สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

คำต่อคำ แบบเต็มๆ บิ๊กตู่ ตอบคำถามเรื่องตอบโจทย์ ตอน พระมหากษัติรย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ

คำต่อคำ" แบบเต็มๆ บิ๊กตู่ ตอบคำถามเรื่องตอบโจทย์ ตอน พระมหากษัติรย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ

จากประชาชาติธุรกิจ

"พล.อ.ประยุทธ์" ตะเพิด พวกไม่เอาสถาบัน แก้ ม.112 อึดอัดก็ให้ออกนอกประเทศไทย ติง "ตอบโจทย์" ไม่เหมาะเสนอบทวิพากษ์สถาบัน ซัดไร้สาระมานั่งแก้กม.112 อัดไม่น่าเกิดบนแผ่นดินไทย จวกคิดแค่นี้อย่าเป็น"ดอกเตอร์" เตือนอย่าลืมรากเหง้าตัวเอง วอนหยุดทำลายสถาบันเพื่อก้าวสู่ระบอบอนาธิปไตย ยันคนส่วนใหญ่ยังรัก"ในหลวง" ป้อง"สถาบัน"ไม่ได้เอี่ยว"ปฏิวัติ" ลั่นสถาบันไม่เคยทำร้ายประชาชน ไม่เคยแบ่งแยกสี ชี้เป็นความพยายามของขบวนการล้มสถาบัน ที่มีมาตั้งแต่ปี 2475 /ยันทหารไม่มีตบเท้า พร้อมแจงข่าวลือเรื่องสถาบันเองทุกเรื่อง เผยสถาบันลดฐานมาอยู่ใต้ รธน.แล้ว /ยันไม่ได้ว่าถูกหรือผิด แต่ไม่ใช่เวลา เพราะขัดแย้งแรง แต่ถามความเห็นทหาร บอก ไม่ถูก และไม่เหมาะสม

เมื่อเวลา 14.00 น.ที่กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1พัน1รอ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รายการ "ตอบโจทย์" ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ตอน "สถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ"ได้มีการแสดงความคิดเห็นของนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์เกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปสถาบัน อย่างดุเดือด นานกว่า 30 นาที

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในความเห็นของทหารนั้น เรามีมุมมองของเรา เพราะเราเป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านทรงเป็นจอมทัพไทย ในความรู้สึก ผมเข้าใจสถานการณ์ของประเทศชาติในวันนี้ว่า มีความเปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควร สิ่งหนี่งคิดว่า ทหารทุกคนมีความรู้สึกเหมือนกันคือ สถาบันพระมหากษัตริย์ได้ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศไทยเป็นเวลานาน

"การ เสนอรายการเป็นสิทธิ์ของสื่อและผู้จัดรายการที่กระทำได้ตามรัฐธรรมนูญแต่ผม อยากแสดงความคิดเห็นว่าเหมาะสมหรือไม่ใช่เวลาหรือไม่ที่นำเสนอในเวลานี้ใน เมื่อความขัดแย้งยังรุนแรงอยู่มาก"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คิดว่า การที่บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุขมาจนถึงทุกวันนี้ เราไม่ได้เกิดมาจากหลอดแก้ว คนเราต้องมีความเป็นมา ประเทศไทยมีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี จารีตที่งดงาม อยากให้ทุกคนระลึกถึงอยู่เสมอ การที่ประเทศไทยได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกส่วนหนึ่งคือ เรื่องของความเป็นคนไทยที่มีจารีต ประเพณีงดงาม ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นใครจะว่า ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ตนคิดว่า ประเทศไทยมีความเป็นมาอย่างนั้น ซึ่งเป็นความแตกต่างที่ทำให้โลกหันมามองประเทศไทย

"ประเทศไทยประกอบด้วยผืนแผ่นดินที่มีการต่อสู้จากบรรพบุรุษตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นั่นคือ ประวัติศาสตร์รากเหง้าของประเทศไทย คนเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย แต่สิ่งหนึ่งที่ยึดเหนี่ยวให้คนกับแผ่นดินอยู่ด้วยกันจำเป็นต้องมีสถาบัน สถาบันหลักคือ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความผูกพัน ซึ่งเราต้องรักษาดำรงไว้จนนานเท่านาน หากไปเริ่มใหม่ ประเทศไทยจะไม่เป็นประเทศน่าสนใจอีกต่อไป ถ้าทุกคนทบทวนว่า ประเทศไทยเป็นประเทศลำดับที่ 52 ที่คนอยากมาอยู่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ประเทศเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร ไม่ใช่คนวันนี้หรือคนมะรืนนี้ทำ แต่เป็นคนในอดีตทำ ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยก็จริง แต่อดีตเป็นของสถาบันพระมหากษัตริย์

วันนี้ท่านทรงลดฐานะของพระองค์เองมาอยู่ในภายใต้รัฐธรรมนูญ สถาบันพระมหากษัตริย์หรือพระองค์ท่านทรงอ่อนแอ เพราะไม่สามารถปกป้องพระองค์เองได้จึงต้องมีกฎหมายฉบับหนึ่งออกมาเพื่อปกป้องพระองค์ท่าน ซึ่ง 200-300 ปีที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเรื่องมา แต่เพิ่งมาเกิดขึ้น ไม่เข้าใจว่า เกิดอะไรขึ้น"
ผบ.ทบ.กล่าว


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การที่ประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้าไม่จำเป็นต้องทิ้งประวัติศาสตร์ หรือต้อทิ้งทุกอย่างให้หมด ไม่เช่นนั้นลูกศิษย์คงไม่ต้องเชื่อฟังอาจารย์ ลูกคงไม่ต้องเชื่อฟังพ่อแม่ เพราะความเป็นประชาธิปไตย ถามว่า เรายอมได้หรือไม่ การที่จะมีรายการต่างๆ นั้น ผมจะไม่ละเมิดหรือก้าวล่วงสิทธิเสรีภาพของสื่อ ที่ผ่านมาผมพยายามทำดีกับสื่อทุกคนมาตลอด เว้นแต่บางครั้งต้องพูดคุยกันบ้าง หากให้เกียรติกันบ้างก็ไม่มีปัญหา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าว ผมไม่กล้าจะกล่าวว่า ผิดหรือถูก ใช่หรือไม่ใช่ แต่ในความรู้สึกผมเอง และ ทหารทุกคนอีก 2 แสนกว่าคนในกองทัพบกและทุกกองทัพเห็นว่า ยังไม่น่าเหมาะสมที่จะนำเรื่องพวกนี้มาพูดกันในเวลานี้ เพราะเป็นเวลาแห่งความขัดแย้ง และ เป็นเวลาที่มีเรื่องราวต่างๆ มากมาย ที่จะต้องแก้ไข

"โดยเฉพาะคนที่มาพูดเป็นถึงครู อาจารย์ ของคนทั้งประเทศ ประเทศชาติจะไปข้างหน้าได้ต้องมีครู อาจารย์ที่ดี และการสอนให้คนเป็นคนดี คิดว่า สำคัญกว่าจะสอนให้มาแก้กฎหมายโน่นกฎหมายนี้ ซึ่งยังไม่ใช่เวลา วันนี้จะทำอย่างไรไม่ให้เด็กตีกัน ไม่ติดยาเสพติด ให้เขาเคารพกฎหมาย รู้จักคุณธรรม จริยธรรม และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ " ผบ.ทบ. กล่าว

"คำว่า ประวัติศาสตร์ คือ ปัจจุบัน และ อนาคต ซึ่งอดีตมีทั้งดีและไม่ดี อันไหนที่ดีต้องรักษาไว้ให้ยั่งยืน โดยสถาบันต้องมีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำไมเราต้องทำลายให้หมดสิ้น เพื่อจะก้าวไปสู่ระบอบอนาธิปไตย ซึ่งคิดว่าไม่ใช่ประชาธิปไตย อยากให้ทุกคนกลับมาทบทวนว่า สิ่งที่นำเสนอไปนั้น ดีหรือไม่ดี ผิดหรือถูก

ผมคิดว่า คนไทยส่วนใหญ่ทั้ง 60 ล้านคนไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะหากคิดเช่นนั้นอยู่ไม่ได้ ดังนั้นการที่คนไม่กี่คน ออกมาพูดแล้วทำให้คน 60ล้านคนเปลี่ยนแปลงไปเป็นไปไม่ได้ เพราะมันขัดแย้งกันอยู่" ผบ.ทบ. กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอเรียนอีกครั้งว่า สถาบันไม่เคยทำร้ายประชาชน มีแต่ทรงห่วงใยประชาชนของท่าน สิ่งที่พระองค์ท่านทำไม่เคยคาดหวังอะไร แต่มีคนไปกล่าวอ้างว่า ที่พระองค์ท่านทำเพราะต้องการอย่างนี้อย่างนั้น ผมอยู่มา 60 ปี

"ผมได้เข้าเฝ้าถวายงานอยู่หลายครั้ง มีแต่รับสั่งว่า สิ่งที่ท่านให้ประชาชนก็มาจากสิ่งที่ท่านได้จากประชาชนทั้ง ทรัพย์สิน เงินทอง ที่บริจาคมาท่านก็คืนกลับสู่ประชาชน พระองค์เคยรับสั่งกับผมเสมอว่า เมื่อไหร่ก็ตามเงินที่ท่านได้รับมาหมดไป จะเอาอะไรให้กับประชาชนของท่าน สมกับที่ประชาชนทรงรอท่านเสด็จเยี่ยม ท่านก็คงมีแต่ข้าวสารที่ทรงทำฟาร์มไว้ ท่านก็คงจะให้ข้าวสารเหล่านี้กับประชาชนแทน นี่คือสิ่งที่พระองค์ท่านรับสั่งจนติดหูผม ก็ไม่เคยเห็นท่านทรงรับสั่งอย่างอื่น"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า รู้สึกอึดอัดหรือไม่ที่เป็นทหารที่ปกป้องสถาบัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แน่นอน มันต้องมีบ้าง แต่ผมยอมรับว่าเป็นเรื่องของยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลง หน้าที่ผม คือ ทำอย่างไรไม่ให้ผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายไม่ได้มีไว้ให้ละเมิด เมื่อท่านรู้ว่ามาตราดังกล่าวทำแล้วจะถูกดำเนินคดี ท่านก็อย่าทำ เมื่อพระองค์ท่านไม่ได้ทำร้าย แล้วทำไมท่านจะต้องไปทำร้ายสถาบันด้วย เมื่อรู้ว่ากฎหมายฉบับนี้ทำให้ท่านเดือดร้อน ท่านต้องถูกดำเนินคดี ถ้าท่านไม่ทำแล้วใครจะมาทำอะไรท่านได้ ตนถามว่า ทุกคนที่ถูกดำเนินคดีในปัจจุบันนั้น เขาได้กล่าวคำพูดหรือแสดงปฏิกริยาผิดหรือไม่ ถ้าไม่ทำผิดแล้วถูกจับ ผม คิดว่าไม่มี วันนี้ไม่ได้มีการจับกุมทั้งหมด ทั้งที่มีมากมาย ไม่ถึงเป็นพัน หมื่น แสนคน เป็นแค่คนไม่กี่กลุ่ม ผมไม่รู้ว่าคนพวกนี้สมองเขาคิดอะไรอยู่ เมื่อประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยก็ต้องเคารพกระบวนการประชาธิปไตย คือการใช้เสียงส่วนใหญ่ โดยวันนี้คนส่วนใหญ่ยังอยู่กับสถาบันพระมหากษัตริย์ ยังเคารพนับถือและชื่นชม ยังภาคภูมิใจเวลาไปต่างประเทศ ถ้ามีคนส่วนน้อยยังคิดอยู่เราก็อย่าไปให้ความสำคัญ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คนเหล่านี้มีนัยทางการเมืองหรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่ต้องมีอะไรซักอย่าง ซึ่งผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน

เมื่อถามว่า มองว่าเป็นปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงของสังคม หรือว่า เกี่ยวข้องกับขบวนการล้มเจ้า นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าก็คงเป็นไปอย่างที่ผมพูดมาว่า ขบวนการเหล่านี้มีมาตั้งแต่ในอดีตตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 คนพวกนี้ก็คิดในแบบของเขา ผมเป็นคนสมัยแต่ก็คิดแบบคนสมัยเก่า เพราะประวัติศาสตร์คือวันนี้และอนาคต คนเหล่านี้ไม่คิดเรื่องประวัติศาสตร์ และ จะให้ไปคาดหวังกับอนาคตอย่างไร

"เมื่อคนส่วนใหญ่ยังรักสถาบันพระมหากษัตริย์ คนส่วนน้อยต้องยอมรับ และเลิกเสียทีพูดเรื่องราวเสียหายในเรื่องที่ไม่จริง เมื่อเกิดปัญหาทางกฎหมาย ก็ว่ากฎหมายไปรังแก ผมถามว่าถ้าไม่พูดจะมีเรื่องหรือไม่ ถ้าไม่ขีด เขียน หรือ โพสต์ข้อความต่างๆ จะเกิดเรื่องขึ้นหรือไม่" ผบ.ทบ. กล่าว

"เอาง่ายๆ คนบางคนยังเคยเข้าเฝ้า หรือ อยู่ใกล้พระองค์ท่าน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า ท่านทำอะไรผิด พูดเป็นตุเป็นตะ เป็นเรื่องเป็นราว เพราะฟังเขามาทั้งนั้น ไปต่างประเทศมาก็อยากเป็นเหมือนประเทศนั้น ประเทศนี้ แต่นี่คือประเทศไทย เมื่อมองกันเรื่องประชาธิปไตย ถ้าท่านคิดว่า อยู่เมืองไทย มีสถาบันพระมหกษัตริย์ และ มีมาตราอะไรก็แล้วแต่ แล้วอึดอัด ท่านก็ไปหาที่อื่นอยู่แล้วกัน ที่ไหนก็ได้ที่ท่านคิดว่า อยู่แล้วสบายใจ เพราะคนส่วนใหญ่ยังอยู่ได้" ผบ.ทบ. กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผมไม่ได้อึดอัด ผมอึดอัดอย่างเดียวว่า พระองค์ท่านทรงมีพระเมตตาขนาดนี้ พระองค์ท่านไม่ได้เป็นคนแจ้งความ การดำเนินคดีไม่ได้เกิดจากพระองค์ท่าน เกิดจากมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษจากที่ทนไม่ได้ ก็ไปแจ้งความตำรวจดำเนินคดี ซึ่งต้องเข้าคณะกรรมการกลั่นกรองว่า จะฟ้องคดีหรือไม่ มีการลดหลั่นโทษไปเริ่มตั้งแต่การตักเตือน หลุดไปก็จะ กรรมการของกระทรวงยุติธรมกลั่นกรองอีกชั้น ก็ต้องปรึกษาประสานไปถึงข้างใน และคนที่เกี่ยวข้องว่า ควรดำเนินการอย่างไร ไม่เกี่ยวกับท่านเลย ท่านมีแต่บอกว่า ให้อภัยคนเหล่านั้นซะ ไม่อยากให้มีการลงโทษ

เมื่อถามว่า คนเหล่านี้ควรหยุดพฤติกรรมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พวกท่านรู้ดีอยู่แล้ว ก็พยายามให้เป็นเรื่อง ถ้าพูดกันเข้าใจก็จบ แต่เขายังงอแง พยายามทำเรื่อยๆ ผมไม่เข้าใจว่าเขามีจุดประสงค์อะไรอย่างอื่นหรือไม่

เมื่อถามว่า คิดว่าจนวันนี้ท่านยังคิดว่า ยังมีขบวนการล้มเจ้าหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผมบอกแล้วว่ามีมาตั้งแต่ปี 2475 คนรุ่นนี้อาจจะยังไม่เคยสัมผัส แต่รุ่นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย น่าจะรู้ หรือเขาไม่ได้เกิดในเมืองไทย หรือมาจากที่อื่น แต่คิดว่า คนไทยทุกคนในอดีตบรรพบุรุษรู้จักสถาบันทั้งนั้น ถ้าใครคิดว่าสถาบันไม่มีประโยชน์กับประเทศไทย คิดว่า คนพวกนี้คงไม่น่าจะเกิดจากที่นี่ เขาอาจเกิดเมืองไทย แต่ไปเรียนรู้จากที่อื่น คิดว่าสิ่งที่เป็นปัญหาอยู่ขณะนี้ คือการพัฒนาอย่างสมดุล ทั้งวัตถุ จิตใจ ความเป็นมนุษย์ ซึ่งประเทศไทยยังต้องการอีกมาก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเริ่มมาโดยตลอด และ ท่านไม่เคยแข่งขันกับใคร ไม่เคยแข่งกับรัฐบาลหรือไม่เคยไปว่าใคร ท่านกำหนดบทบาทของพระองค์เองว่า ท่านจะใช้ภูมิปัญญา และพระราชทรัพย์ เงินส่วนพระองค์ มาดูแลประชาชน ในสิ่งที่ยังขาดหายไป เพื่อช่วยรัฐบาลทุกรัฐบาล ท่านไม่ได้คาดหวังว่า จะให้ประชาชนมารักพระองค์ท่านมากกว่ารักรัฐบาล ท่านหวังเพียงให้รักประเทศไทย และ สร้างประเทศไปในวันข้างหน้า ท่านคิดเพียงจะสร้างประโยชน์อะไรให้ประเทศชาติบ้าง

เมื่อถามว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีข่าวลือเรื่องสถาบันหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คำว่า ข่าวลือ คืออะไร ให้ไปเปิดพจนานุกรมดู ข่าวลือเป็นข่าวที่จริงหรือไม่ก็ไม่รู้ ใครพูดก็ไม่รู้ มีแต่ลือกัน ปากเปล่ากันไปเรื่อยว่าอย่างโน้นอย่างนี้ ผมถามว่า ไหนละ เอาพยาน หลักฐานมา มาพูดกับตนว่า ท่านทำอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วผมจะตอบให้ดู


เมื่อถามว่า สาเหตุเนื่องมาจากการปฎิวัติเมื่อปี 2549ที่ทำให้สถาบันถูกแตะต้องมากขึ้นหรือ ไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาเข้าใจอย่างนั้น ว่าสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง ท่านเกี่ยวข้องอะไร การปฎิวัติเกิดมากี่ครั้งแล้วในประเทศไทยและท่านทรงเป็นพระมหากษัติย์มา ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถามว่า เป็นเมื่อปี 2549 หรือไม่ ท่านเป็นมากี่ครั้งแล้ว ท่านทรงรู้ว่า ต้องกำหนดบทบาทของพระองค์อย่างไร ในวันนั้นมีหลายคนออกมาพูดว่าพระองค์ทรงมีบทบาทอย่างไร เมื่อไรก็ตามที่เกิดความขัดแย้ง ท่านต้องทำให้ทุกอย่างบรรเทาเบาบางลงไป ทุกอย่างที่ท่านทรงลงพระปรมาภิไทย ท่านลงภายใต้กฎหมายทั้งสิ้น เมื่อเสนอไปก็ลงพระปรมาภิไทยเพราะเขียนเป็นกฎหมายว่าท่านต้องทรงลงพระปรมาภิไทย ไม่ว่านะเรื่องอะไรก็ตาม ท่านต้องทรงลง ไม่เช่นนั้นปฎิบัติไม่ได้ จึงเรียกว่า ประชาธิปไตยภายใต้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น เปิดสภา การโปรดเกล้าแต่งตั้ง ขอถามว่า ท่านตั้งใครหรือเปล่า ท่านตั้ง ผบทบ. หรือไม่ ไม่ใช่แต่ท่านทรงลงพรปรมาภิไทยตามที่รัฐบาล ฝ่ายบริหารเสนอขึ้นไป และถ้าท่านเห็นว่าเป็นกฎหมายและถูกต้องก็ต้องลงพระปรมาภิไทย

"จะ มาบอกว่าปฎิวัติแล้วท่านทรงลงพระนามกฎหมายคือรัฐธรรมนูญเมื่อมีการปฎิวัติ กฎหมายยกเลิกรัฐธรรมนูญหรือไม่ก็ไม่ได้ยกเลิกเมื่อยังมีอยู่แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ต้องทรงลงพระปรมาภิไทย และคณะรัฐประหารก็ถือเป็นรัฐบาลในขณะนั้น แล้วต้องลงนามหรือไม่ เพราะฉะนั้นอย่าไปมองว่า ทำไมท่านต้องลงนามแต่อยู่ที่คนทำขึ้นไปทั้งนั้น ต่อไปนี้ต้องระมัดระวังอย่าทำให้ท่านต้องเสื่อมเสีย จะทำอะไรก็แล้วแต่ คิดว่า ท่านทรงทำหน้าที่ของท่านจนถึงวันนี้ จนพระองค์ท่าน 85 พรรษาแล้วให้ท่านทรงพระสำราญ ทรงมีความสุขบ้าง ท่านทำมามากแล้ว อย่าไปกล่าวอ้างอะไรอีก แยกแยะให้ออกว่า การมีพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ และกฎหมายคืออะไร ไปตีความให้ดีก่อนจะไปถึงประชาธิปไตย ถ้ายังตีความไม่ออกว่า มีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้วประชาธิปไตยไปไม่ได้ คิดว่าอย่างนี้สอบตก ไม่ต้องไปเป็นด็อกเตอร์หรอก"ผบ.ทบ.กล่าว

เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรขณะดูรายการตอบโจทย์ พล. อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่ได้เกลียดชังใคร เพียงแต่รู้สึกว่า เห็นใจเขา คือ เขาคิดไม่ออก เขาอาจจะถูกของเขา แต่ไม่ถูกสำหรับตน ความคิดไม่ตรงกันได้ ถ้าตราบใดที่คน60กว่าล้านยังรักสถาบันพระมหากษัตริย์ ไอ้ไม่กี่คนก็ต้องยอม

เมื่อถามว่า จะมีการตบเท้าแสดงพลัง หรือความไม่พอใจของทหารหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะไปทำอย่างนั้นได้อย่างไร คนละเรื่องกัน บางอย่างเป็นกฎหมาย ถือว่า พระองค์ท่านอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง เพียงแต่สังคมช่วยกันดูและตัดสินว่า สิ่งที่เขาพูดมาใช่ไม่ใช่ ถูกหรือไม่ ที่ถามกันว่ามีข่าวลือก็ไปหาว่า ใครลือ ลือกันอย่างไรแล้วมาถามผม ผมตอบได้หมด เพราะอยู่มาเกือบทุกสถานการณ์และผมยืนยันมาไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่า สถาบันไม่เคยเกี่ยวข้องใดๆสิ้น มีแต่พระองค์จะดูว่าทำอย่างไรประเทศชาติ ประชาชนจะปลอดภัย ใครว่าอะไร ท่านไม่เคยตอบโต้หรือออกอากาศมาพูดหรือให้ใครมาพูดให้ ท่านทำไปเหมือนเดิม พระองค์ทรงอดทนและอดกลั้นเพราะทุกคนคือคนไทย

"สิ่งที่ผมได้ ยินและติดหูอยู่คือทุกคนเป็นคนไทยไม่ว่าจะสีใดก็ตามคือพระสกนิกรของพระองค์ ท่านที่ต้องดูแลเอาใจใส่ไม่เคยแยกแยะผมก็ใช้แนวทางที่ท่านทรงรับสั่งน้ำท่วม ให้ช่วยทุกคนไม่ว่าจะพวกไหน ชอบ ไม่ชอบ ยิ่งไม่ชอบ ยิ่งต้องช่วยให้เขาเข้าใจว่าเราไม่ได้แยกแยะ เหมือนภาคใต้ เราเป็นคนไทยด้วยกัน ทำไมต้องมาทะเลาะกันเอง เพื่อประชาธิปไตยที่ยังไม่สมบูรณ์หรือ แล้วเรื่องปากท้องอยูตรงไหน ทะเลาะกันทุกวันนี้ ทำให้รายได้ ปากท้องดีขึ้นหรือไม่ ถ้าไม่มี เลิกเถอะแล้วกลับมาอยู่ด้วยกันดีกว่า กลับมารวมกันทำหน้าที่ของตัวเอง ลองดูว่า คนที่พูดว่า จะต้องเป็นประชาธิปไตย เรื่องนี้ไม่ต้องไปเชื่อ เรื่องนี้แสดงความคิดเห็นได้ ถามว่า ถ้าลูกศิษย์ไม่เชื่อฟังเขา ไม่เคารพเขา ถามว่า เขาอยู่ได้หรือไม่"

"การปกป้องสถาบันเป็นหน้าที่ และเป็นความรู้สึก เพราะผมเกิดมาในแผ่นดินของพระมหากษัตริย์ ผมบังคับใครไม่ได้ บังคับทหารทุกคนไม่ได้ แต่เป็นเรื่องของความภาคภูมิใจ เป็นเรื่องของสายเลือดของคนที่เป็นทหาร สมัยก่อนคนไทยทุกคนเป็นทหาร ผมไม่ได้ไปรังกียจคนมาพูด แต่คิดว่า สิ่งมาพูดมันไม่ใช่ และคนอีก 60 ล้านกว่าคนก็คิดว่า ไม่ใช่"

เมื่อถามว่า มองว่าเป็น "รูระบาย" ให้ได้แสดงความเห็นกันดีกว่าไปปิดประตูห้องคุยกันหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ถ้าขอได้ ผมก็อยากขอให้หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ แต่คิดว่า คงขอไม่ได้ ถ้าขอไม่ได้ก็ต้องไปเตรียมต่อสู้ตามกระบวนการทางกฎหมาย แล้วอยู่ดีๆท่านจะบอกว่า เมื่อไม่มีกฎหมายตัวนี้ ท่านจะได้ทำสิ่งนี้ได้ คงไม่ได้ เช่น บอกว่า ไปทำความผิดอะไรสักอย่างแล้วบอกว่า ไม่น่ามีกฎหมายตัวนี้ ควรไปแก้ปัญหาอืนดีกว่า เช่น น้ำท่วม อาชีพ รายได้ การศึกษา ยาเสพติด การมานั่งแก้กฎหมายม.112 ผมว่า ไร้สาระ ที่พูดมาทั้งหมด ผมไม่ได้ว่า เขาผิดหรือถูก แต่ใช้คำว่า ควรหรือไม่ควร ใช่เวลาหรือไม่ ผมแค่แสดงความคิดเห็น ส่วนคนทั้งประเทศจะคิดแบบใครก็ไปคิดเอาเอง ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร


