จาก โพสต์ทูเดย์
โดย...ชลลดา อิงศรีสว่าง
ค่าเงินบาทยังไร้วี่แววจะหยุดแข็งค่า หลังจากธนาคารกลางขนาดใหญ่ของโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ใช้นโยบายฉีดเงินออกมากระตุ้นเศรษฐกิจจนสภาพคล่องท่วมโลก
นอกจากนี้ ความไม่สมดุลของเศรษฐกิจโลก ชาติพัฒนาอยู่ในช่วงของภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ในขณะที่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่เติบโตได้ดี ทำให้เงินทุนทะลักไหลเข้าสู่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ จนทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นทั้งหมด
สำหรับไทย ค่าเงินแข็งค่าขึ้นไปแตะ 28.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐแล้ว และมีแนวโน้มจะแข็งค่าขึ้นไปอีก เพราะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในปัจจัยพื้นฐาน
โดยหลักปฏิบัติ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเข้าแทรกแซงค่าเงินเมื่อค่าเงินแกว่งตัวหนัก ช่วงกว้าง 0.3-0.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ หรือแข็งค่าพรวดเดียว 0.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
การแทรกแซงค่าเงินของ ธปท. คือ การเข้าซื้อขายเงินผ่านตัวแทน ซึ่งอาจจะเป็นสถาบันการเงินในต่างประเทศ
จะสังเกตว่า ธปท.แทรกแซงค่าเงินบาทด้วยการซื้อขายเงินหรือไม่ ก็ดูจากฐานะทุนสำรองระหว่างประเทศที่จะเพิ่มหรือลดลง ซึ่ง ธปท.จะรายงานต่อสาธารณชนทุกสัปดาห์
แต่การที่ค่าเงินบาทแข็งค่าจนหาจุดรับไม่เจอว่าจะไปหยุดอยู่ที่ใด การแทรกแซงด้วยการซื้อขายเงินเป็นการแทรกแซงที่ขาดทุนทางเดียว คือ ขาดทุนทุกราคาที่ ธปท.เข้าซื้อ
นี่คือการขาดทุนเพื่อชาติที่ผู้บริหาร ธปท.จะพูดอยู่เสมอ แต่ในภาวะเช่นนี้ หาก ธปท.ฝืนตลาดเข้าซื้อเงินมีหวังจะหมดหน้าตักเหมือนในช่วงปี 2540
การลดดอกเบี้ยเพื่อลดแรงกดดันของเงินไหลเข้าจะเกิดขึ้นแน่นอนในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในปลายเดือน พ.ค.นี้
สัญญาณสะท้อนว่าตลาดมั่นใจว่า ธปท.จะลดดอกเบี้ยนโยบาย คือในช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป มีการปรับลดลง ทั้งที่ช่วงก่อนมีการซื้อเข้ามาในตราสารหนี้ระยะสั้น ประเด็นอาจจะเป็นการเก็งกำไรจากการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยอาจจะมีการปรับ ลดลงในอนาคต
คำถามคือ การจะรอลดดอกเบี้ยในเดือนหน้าอาจจะช้าไปหรือไม่ หากค่าเงินบาทแข็งค่าหลุด 28.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ลงไปสู่ 28 บาทต่อเหรียญสหรัฐถ้วนๆ
ฝ่ายการเมืองและผู้ส่งออกอาจจะทนไม่ไหว ซึ่ง ธปท.ก็อาจจะรอไม่ได้เช่นกัน ในวันที่ 26 เม.ย.นี้ ทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จะเข้าหารือกับ ธปท. เพื่อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเงินบาทแข็งค่า ที่ได้หารือกับสมาชิก ส.อ.ท.มา
หลังจากการพบกัน คาดว่า ธปท.อาจจะตัดสินใจออกนโยบายแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่าอีกครั้ง หลังจากที่ได้ออกมาตรการดูแลค่าเงินแบบเบาๆ มาระยะหนึ่งแล้ว
ก่อนหน้านั้น ธปท.ได้ออกมาตรการดูแลค่าเงินบาทชุดหนึ่งแล้ว คือ 1.อัตราแลกเปลี่ยนที่ยืดหยุ่นปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด
2.รักษาดุลการเคลื่อนย้ายเงินทุนทั้งเข้าและออก โดยสนับสนุนให้ภาคเอกชนออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น รวมทั้งประสานไปยังหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจที่มีความต้องการลงทุนใน ต่างประเทศสามารถออกไปได้ทันที หรือเร่งชำระหนี้ต่างประเทศ
3.การเข้าแทรกแซงตลาดด้วยการเข้าซื้อเงินตราต่างประเทศ และ 4.เข้าไปกำกับดูแลการเคลื่อนย้ายเงินทุนในรูปแบบต่างๆ
แต่มาตรการเหล่านี้ยังไม่สามารถลดความร้อนแรงของเงินทุนไหลเข้าได้ จึงอาจจะได้เห็นมาตรการชุดใหม่ของ ธปท.ในการดูแลค่าเงินบาทในเร็วๆ นี้
ส่วนความหวังจะให้กระทรวงการคลังช่วย ธปท.ดูแลค่าเงินด้วยการใช้มาตรการภาษี เป็นเรื่องที่หวังได้ยาก และเป็นไปได้ยากเช่นกัน เพราะดูเหมือนคลังโดดเดี่ยว ธปท.ให้จัดการกับปัญหาค่าเงินโดยลำพัง
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน
