สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

แบรนด์...เพื่อไทยหว่านเงินทั่วไทยซื้อใจรากหญ้า

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...จตุพล สันตะกิจ

การเข้ามาดำรงตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 3 ของ วราเทพ รัตนากร ในห้วงเวลา 4-5 เดือนที่ผ่านมา ต้องถือว่า “สอบผ่าน” เพราะภารกิจที่ได้รับมอบหมายนั่นคือ การกระจายงบลงฐานเสียงรากหญ้าทั่วประเทศ ซึ่งเป็นฐานเสียงของรัฐบาลเพื่อไทยให้ปรากฏผลเด่นชัดเป็นรูปธรรม

ทั้งงบที่จัดสรรตามนโยบายหาเสียงของพรรค และเงินก้อนใหม่ที่สัญญาว่า “จะให้” แก่ท้องถิ่น

ไล่ตั้งแต่ปฏิบัติการขับเคลื่อนการเร่งรัดจัดสรรเงินเพิ่มทุนกองทุนหมู่ บ้าน หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท ให้กองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศ 78,517 แห่ง และการเร่งจัดสรรเงินโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (เอสเอ็มแอล) ให้ 8 หมื่นชุมชนทั่วไทย ชุมชนละ 35 แสนบาทตามขนาดประชากร โดยเฉพาะในจำนวนนี้เป็นชุมชนในพื้นที่กรุงเทพฯ 6,000 ชุมชน

เพราะก่อนหน้านี้ปฏิบัติการอัดฉีดเงินลงพื้นที่อยู่ในภาวะ “ปืนขัดลำกล้อง” กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.คลัง ขุนพลใหญ่เศรษฐกิจ มีภารกิจติดงานล้นมือ ทั้งงานหลวงงานราษฎร์ ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย หรือเป็นกาวใจเชื้อเชิญ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี มาฟังวงดนตรีออร์เคสตราที่ทำเนียบรัฐบาล

แต่วันนี้การเปิดก๊อกไล่หว่านเงินลงรากหญ้าไหลลื่นมากขึ้น เพราะหลังปรับ ครม.ปู 3 ช่วงปลายเดือน ต.ค. 2555 วราเทพ ได้เข้ามากระทุ้งท่อ เพราะหากจำกันได้ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปรารภในที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ วันที่ 19 ก.ย. 2555 สั่งเร่งรัดเบิกจ่ายเงินกองทุนต่างๆ ที่กองค้างอยู่ 1.15 แสนล้านบาท หวังกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้คึกคัก

“ขณะนี้รัฐบาลโอนเงินเพิ่มทุนให้หมู่บ้านแล้ว 2 ครั้ง เป็นเงินกว่า 4 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 4 หมื่นล้านบาท จะเร่งโอนเงินให้กองทุนหมู่บ้านที่มีความพร้อมให้แล้วเสร็จในเดือน ก.ย. 2556 โดยจะอนุมัติเพิ่มทุกๆ 2 เดือน ส่วนเงินเอสเอ็มแอลนั้นจะเร่งโอนเงินให้ชุมชนที่มีความพร้อม และทำประชาคมโครงการให้แล้วเสร็จในเดือน เม.ย.นี้” วราเทพ ระบุ

ยิ่งเร่งเงินลงพื้นที่เร็วเท่าไหร่ เศรษฐกิจคนรากหญ้าก็ยิ่งสะพัด เสียงชื่นชมยิ่งสะท้านแผ่นดิน

ไม่เพียงเท่านั้น ปฏิบัติการยิ่งลักษณ์ ยิ่งเลิฟ ยังเผื่อแผ่อานิสงส์ถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เมื่อคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ นั่งหัวโต๊ะ มีมติอนุมัติงบประมาณเฉพาะกิจ 1.8 หมื่นล้านบาท ให้ อปท. 7,000-8,000 แห่งทั่วประเทศ สนับสนุนโครงการก่อสร้างท้องถิ่น “ต้องการ”

โดยคณะกรรมการให้อิสระแก่ อปท. คือ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และเทศบาล ทำเรื่องเสนอโครงการของบเฉพาะกิจก้อนนี้ ขอใช้เงินอุดหนุนก้อนนี้ทำโครงการก่อสร้าง เช่น ถนน ระบบน้ำ และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เป็นต้น โดยวงเงินที่เสนอขอต้องไม่น้อยกว่า 5 แสนบาท แต่ไม่เกิน 10 ล้านบาท

อีกทั้งงบก้อนนี้อาจแปรสภาพเป็น “ท่อน้ำเลี้ยง” ให้การเมืองระดับชาติ เพราะตามขั้นตอน อปท.ต้องเสนอโครงการที่จะของบอุดหนุนเฉพาะกิจให้กรมส่งเสริมการปกครองท้อง ถิ่นกลั่นกรอง และอนุมัติเสนอบอร์ดกระจายอำนาจอนุมัติขั้นสุดท้าย และว่ากันว่าขั้นตอนการขอผ่านโครงการตรงนี้มีค่าหัวคิว 2030%

เช่นรัฐบาลสมัยหนึ่งที่พรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่งได้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จใน กระทรวงมหาดไทย และว่ากันว่าเงินท้องถิ่นแต่ละปีที่มีวงเงินกว่า 2 แสนล้านบาท โดยเฉพาะงบลงทุนมีการหักหัวคิวผ่านกลไกระบบราชการมีเงินทอนไม่น้อยกว่า 4,000-5,000 ล้านบาท และเงินที่ว่านี้ไหลไปอยู่จังหวัดใหญ่แถบอีสานใต้

แต่เงินกินเปล่าก้อนนี้ซื้อใจฐานเสียงคนการเมืองท้องถิ่นไปเต็มๆ

ล่าสุดมติ ครม. วันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา อนุมัติจัดสรรแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด แผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด และคำของบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ 2557 เรียกสั้นๆ ว่า “งบจังหวัดและกลุ่มจังหวัด”

แต่ทว่าปรากฏการณ์ที่สำคัญ คือ วงเงินงบจังหวัดที่เคยอยู่ที่ปีละ 1.8 หมื่นล้านบาทนั้น ตัวเลขทะยานขึ้นไปเป็น 3.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 60% โดยเป็นงบที่จัดสรรให้กลุ่มจังหวัดโดยตรงเกือบ 2 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นงบที่จัดสรรทางอ้อมผ่านกระทรวง ทบวง กรมในแต่ละพื้นที่

และนั่นก็นับได้ว่าเป็นการกลับมาบูมของงบประมาณจังหวัดอีกครั้งในรอบเกือบ 10 ปี

เพราะหากย้อนกลับไปในช่วงปี 2547-2548 รัฐบาลทักษิณจัดสรรงบให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัด 45 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่หลังรัฐประหารรัฐบาลทุกชุด “จำกัด” งบจังหวัดเหลือไม่เกินปีละ 1.8 หมื่นล้านบาท ก่อนที่ ครม.ยิ่งลักษณ์ จะมีมติโถมงบปี 2557 กว่า 3.1 หมื่นล้านบาท ลงจังหวัดตามยุทธศาสตร์จังหวัดและกลุ่มจังหวัด และยุทธศาสตร์ประเทศ

“ถ้าไม่นับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านขนส่ง 2 ล้านล้านบาท และงบลงทุนระบบน้ำ 3.5 แสนล้านบาท รัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ให้ความสำคัญกับการจัดสรรงบที่ยึดการพัฒนาในแต่ละพื้นที่เป็นเป้าหมาย หรือ Area Based มากที่สุดนับแต่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ” ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ระบุ

เช่นกันงบจังหวัดก้อนโตจะทำให้มีเงินไหลเวียนในจังหวัดมากขึ้น อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 200300 ล้านบาทต่อจังหวัด ในรูปของงบพัฒนาและเงินก่อสร้าง เช่น โครงการด้านการส่งเสริมและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว

แต่แน่นอนที่สุด เงินก้อนนี้จะลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับพื้นที่ระดับหนึ่ง แม้การจัดสรรเงินอาจมีกระบวนการล็อบบี้การใช้จ่ายเงินผ่าน “ผู้ว่าฯ” โดยการใช้อำนาจแฝงของ สส.และนักการเมืองในพื้นที่ก็ตาม

การเร่งโอนงบหว่านเงินลงเศรษฐกิจฐานรากที่เป็นการก๊อบปี้นโยบายเศรษฐกิจ คู่ขนานสมัยรัฐบาลทักษิณที่ครองใจคนรากหญ้ามาทั้งดุ้น ถือเป็นการตอกย้ำแบรนด์รัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มีดีเอ็นเอเหมือนกับรัฐบาล ทักษิณไม่ผิดเพี้ยน ให้ยิ่งมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ไม่นับโครงการมหาประชานิยมที่ทยอยสาดใส่คนไทยอย่างต่อเนื่อง


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : แบรนด์...เพื่อไทย หว่านเงิน ทั่วไทย ซื้อใจ รากหญ้า

view