"พระองค์ท่านทรงรับสั่งอยู่แล้วว่า สถาบันไม่ใช่ศัตรูกับใคร ผมก็จะไม่สร้างศัตรู แต่ต้องให้เป็นความธรรมกับสถาบัน เพราะพระองค์ท่านทำคุณประโยชน์มาโดยตลอด แต่ถามว่า คนที่ออกมาพูด วันนี้ทำคุณประโยชน์อะไรให้เห็นหรือยัง วันนี้ทุกคนต้องอยู่ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน บ้านเมืองพัฒนาไป แต่เราอย่าลืมรากเหง้าของตัวเอง ถ้าคนเราลืมรากเหง้าตัวเอง อีกหน่อยประเทศนี้คงไม่ใช่ประเทศไทย ทั้งนี้คนที่กระทำผิดท้ายที่สุด พระองค์ท่านก็พระราชทานอภัยโทษ แต่พอท่านอภัยโทษมันก็ทำอีก คนพวกนี้สมอง....มัน...ไม่ใช่"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว



ที่มา เฟสบุ๊ค วาสนา นาน่วม


ผบ.ทบ.ซัดพวกล้มเจ้าไล่ออกนอกประเทศ

ผบ.ทบ.ซัดพวกล้มเจ้าไล่ออกนอกประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ ไล่พวกล้มเจ้า ออกนอกประเทศ ชี้ "ตอบโจทย์"ออนแอร์ได้แต่ไม่เหมาะ ซัดไร้สาระ จ้องแก้ม.112 ยันคนส่วนใหญ่ยังรัก“ในหลวง”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รายการ “ตอบโจทย์”ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ตอน “สถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ”ได้มีการแสดงความคิดเห็นของนายสม ศักดิ์ เจียมธีรสกุล และนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์เกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปสถาบันว่า ในความเห็นของทหารนั้น เรามีมุมมองของเรา เพราะเราเป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านทรงเป็นจอมทัพไทย ในความรู้สึก ตนเข้าใจสถานการณ์ของประเทศชาติในวันนี้ว่า มีความเปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควร สิ่งหนึ่งคิดว่า ทหารทุกคนมีความรู้สึกเหมือนกันคือ สถาบันพระมหากษัตริย์ได้ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศไทยเป็นเวลานาน

ทั้งนี้การเสนอรายการเป็นสิทธิ์ของสื่อและผู้จัดรายการที่กระทำได้ตามรัฐ ธรรมนูญ ตนอยากแสดงความคิดเห็นว่า เหมาะสมหรือไม่ ใช่เวลาหรือไม่ที่นำเสนอในเวลานี้ คิดว่า การที่บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุขมาจนถึงทุกวันนี้ เราไม่ได้เกิดมาจากหลอดแก้ว คนเราต้องมีความเป็นมา ประเทศไทยมีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี จารีตที่งดงาม อยากให้ทุกคนระลึกถึงอยู่เสมอ การที่ประเทศไทยได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกส่วนหนึ่งคือ เรื่องของความเป็นคนไทยที่มีจารีต ประเพณีงดงาม ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นใครจะว่า ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ตนคิดว่าประเทศไทยมีความเป็นมาอย่างนั้น ซึ่งเป็นความแตกต่างที่ทำให้โลกหันมามองประเทศไทย

"ประเทศไทยประกอบด้วยผืนแผ่นดินที่มีการต่อสู้จากบรรพบุรุษตั้งแต่อดีตจน ถึงปัจจุบัน นั่นคือ ประวัติศาสตร์รากเหง้าของประเทศไทย คนเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย แต่สิ่งหนึ่งที่ยึดเหนี่ยวให้คนกับแผ่นดินอยู่ด้วยกันจำเป็นต้องมีสถาบัน สถาบันหลักคือ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความผูกพัน ซึ่งเราต้องรักษาดำรงไว้จนนานเท่านาน หากไปเริ่มใหม่ ประเทศไทยจะไม่เป็นประเทศน่าสนใจอีกต่อไป ถ้าทุกคนทบทวนว่า ประเทศไทยเป็นประเทศลำดับที่ 52 ที่คนอยากมาอยู่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ประเทศเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร ไม่ใช่คนวันนี้หรือคนมะรืนนี้ทำ แต่เป็นคนในอดีตทำ ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยก็จริง แต่อดีตเป็นของสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งวันนี้ท่านทรงลดฐานะของพระองค์เองมาอยู่ในภายใต้รัฐธรรมนูญ สถาบันพระมหากษัตริย์หรือพระองค์ท่านทรงอ่อนแอ เพราะไม่สามารถปกป้องพระองค์เองได้จึงต้องมีกฎหมายฉบับหนึ่งออกมาเพื่อปก ป้องพระองค์ท่าน ซึ่ง 200-300 ปีที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเรื่องมา แต่เพิ่งมาเกิดขึ้น ไม่เข้าใจว่า เกิดอะไรขึ้น"ผบ.ทบ.กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การที่ประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้าไม่จำเป็นต้องทิ้งประวัติศาสตร์หรือต้อง ทิ้งทุกอย่างให้หมด ไม่เช่นนั้นลูกศิษย์คงไม่ต้องเชื่อฟังอาจารย์ ลูกคงไม่ต้องเชื่อฟังพ่อแม่ เพราะความเป็นประชาธิปไตย ถามว่า เรายอมได้หรือไม่ การที่จะมีรายการต่างๆ นั้น ตนจะไม่ละเมิดหรือก้าวล่วงสิทธิเสรีภาพของสื่อ ที่ผ่านมาตนพยายามทำดีกับสื่อทุกคนมาตลอด เว้นแต่บางครั้งต้องพูดคุยกันบ้าง หากให้เกียรติกันบ้างก็ไม่มีปัญหา กรณีดังกล่าว ตนไม่กล้าจะกล่าวว่า ผิดหรือถูก ใช่หรือไม่ใช่ แต่ในความรู้สึกตนเอง และ ทหารทุกคนอีก 2 แสนกว่าคนในกองทัพบกและทุกกองทัพเห็นว่า ยังไม่น่าเหมาะสมที่จะนำเรื่องพวกนี้มาพูดกันในเวลานี้ เพราะเป็นเวลาแห่งความขัดแย้ง และ เป็นเวลาที่มีเรื่องราวต่างๆ มากมาย ที่จะต้องแก้ไข โดยเฉพาะคนที่มาพูดเป็นถึงครู อาจารย์ ของคนทั้งประเทศ ประเทศชาติจะไปข้างหน้าได้ต้องมีครู อาจารย์ที่ดี และการสอนให้คนเป็นคนดี คิดว่า สำคัญกว่าจะสอนให้มาแก้กฎหมายโน่นกฎหมายนี้ ซึ่งยังไม่ใช่เวลา วันนี้จะทำอย่างไรไม่ให้เด็กตีกัน ไม่ติดยาเสพติด ให้เขาเคารพกฎหมาย รู้จักคุณธรรม จริยธรรม และเรียนรู้ประวัติศาสตร์

