จากประชาชาติธุรกิจ

ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ระดับเดิมที่ร้อยละ 2.75 อาจเป็นข่าวไม่สู้ดีนักสำหรับรัฐบาล แต่ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ตลาดเงินทั่วโลกสภาพคล่องล้นทะลัก จากการอัดฉีดเงินเข้าระบบแก้วิกฤตของสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น ฯลฯ อาจต้องทำใจยอมรับความเป็นจริงว่า ยากจะสกัดกั้นการไหลเข้ามาของเงินจากนอกประเทศ

เพราะธรรมชาติของ เงินย่อมไหลจากแหล่งที่ให้ผลตอบแทนต่ำ มายังแหล่งที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งเวลานี้คือประเทศในแถบเอเชีย รวมทั้งไทยที่เศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง ส่งผลกระทบทำให้สกุลเงินแถบเอเชียเกือบทุกประเทศแข็งค่าขึ้นมากบ้างน้อยบ้าง แตกต่างกัน

เมื่อยากที่จะสกัดกั้นเงินไหลเข้า ไม่ว่าจะเป็นเงินเย็นหรือเงินร้อนที่เข้ามาเก็งกำไรส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน ตลาดหุ้น ตราสารหนี้ระยะสั้น แม้กระทั่งการ

เก็ง กำไรในสินทรัพย์โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ ขณะเดียวกันการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเข้าแทรกแซงตลาดเงิน ด้วยการออกพันธบัตรมาดูดซับดอลลาร์ เพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินบาทซึ่งจำเป็นต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมหาศาล อีกทั้งโอกาสที่จะเพลี่ยงพล้ำเสียหายยิ่งมีสูงและทำได้ยากขึ้น ก็อาจต้องดำเนินมาตรการโดยเลือกใช้เครื่องมือที่มีอยู่ค่อนข้างจำกัดให้เกิด ประโยชน์สูงสุด

ที่น่าห่วงคือนักเศรษฐศาสตร์ นักการเงินจากหลายสำนักต่างคาดการณ์ในทำนองเดียวกันว่า มีแนวโน้มที่สถานการณ์กระแสเงินไหลเข้าตลาดเอเชียน่าจะดำรงอยู่ต่อเนื่องยาว นานอีกหลายปี กว่าสหรัฐและสหภาพยุโรปจะฟื้นตัวจากวิกฤตหนี้ที่กำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ ทำให้โอกาสที่จะเกิดความผันผวนและไม่มีเสถียรภาพขึ้นกับอัตราแลกเปลี่ยนและ ตลาดเงินเป็นไปได้สูงเช่นเดียวกัน

ท่ามกลางปัจจัยลบจากสถานการณ์ดัง กล่าว โจทย์ที่ท้าทายความสามารถในการบริหารจัดการของ ธปท. รัฐบาล ตลอดจนผู้ประกอบการภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม และผู้ส่งออกคือ จะเตรียมรับมือความผันผวนไม่แน่นอนเพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างไร เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ขณะเดียวกันก็เสียหายน้อยที่สุด

ใน ส่วนของทางการ จากนี้ไป ธปท.และรัฐบาลคงต้องตระหนักและให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการ บริหารจัดการนโยบายทางด้านการเงินการคลัง สำหรับใช้เป็นเกราะป้องกันไม่ให้เกิดการสะสมความเปราะบางขึ้นในระบบเศรษฐกิจ โดยรวม ด้วยการดำเนินนโยบายที่รัดกุมในการสกัดกั้นเงินร้อน และการฉกฉวยโอกาสเข้าเก็งกำไรในตลาดหุ้น อสังหาฯ มากขึ้น

ขณะเดียว กันก็พยายามรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่เป็นภาระกับผู้ส่งออกมากเกินไปจนสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน เช่นเดียวกับผู้ส่งออกที่จะต้องดิ้นรนช่วยเหลือตนเองในเบื้องต้น โดยปรับปรุงระบบการผลิต ควบคู่กับการยกระดับคุณภาพสินค้า และดำเนินมาตรการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงิน ฯลฯ แทนที่จะรอความช่วยเหลือจากภาครัฐแต่เพียงฝ่ายเดียว

ถ้าต่างฝ่ายต่าง ทำหน้าที่ของตนเองด้วยความมุ่งมั่นจริงจัง และดำเนินการทุกอย่างด้วยความรอบคอบระมัดระวัง โอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะเผชิญกับความเปราะบางอ่อนไหวก็คงไม่เกิดขึ้น

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน