้ภาษา รูป เป็นสื่อสัญญลักษณ์
       
       บทความของนายจักรภพทั้งสองเรื่อง ที่ทำให้นายสมยศติดคุกถูกเผยแพร่ในช่วงที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาคดีร่ำรวยผิดปกติของ นช.ทักษิณ
       
       คำฟ้องของอัยการตอนหนึ่งระบุว่า นิตยสารเสียงทักษิณ ปีที่ 1 ฉบับที่ 15 ปักษ์หลังกุมภาพันธ์ 2553 บทความคมความคิดของผู้ใช้นามปากกา จิตร พลจันทร์ เรื่อง แผนนองเลือด กับ ยิงข้ามรุ่น หน้าที่ 45-47 โดยเนื้อหาของบทความสื่อให้เข้าใจว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นผู้ วางแผนตระเตรียมสร้างสถานการณ์เพื่อสังหารประชาชนจำนวนมากอย่างโหดเหี้ยม รุนแรงภายหลังวันพิพากษายึดทรัพย์ของพลตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ซึ่งไม่มีมูลความจริง
       
       เมื่อศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์ นช.ทักษิณ ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ นิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ ฉบับปักษ์แรก เดือนมีนาคม 2553 ก็ตีพิมพ์ภาพปกเป็นภาพพญาครุฑสีทอง ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของพระมหากษัตริย์ ถูกปิดหน้าด้วยรังผึ้ง บนปกมีข้อความระบุว่า ปิดหน้าปล้น แตกหัก ขณะที่บนโปรยด้านล่าง ระบุข้อความว่า “โหด 6 ตุลาแห่งปี 53 ...บ้านจะดีต้องเริ่มที่พ่อ ... GT200 เครื่องจับแรงกดดันอนุพงษ์” อันเป็นชื่อบทความในเล่ม โดย “โหด 6 ตุลาแห่งปี 53” เป็นบทความ 1 ใน 2 ชิ้นที่นายจักรภพเขียน และทำให้นายสมยศติดคุก
       
       ขณะที่ปกหลังของหนังสือเป็นรูป นช.ทักษิณ พร้อมข้อความภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นคำแปลโคลง ธรณีนี่นี้เป็นพยาน ของศรีปราชญ์ ซึ่ง นช.ทักษิณยกขึ้นอ้างในการให้สัมภาษณ์โจมตีศาลไทยหลังทราบคำพิพากษายึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท
       
       วอยซ์ ออฟทักษิณ จึงไม่ใช่แค่ชื่อนิตยสารที่เอาชื่อทักษิณมาเป็นจุดขายแต่วอยซ์ ออฟ ทักษิณ คือเสียงของทักษิณที่บอกกับคนไทยว่า เขาคิดอย่างไรกับในหลวง
       
       วันนี้ ถ้านายสมยศกับครอบครัวและมิตรสหาย จะร้องขอความเป็นธรรม ต้องไปขอจาก นช.ทักษิณว่า ครั้งหนึ่งเคยใช้ตนเป็นกระบอกเสียงโจมตีอำมาตย์ โจมตีพลเอกเปรม ตินสูลานนท์ ให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ เหตุใดวันนี้ เสียงของทักษิณจีงเงียบหายไป ปล่อยให้ตนต้องรับโทษทัณฑ์แต่เพียงผู้เดียว หนำซ้ำ กลับปล่อยให้น้องสาวไปเกี้ยเซี้ยะ ยิ้มระรื่นสานสัมพันธ์กับอำมาตย์อย่างพลเอกเปรม ที่เป็นผู้ร้ายตลอดกาลของนิตยสาร Voice of Taksin


ม.112 สำแดงความศักดิ์สิทธิ์ คุก “สมยศ พฤกษาเกษมสุข” วอยซ์ ออฟ ทักษิณหมิ่นสถาบัน

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตบรรณาธิการนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ( VOICE OF TAKSIN) และแกนนำกลุ่ม 24 มิถุนา เพื่อประชาธิปไตยนับเป็นรายล่าสุดที่ศาลมีคำพิพากษาในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นและแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ และองค์รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
       
       สั่งจำคุก 10 ปีโดยไม่รอลงอาญา
       
       ทั้งนี้ นายสมยศมิใช่ “คนเสื้อแดง” รายแรกที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษอย่างเด็ดขาด หากยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้ก็มีกรณีของดา ตอร์ปิโด-ดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล กรณีอากง-นายอำพล ตั้งนพกุล หรือที่เพิ่งผ่านไปก่อนหน้านี้ไม่นานนักก็คือ ฯพณฯ ยศวริศ ชูกล่อม ที่รู้จักกันดีในชื่อ “เจ๋ง ดอกจิก”
       
       นี่คือบทพิสูจน์ที่ชัดเจนสำหรับความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายอาญา ม.112 ที่ลงโทษเหล่ากอของขบวนการล้มเจ้าที่มีตัวตนที่แท้จริงและอิงแอบแนบแน่นเป็น อันหนึ่งอันเดียวกับคนเสื้อแดง
       
       อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเทียบกับทุกคดีที่เกิดขึ้น คงต้องกล่าวว่ากรณีของสมยศ พฤกษาเกษมสุขมีความเหิมเกริมมากที่สุด เพราะเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่มีหลักฐานชัดเจนปรากฏเป็นลายลักษณ์ อักษรในนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ( VOICE OF TAKSIN) ที่มีเขาเป็นบรรณาธิการ
       
       คงไม่ต้องขยายความ วิญญูชนคงเข้าใจได้ว่า นิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ( VOICE OF TAKSIN) สมยศดำเนินการจัดทำขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์อื่นใด เพราะเพียงแค่ชื่อก็ชี้ชัดแล้วว่า เพื่อเป็นกระบอกเสียงของนักโทษชายหนีคดี
       
       ทั้งนี้ อัยการบรรยายฟ้องเอาไว้ว่า “นิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ( VOICE OF TAKSIN) ปีที่ 1 ฉบับที่ 15 ปักษ์หลัง เดือน ก.พ. 2553 ที่พิมพ์บทความ คมความคิด ของผู้ใช้นามปากกาว่า จิตร พลจันทร์ เรื่องแผนนองเลือดกับยิงข้ามรุ่น หน้าที่ 45 - 47 โดยเนื้อหาบทความสื่อให้เข้าใจว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ทรงเป็นผู้ออกคำสั่งให้สังหารประชาชนจำนวนมากในเหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 และทรงเป็นผู้วางแผนตระเตรียมสถานการณ์เพื่อสังหารประชาชนจำนวนมากอย่างโหด เหี้ยมรุนแรงภายหลังวันพิพากษายึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งไม่มีมูลความจริง และระหว่างวันที่ 1 - 15 มี.ค.2553 เวลากลางวัน จำเลยยังจัดพิมพ์ จำหน่ายและเผยแพร่ นิตยสารเสียงทักษิณ ปีที่ 1 ฉบับที่ 16 ปักษ์แรก มี.ค.2553 บทความ คมความคิด ของจิตร พลจันทร์ เรื่อง 6 ตุลาแห่ง พ.ศ.2553 หน้าที่ 45-47 เนื้อหาสื่อให้เข้าใจว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ทรงมีพฤติการณ์ที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเหตุการณ์ที่มีความขัดแย้งและเกิดการนอง เลือดขึ้นในประเทศไทยหลายครั้ง และทรงมีพฤติการณ์ในการควบคุมบงการอยู่เบื้องหลังรัฐบาลของประเทศไทยหลายชุด และยังทรงเป็นผู้วางแผนในการทำลายฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งไม่มีมูลความจริง เหตุเกิดที่แขวง-เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร และ ทุกท้องที่ ทั่วราชอาณาจักรไทย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58,91,112”
       
       ในที่สุดศาลก็มีคำพิพากษาออกมาว่า จำเลยมีความผิดซึ่งเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษเป็นกระทงความผิดไป ให้จำคุกจำเลย 2 กระทงๆ ละ 5 ปี รวมจำคุก 10 ปี โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า เป็นการลงโทษที่สูงกว่าโทษขั้นต่ำที่กำหนดเอาไว้ จำคุก 3-15 ปี ยิ่งเมื่อเทียบกับคดีที่นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ที่ศาลพิพากษาโทษเพียงแค่ 3 ปี และยังลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ความผิดของนายสมยศนั้น ดุลยพินิจของศาลเห็นว่ามีความร้ายแรงกว่า
       
       กระนั้นก็ดี คงต้องบอกว่า คดีนี้มิได้มีความน่าสนใจแค่ชื่อของนายสมยศเพียงคนเดียวเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากรายชื่อกลุ่มก๊วนคนทำงานคือคอลัมนิสต์ที่ เขียนบทความลงในนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ( VOICE OF TAKSIN)ก็ล้วนแล้วจัดอยู่ในปีกซ้ายจัดทั้งสิ้น
       
       ไม่ว่าจะเป็นนายสุธรรม แสงประทุม นายจักรภพ เพ็ญแข นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ หรือแม้กระทั่งรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาอย่างนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ก็เป็นหนึ่งในคอลัมนิสต์ของนิตยสารฉบับนี้
       
       แต่ที่ต้องขีดเส้นใต้สองเส้นเน้นย้ำเอาไว้ก็คือ เจ้าของบทความอันเป็นต้นเหตุแห่งคำพิพากษาที่ใช้นามปากกว่า “จิตร พลจันทร์” ก็หาใช่ใครอื่นไกล หากแต่คือ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
       
       นอกจากนั้น คดีของนายสมยศมิอาจปฏิเสธได้ว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง เพราะหนึ่งทนายความคือ นายคารม พลพรกลางก็เป็นทนายของคนเสื้อแดง แถมในวันพิพากษา นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. และคนเสื้อแดงก็เดินทางมาร่วมให้กำลังใจ
       
       หนักไปกว่านั้นคือหลังจากเสร็จสิ้นการฟังคำพิพากษา กลุ่มเสื้อแดงได้รวมตัวกัน ที่บริเวณหน้าศาลอาญาพร้อมชูป้ายกระดาษเขียนข้อความว่า “ทวงคืนยุติธรรม” “อำมาตย์หยุดทำนาบนหลังคน” “การอาฆาตและพยาบาทคือความจริง” “คนไทยไม่ใช่ทาส” “อำมาตย์ทวงคืนความยุติธรรม” โดยยืนชูป้ายอยู่นานประมาณ 2 -3 นาที
       
       ถึงตรงนี้ คงไม่ต้องอธิบายขยายความ ก็คงเข้าใจได้เองว่า คนเสื้อแดงมีความคิดอย่างไร


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ชาวเน็ต กังขา สรยุทธ์ แจกลายเซ็น ป้ายร้องปล่อยตัว สมยศ นักโทษหมิ่นสถาบัน

view