“คำว่า ประวัติศาสตร์ คือ ปัจจุบัน และ อนาคต ซึ่งอดีตมีทั้งดีและไม่ดี อันไหนที่ดีต้องรักษาไว้ให้ยั่งยืน โดยสถาบันต้องมีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำไมเราต้องทำลายให้หมดสิ้น เพื่อจะก้าวไปสู่ระบอบอนาธิปไตย ซึ่งคิดว่าไม่ใช่ประชาธิปไตย อยากให้ทุกคนกลับมาทบทวนว่า สิ่งที่นำเสนอไปนั้น ดีหรือไม่ดี ผิดหรือถูก คิดว่า คนไทยส่วนใหญ่ทั้ง 60 ล้านคนไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะหากคิดเช่นนั้นอยู่ไม่ได้ ดังนั้นการที่คนไม่กี่คน ออกมาพูดแล้วทำให้คน 60ล้านคนเปลี่ยนแปลงไปเป็นไปไม่ได้ เพราะมันขัดแย้งกันอยู่ ขอเรียนอีกครั้งว่า สถาบันไม่เคยทำร้ายประชาชน มีแต่ทรงห่วงใยประชาชนของท่าน สิ่งที่พระองค์ท่านทำไม่เคยคาดหวังอะไร แต่มีคนไปกล่าวอ้างว่า ที่พระองค์ท่านทำเพราะต้องการอย่างนี้อย่างนั้น ผมอยู่มา 60 ปีได้เข้าเฝ้าถวายงานอยู่หลายครั้ง มีแต่รับสั่งว่า สิ่งที่ท่านให้ประชาชนก็มาจากสิ่งที่ท่านได้จากประชาชนทั้ง ทรัพย์สิน เงินทอง ที่บริจาคมาท่านก็คืนกลับสู่ประชาชน พระองค์เคยรับสั่งกับผมเสมอว่า เมื่อไหร่ก็ตามเงินที่ท่านได้รับมาหมดไป จะเอาอะไรให้กับประชาชนของท่าน สมกับที่ประชาชนทรงรอท่านเสด็จเยี่ยม ท่านก็คงมีแต่ข้าวสารที่ทรงทำฟาร์มไว้ ท่านก็คงจะให้ข้าวสารเหล่านี้กับประชาชนแทน นี่คือสิ่งที่พระองค์ท่านรับสั่งจนติดหูผม ก็ไม่เคยเห็นท่านทรงรับสั่งอย่างอื่น”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า รู้สึกอึดอัดหรือไม่ที่เป็นทหารที่ปกป้องสถาบัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แน่นอน มันต้องมีบ้าง แต่ตนยอมรับว่าเป็นเรื่องของยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลง หน้าที่ตน คือ ทำอย่างไรไม่ให้ผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายไม่ได้มีไว้ให้ละเมิด เมื่อท่านรู้ว่า มาตราดังกล่าวทำแล้วจะถูกดำเนินคดี ท่านก็อย่าทำ เมื่อพระองค์ท่านไม่ได้ทำร้าย แล้วทำไมท่านจะต้องไปทำร้ายสถาบันด้วย เมื่อรู้ว่า กฎหมายฉบับนี้ทำให้ท่านเดือดร้อน ท่านต้องถูกดำเนินคดี ถ้าท่านไม่ทำแล้วใครจะมาทำอะไรท่านได้ ตนถามว่า ทุกคนที่ถูกดำเนินคดีในปัจจุบันนั้น เขาได้กล่าวคำพูดหรือแสดงปฏิกริยาผิดหรือไม่ ถ้าไม่ทำผิดแล้วถูกจับ ตนคิดว่าไม่มี วันนี้ไม่ได้มีการจับกุมทั้งหมด ทั้งที่มีมากมาย ไม่ถึงเป็นพัน หมื่น แสนคน เป็นแค่คนไม่กี่กลุ่ม ตนไม่รู้ว่าคนพวกนี้สมองเขาคิดอะไรอยู่ เมื่อประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยก็ต้องเคารพกระบวนการประชาธิปไตย คือการใช้เสียงส่วนใหญ่ โดยวันนี้คนส่วนใหญ่ยังอยู่กับสถาบันพระมหากษัตริย์ ยังเคารพนับถือและชื่นชม ยังภาคภูมิใจเวลาไปต่างประเทศ ถ้ามีคนส่วนน้อยยังคิดอยู่เราก็อย่าไปให้ความสำคัญ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คนเหล่านี้มีนัยทางการเมืองหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ต้องมีอะไรซักอย่าง ซึ่งตนก็ไม่ทราบเหมือนกัน ส่วนขบวนการเหล่านี้จะมีเบื้องหลังหรือไม่นั้น ก็คงเป็นไปอย่างที่ตนพูดมาว่า ขบวนการเหล่านี้มีมาตั้งแต่ในอดีตตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 คนพวกนี้ก็คิดในแบบของเขา ตนเป็นคนสมัยนี้แต่ก็คิดแบบคนสมัยเก่า เพราะประวัติศาสตร์คือวันนี้และอนาคต คนเหล่านี้ไม่คิดเรื่องประวัติศาสตร์ และ จะให้ไปคาดหวังกับอนาคตอย่างไร เมื่อคนส่วนใหญ่ยังรักสถาบันพระมหากษัตริย์ คนส่วนน้อยต้องยอมรับ และเลิกเสียทีพูดเรื่องราวเสียหายในเรื่องที่ไม่จริง เมื่อเกิดปัญหาทางกฎหมาย ก็ว่ากฎหมายไปรังแก ตนถามว่าถ้าไม่พูดจะมีเรื่องหรือไม่ ถ้าไม่ขีด เขียน หรือ โพสต์ข้อความต่างๆ จะเกิดเรื่องขึ้นหรือไม่

“เอาง่ายๆ คนบางคนยังไม่เคยเข้าเฝ้า หรือ อยู่ใกล้พระองค์ท่าน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า ท่านทำอะไรผิด พูดเป็นตุเป็นตะ เป็นเรื่องเป็นราว เพราะฟังเขามาทั้งนั้น ไปต่างประเทศมาก็อยากเป็นเหมือนประเทศนั้น ประเทศนี้ แต่นี่คือประเทศไทย เมื่อมองกันเรื่องประชาธิปไตย ถ้าท่านคิดว่า อยู่เมืองไทย มีสถาบันพระมหกษัตริย์ และ มีมาตราอะไรก็แล้วแต่ แล้วอึดอัด ท่านก็ไปหาที่อื่นอยู่แล้วกัน ที่ไหนก็ได้ที่ท่านคิดว่า อยู่แล้วสบายใจ เพราะคนส่วนใหญ่ยังอยู่ได้ และไม่ได้อึดอัด ผมอึดอัดอย่างเดียวว่า พระองค์ท่านทรงมีพระเมตตาขนาดนี้ พระองค์ท่านไม่ได้เป็นคนแจ้งความ การดำเนินคดีไม่ได้เกิดจากพระองค์ท่าน เกิดจากมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษจากที่ทนไม่ได้ ก็ไปแจ้งความตำรวจดำเนินคดี ซึ่งต้องเข้าคณะกรรมการกลั่นกรองว่า จะฟ้องคดีหรือไม่ มีการลดหลั่นโทษไปเริ่มตั้งแต่การตักเตือน หลุดไปก็จะ กรรมการของกระทรวงยุติธรมกลั่นกรองอีกชั้น ก็ต้องปรึกษาประสานไปถึงข้างใน และคนที่เกี่ยวข้องว่า ควรดำเนินการอย่างไร ไม่เกี่ยวกับท่านเลย ท่านมีแต่บอกว่า ให้อภัยคนเหล่านั้นซะ ไม่อยากให้มีการลงโทษ”ผบ.ทบ.กล่าว


