สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ลอยแพค่าเงินบาท

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...เกียรติศักดิ์ ผิวเกลี้ยง

ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องจนใกล้ทะลุแนวต้าน 29 บาทต่อเหรียญสหรัฐ กลายเป็นโจทย์ทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลหนีไม่พ้น

นักวิเคราะห์หลายสำนักเริ่มประเมินว่า หากค่าเงินบาทหลุดแนวต้านดังกล่าว จะยิ่งไหลแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วจนไปทดสอบแนวต้านใหม่ที่ 28 บาทต่อเหรียญสหรัฐในไม่ช้า

ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างรวดเร็ว ทำให้การแก้ปัญหาจับต้นชนปลายไม่ถูก เมื่อรัฐบาลก็เริ่มนั่งไม่ติด ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็เริ่มเอาไม่อยู่ เพราะแม้แต่ ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. ออกมายอมรับว่าค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้แข็งค่าเร็วเกินไป

ขณะที่ กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ก็ยังเดินหน้าไล่บี้ ธปท.ให้ลดดอกเบี้ย เพื่อชะลอเงินทุนไหลเข้า ซึ่ง กิตติรัตน์ มองว่าเป็นต้นตอสำคัญที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็ง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ได้รับการตอบสนองจาก ธปท.

แม้แต่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ล่าสุดยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ 2.75% ต่อปี ไม่ยอมลดตามแรงกดดันทางการเมือง เป็นเครื่องบ่งบอกว่า ธปท.เลือกดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ไม่เล่นตามฝ่ายการเมืองที่จะพาเศรษฐกิจเข้ากองเพลิงในที่สุด

โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา กิตติรัตน์ ก็ยังจี้ถาม ประสาร อีกครั้ง หากจะใช้ดอกเบี้ยดูแลค่าเงินบาท ธปท.จะสามารถลดดอกเบี้ยได้ลงอีกเท่าไร แต่ก็ไม่มีเสียงตอบจาก ประสาร เสมือนเป็นคำตอบอยู่ในตัวว่า ธปท.จะไม่ใช้นโยบายดอกเบี้ยดูแลค่าเงินบาทอย่างแน่นอน

ทำให้การแก้ไขค่าเงินบาทของรัฐบาลกับ ธปท. อยู่ในลักษณะประสานงามากกว่าประสานงาน เพราะต่างฝ่ายต่างเซฟตัวเอง โดย ธปท.ก็จะใช้ยาแรงดูแลค่าเงินบาทและโยนภาระให้รัฐบาลในการรับไม้ดูแลค่าเงิน บาทต่อ หากต้องการให้ค่าเงินบาทอ่อนมากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบเอาเอง หากผลของมาตรการเกิดผลข้างเคียงรุนแรงตามมา

แน่นอนว่า รัฐบาลก็ไม่ยอมเอาตัวไปเสี่ยง แม้ว่าที่ผ่านมากระทรวงการคลัง จะเตรียมมาตรการเก็บภาษีเงินทุนไหลเข้าออกไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับไฟเขียวจากการเมือง เพราะประเมินแล้วว่ามาตรการภาษีก็ไม่ต่างอะไรกับสำรองเงินทุนนำเข้า 30% ที่ ธปท.เคยใช้ตอนปี 2549 จนตลาดหุ้นตกกว่า 100 จุดในวันเดียว ทำให้ต้องยกเลิกมาตรการทั้งที่ยังใช้ไม่ได้ข้ามคืน

แม้แต่ กิตติรัตน์ ก็ออกมายืนยันหนักแน่นว่า รัฐบาลจะไม่มีการออกมาตรการแปลกประหลาดในการดูค่าเงินบาทที่แข็งค่านี้อย่าง แน่นอน เพราะมาตรการชั่วคราวจะบั่นทอนความเชื่อมั่นนักลงทุน เป็นการปิดประตูว่ารัฐบาลจะไม่ออกมาตรการภาษีสกัดเงินร้อนอย่างแน่นอน

เมื่อแนวทางการดูแลค่าเงินบาทแข็งของทั้ง ธปท.และรัฐบาล ออกมาแบบรักษาตัวรอด ทำให้แนวโน้มค่าเงินบาทของไทยจะขยับตัวแข็งค่าอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ

เพราะหากดูแนวทางของ ธปท. ก็จะดำเนินการตามเครื่องมือที่มีอยู่ในมือเท่านั้น เมื่อนโยบายดอกเบี้ยไม่ได้ เพราะ ธปท.มองวันเงินเฟ้อยังเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจในอนาคต การลดดอกเบี้ยเพื่อดูแลค่าเงินบาท จะได้ไม่คุ้มเสีย

เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จะเหลือแต่เครื่องมือในการแทรกแซงค่าเงินเท่านั้น ซึ่ง ธปท.ก็จะทำอย่างระมัดระวัง รักษาค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวน พยายามให้ค่าเงินแข็งค่าน้อยกว่าคู่แข่ง หากจะแข็งค่ากว่าก็จะทำให้แข็งค่าน้อยที่สุด เพื่อไม่ให้เสียเปรียบการแข่งขันมากเกินไป

ในภาวะตลาดเช่นนี้ เป็นไปได้อยากที่ ธปท.จะโหมโรงทำให้ค่าเงินบาทอ่อนให้กลับไปอยู่ 3132 บาทต่อเหรียญสหรัฐ อย่างที่ฝ่ายการเมืองต้องการ เพราะการไหลเข้าของเงินทุนต้องยอมรับว่า ส่วนหนึ่งมาจากโครงการทางเศรษฐกิจของไทย และภูมิภาคนี้มีการขยายตัวดี จึงได้รับความสนใจจากนักลงทุน

นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบเศรษฐกิจของสหรัฐ ทำให้มีเงินทุนไหลบ่าเข้ามาลงทุนในไทยจำนวนมากกว่าปกติ เหมือนการไหลเข้าของเงินทุน ไหลมากไหลแรงขนาดนี้ การเข้าไปแทรกแซงฟื้นตลาดมีแต่เสียหาย ซึ่ง ธปท.มีบทเรียนดีจากวิกฤตการเงินปี 2540 ที่ไปสู้ค่าเงินบาทจนหมดตัว

ส่วนมาตรการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไปลงทุนในต่างประเทศของ ธปท.ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่ายังไม่ได้ผลเป็นกอบเป็นกำ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นมาตรการที่ดีในระยะยาว แต่ในระยะสั้นยังหวังผลจากมาตรการนี้ไม่ได้

ด้านรัฐบาลก็จะเต้นชิงหนีการดูแลค่าเงินบาท โดยโยนความรับผิดชอบให้ ธปท.ไปทั้งหมด เพื่อไม่ให้เผือกร้อนเข้าตัว

เพราะในช่วงนี้รัฐบาลมีปัญหาทางการเมืองมาก มีภารกิจสำคัญในการผลักดันร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเข้าสภาในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าจะโดนรุมยำจากฝ่ายค้านอย่างหนัก ว่าสร้างหนี้ท่วมประเทศ และทำโครงการขึ้นมาหักหัวคิวหาผลประโยชน์เข้าตัวเองและพวกพ้อง

การผลักดัน พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ให้รอดถึงฝั่งฝันเป็นภารกิจหลักที่พลาดไม่ได้ ทำให้รัฐบาลต้องเคลียร์ปัญหาจะมาตัดกำลังและความน่าเชื่อถือของรัฐบาลออกไป ให้หมด

โดยก่อนหน้านี้ ทางการเมืองก็มีการเลื่อนการปรับคณะรัฐมนตรีออกไปก่อน มีการเลื่อนการพิจารณา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อรวบรวมสรรพกำลังทั้งหมดมาผลักดันกฎหมายเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท

เมื่อเป็นเช่นนี้ กิตติรัตน์ จึงไม่เสี่ยงรับเป็นหัวเรือในการแก้ไขเงินบาทแข็งค่าอย่างเต็มตัวอย่างที่ ควรจะเป็นอย่างแน่นอน เพราะจะเป็นการเอาไฟมาสุมรัฐบาล เปิดจุดอ่อนให้ฝ่ายค้านรุมสับ หากการดำเนินการผิดพลาด ทำให้สะเทือนไปถึงการผลักดันกฎหมายเงินกู้อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีหลายฝ่ายมองว่า กิตติรัตน์ ยังผูกใจเจ็บ ธปท.มาตลอด ตั้งแต่การโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ 1.1 ล้านล้านบาท ไปไว้ที่ ธปท.ไม่สำเร็จ เพราะ ประสาร ออกมาคัดค้าน จนสุดท้ายกระทรวงการคลังต้องถอย ทำได้แค่โอนภาระเท่านั้น แม้ว่าภาระชำระหนี้ของรัฐบาลจะลดลง แต่หนี้สาธารณะไม่ได้ลดลงอย่างที่รัฐบาลฝันไว้

ขณะเดียวกัน กิตติรัตน์ ยังไม่พอใจ ธปท.ที่ไม่ลดดอกเบี้ยนโยบายตามที่รัฐบาลต้องการ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้พองโตเป็นหน้าเป็นตาให้กับรัฐบาล รวมถึง ธปท.ชอบออกมาให้ข่าวว่าเป็นห่วงหนี้ภาคครัวเรือน ซึ่งพาดพิงว่ามาจากสาเหตุโครงการประชานิยมของรัฐบาล

ความไม่พอใจ ธปท.ของ กิตติรัตน์ ที่สะสมมานาน เป็นสาเหตุหนึ่งที่ลอยแพแบงก์ชาติให้แก้ค่าเงินบาทแข็งตามลำพัง และพยายามโยนความผิดว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาจากสาเหตุที่ ธปท.ไม่ยอมลดดอกเบี้ยนโยบายตามที่รัฐบาลบอก ทำให้มีเงินไหลเข้ามาไม่หยุด กดดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่าทุบสถิติอยู่ตลอดเวลา

เมื่อความรับผิดชอบการแก้ไขเงินบาท ซึ่งเป็นหน้าที่ของทั้ง ธปท.และรัฐบาล ถูกภาวะการเมืองเข้าแทรกเอาดีใส่ตัว โยนภาระร้อนให้คนอื่น ทำให้การแก้ปัญหาไม่เป็นชิ้นเป็นอัน กลายเป็นจุดอ่อนให้นักลงทุนขาใหญ่นำไปเป็นเครื่องมือทุบทั้งหุ้น ทุบทั้งค่าเงิน หาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าเป็นกอบเป็นกำ

ดังนั้น การแก้ไขค่าเงินบาทจากนี้ไปจนถึงการพิจารณา พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ก็จะทำได้แค่แก้ปัญหาประคองเอาตัวรอดไปวันๆ เท่านั้น

ส่วนการแก้ปัญหาที่รากเหง้าในระยะยาวยังถูกลอยแพต่อไป เพราะ ธปท.ก็ทำงานได้จำกัด ขณะที่รัฐบาลก็สนใจสร้างแต่หนี้ หาผลประโยชน์เข้าตัวมากกว่ามาเสียเวลาแก้ปัญหาค่าเงินบาทที่ได้แต่กล่อง แต่ไม่ได้เงิน


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ลอยแพ ค่าเงินบาท

view