เมื่อถามว่า คนเหล่านี้ควรหยุดพฤติกรรมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พวกท่านรู้ดีอยู่แล้ว ก็พยายามให้เป็นเรื่อง ถ้าพูดกันเข้าใจก็จบ แต่เขายังงองแง พยายามทำเรื่อยๆ ตนไม่เข้าใจว่าเขามีจุดประสงค์อะไรอย่างอื่นหรือไม่ เมื่อถามว่า คิดว่า ยังมีขบวนการล้มเจ้าหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนบอกแล้วว่ามีมาตั้งแต่ปี 2475 คนรุ่นนี้อาจจะยังไม่เคยสัมผัส แต่รุ่นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย น่าจะรู้ หรือเขาไม่ได้เกิดในเมืองไทย หรือมาจากที่อื่น แต่คิดว่า คนไทยทุกคนในอดีตบรรพบุรุษรู้จักสถาบันทั้งนั้น ถ้าใครคิดว่าสถาบันไม่มีประโยชน์กับประเทศไทย คิดว่า คนพวกนี้คงไม่น่าจะเกิดจากที่นี่ เขาอาจเกิดเมืองไทย แต่ไปเรียนรู้จากที่อื่น คิดว่าสิ่งที่เป็นปัญหาอยู่ขณะนี้ คือการพัฒนาอย่างสมดุล ทั้งวัตถุ จิตใจ ความเป็นมนุษย์ ซึ่งประเทศไทยยังต้องการอีกมาก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเริ่มมาโดยตลอด และ ท่านไม่เคยแข่งขันกับใคร ไม่เคยแข่งกับรัฐบาลหรือไม่เคยไปว่าใคร ท่านกำหนดบทบาทของพระองค์เองว่า ท่านจะใช้ภูมิปัญญา และพระราชทรัพย์ เงินส่วนพระองค์ มาดูแลประชาชน ในสิ่งที่ยังขาดหายไป เพื่อช่วยรัฐบาลทุกรัฐบาล ท่านไม่ได้คาดหวังว่า จะให้ประชาชนมารักพระองค์ท่านมากกว่ารักรัฐบาล ท่านหวังเพียงให้รักประเทศไทย และ สร้างประเทศไปในวันข้างหน้า ท่านคิดเพียงจะสร้างประโยชน์อะไรให้ประเทศชาติบ้าง

เมื่อถามว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีข่าวลือเรื่องสถาบันหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คำว่า ข่าวลือ คืออะไร ให้ไปเปิดพจนานุกรมดู ข่าวลือเป็นข่าวที่จริงหรือไม่ก็ไม่รู้ ใครพูดก็ไม่รู้ มีแต่ลือกัน ปากเปล่ากันไปเรื่อยว่าอย่างโน้นอย่างนี้ ตนถามว่า ไหนละ เอาพยาน หลักฐานมา มาพูดกับตนว่า ท่านทำอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วตนจะตอบให้ดู เมื่อถามว่า สาเหตุเนื่องมาจากการปฎิวัติเมื่อปี 2549ที่ทำให้สถาบันถูกแตะต้องมากขึ้นหรือ ไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาเข้าใจอย่างนั้น ว่าสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง ท่านเกี่ยวข้องอะไร การปฎิวัติเกิดมากี่ครั้งแล้วในประเทศไทยและท่านทรงเป็นพระมหากษัติย์มา ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถามว่า เป็นเมื่อปี 2549 หรือไม่ ท่านเป็นมากี่ครั้งแล้ว ท่านทรงรู้ว่า ต้องกำหนดบทบาทของพระองค์อย่างไร ในวันนั้นมีหลายคนออกมาพูดว่าพระองค์ทรงมีบทบาทอย่างไร เมื่อไรก็ตามที่เกิดความขัดแย้ง ท่านต้องทำให้ทุกอย่างบรรเทาเบาบางลงไป ทุกอย่างที่ท่านทรงลงพระปรมาภิไทย ท่านลงภายใต้กฎหมายทั้งสิ้น เมื่อเสนอไปก็ลงพระปรมาภิไทยเพราะเขียนเป็นกฎหมายว่าท่านต้องทรงลงพระปรมาภิ ไทย ไม่ว่านะเรื่องอะไรก็ตาม ท่านต้องทรงลง ไม่เช่นนั้นปฎิบัติไม่ได้ จึงเรียกว่า ประชาธิปไตยภายใต้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น เปิดสภา การโปรดเกล้าแต่งตั้ง ขอถามว่า ท่านตั้งใครหรือเปล่า ท่านตั้ง ผบทบ. หรือไม่ ไม่ใช่แต่ท่านทรงลงพรปรมาภิไทยตามที่รัฐบาล ฝ่ายบริหารเสนอขึ้นไป และถ้าท่านเห็นว่าเป็นกฎหมายและถูกต้องก็ต้องลงพระปรมาภิไทย

“จะมาบอกว่าปฎิวัติแล้วท่านทรงลงพระนาม กฎหมายคือรัฐธรรมนูญ เมื่อมีการปฎิวัติ กฎหมายยกเลิกรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็ไม่ได้ยกเลิก เมื่อยังมีอยู่แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ต้องทรงลงพระปรมาภิไทย และคณะรัฐประหารก็ถือเป็นรัฐบาลในขณะนั้น แล้วต้องลงนามหรือไม่ เพราะฉะนั้นอย่าไปมองว่า ทำไมท่านต้องลงนามแต่อยู่ที่คนทำขึ้นไปทั้งนั้น ต่อไปนี้ต้องระมัดระวังอย่าทำให้ท่านต้องเสื่อมเสีย จะทำอะไรก็แล้วแต่ คิดว่า ท่านทรงทำหน้าที่ของท่านจนถึงวันนี้ จนพระองค์ท่าน 85 พรรษาแล้วให้ท่านทรงพระสำราญ ทรงมีความสุขบ้าง ท่านทำมามากแล้ว อย่าไปกล่าวอ้างอะไรอีก แยกแยะให้ออกว่า การมีพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ และกฎหมายคืออะไร ไปตีความให้ดีก่อนจะไปถึงประชาธิปไตย ถ้ายังตีความไม่ออกว่า มีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้วประชาธิปไตยไปไม่ได้ คิดว่าอย่างนี้สอบตก ไม่ต้องไปเป็นด็อกเตอร์หรอก”ผบ.ทบ.กล่าว

เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรขณะดูรายการตอบโจทย์ พล. อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่ได้เกลียดชังใคร เพียงแต่รู้สึกว่า เห็นใจเขา คือ เขาคิดไม่ออก เขาอาจจะถูกของเขา แต่ไม่ถูกสำหรับตน ความคิดไม่ตรงกันได้ ถ้าตราบใดที่คน60กว่าล้านยังรักสถาบันพระมหากษัตริย์ ไอ้ไม่กี่คนก็ต้องยอม

เมื่อถามว่า จะมีการตบเท้าแสดงพลังหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะไปทำอย่างนั้นได้อย่างไร คนละเรื่องกัน บางอย่างเป็นกฎหมาย ถือว่า พระองค์ท่านอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง เพียงแต่สังคมช่วยกันดูและตัดสินว่า สิ่งที่เขาพูดมาใช่ไม่ใช่ ถูกหรือไม่ ที่ถามกันว่ามีข่าวลือก็ไปหาว่า ใครลือ ลือกันอย่างไรแล้วมาถามตน ตนตอบได้หมด เพราะอยู่มาเกือบทุกสถานการณ์และตนยืนยันมาไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่า สถาบันไม่เคยเกี่ยวข้องใดๆสิ้น มีแต่พระองค์จะดูว่าทำอย่างไรประเทศชาติ ประชาชนจะปลอดภัย ใครว่าอะไร ท่านไม่เคยตอบโต้หรือออกอากาศมาพูดหรือให้ใครมาพูดให้ ท่านทำไปเหมือนเดิม พะองค์ทรงอดทนและอดกลั้นเพราะทุกคนคือคนไทย สิ่งที่ตนได้ยินและติดหูอยู่คือทุกคนเป็นคนไทยไม่ว่าจะสีใดก็ตาม คือ พสกนิกรของพระองค์ท่าน ที่ต้องดูแลเอาใจใส่ไม่เคยแยกแยะ ตนก็ใช้แนวทางที่ท่านทรงรับสั่งน้ำท่วมให้ช่วยทุกคน ไม่ว่าจะพวกไหน ชอบ ไม่ชอบ ยิ่งไม่ชอบ ยิ่งต้องช่วยให้เขาเข้าใจว่าเราไม่ได้แยกแยะ เหมือนภาคใต้ เราเป็นคนไทยด้วยกัน ทำไมต้องมาทะเลาะกันเอง เพื่อประชาธิปไตยที่ยังไม่สมบูรณ์หรือ แล้วเรื่องปากท้องอยูตรงไหน ทะเลาะกันทุกวันนี้ ทำให้รายได้ ปากท้องดีขึ้นหรือไม่ ถ้าไม่มี เลิกเถอะแล้วกลับมาอยู่ด้วยกันดีกว่า กลับมารวมกันทำหน้าที่ของตัวเอง ลองดูว่า คนที่พูดว่า จะต้องเป็นประชาธิปไตย เรื่องนี้ไม่ต้องไปเชื่อ เรื่องนี้แสดงความคิดเห็นได้ ถามว่า ถ้าลูกศิษย์ไม่เชื่อฟังเขา ไม่เคารพเขา ถามว่า เขาอยู่ได้หรือไม่

“การปกป้องสถาบันเป็นหน้าที่ และเป็นความรู้สึก เพราะผมเกิดมาในแผ่นดินของพระมหากษัตริย์ ผมบังคับใครไม่ได้ บังคับทหารทุกคนไม่ได้ แต่เป็นเรื่องของความภาคภูมิใจ เป็นเรื่องของสายเลือดของคนที่เป็นทหาร สมัยก่อนคนไทยทุกคนเป็นทหาร ผมไม่ได้ไปรังกียจคนมาพูด แต่คิดว่า สิ่งมาพูดมันไม่ใช่ และคนอีก 60 ล้านกว่าคนก็คิดว่า ไม่ใช่ ถ้าขอได้ ผมก็อยากขอให้หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ แต่คิดว่า คงขอไม่ได้ ถ้าขอไม่ได้ก็ต้องไปเตรียมต่อสู้ตามกระบวนการทางกฎหมาย แล้วอยู่ดีๆท่านจะบอกว่า เมื่อไม่มีกฎหมายตัวนี้ ท่านจะได้ทำสิ่งนี้ได้ คงไม่ได้ เช่น บอกว่า ไปทำความผิดอะไรสักอย่างแล้วบอกว่า ไม่น่ามีกฎหมายตัวนี้ ควรไปแก้ปัญหาอื่นดีกว่า เช่น น้ำท่วม อาชีพ รายได้ การศึกษา ยาเสพติด การมานั่งแก้กฎหมายม.112 ผมว่า ไร้สาระ ที่พูดมาทั้งหมด ผมไม่ได้ว่า เขาผิดหรือถูก แต่ใช้คำว่า ควรหรือไม่ควร ใช่เวลาหรือไม่ ผมแค่แสดงความคิดเห็น ส่วนคนทั้งประเทศจะคิดแบบใครก็ไปคิดเอาเอง ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร และพระองค์ท่านทรงรับสั่งอยู่แล้วว่า สถาบันไม่ใช่ศัตรูกับใคร ผมก็จะไม่สร้างศัตรู แต่ต้องให้เป็นความธรรมกับสถาบัน เพราะพระองค์ท่านทำคุณประโยชน์มาโดยตลอด แต่ถามว่า คนที่ออกมาพูด วันนี้ทำคุณประโยชน์อะไรให้เห็นหรือยัง วันนี้ทุกคนต้องอยู่ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน บ้านเมืองพัฒนาไป แต่เราอย่าลืมรากเหง้าของตัวเอง ถ้าคนเราลืมรากเหง้าตัวเอง อีกหน่อยประเทศนี้คงไม่ใช่ประเทศไทย ทั้งนี้คนที่กระทำผิดท้ายที่สุด พระองค์ท่านก็พระราชทานอภัยโทษ แต่พอท่านอภัยโทษมันก็ทำอีก คนพวกนี้สมองมันไม่ใช่”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : คำต่อคำ แบบเต็มๆ บิ๊กตู่ ตอบคำถาม ตอบโจทย์ พระมหากษัติรย์ ภายใต้รัฐธรรมนูญ

view