จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วีระศักดิ์ พงศ์อักษร

"ส.ค.นี้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะบริหารประเทศไทยครบ 2 ปี แต่เวลาที่ผ่านมา เธอก็ไม่สามารถหลุดจากกับดัก

ภาพลักษณ์ตัวแทนพี่ชาย ออกไปได้... จากโคลนนิ่ง.. เงา..หรือข้อสงสัยเรื่องหุ่นเชิด แต่หลังการ speech ณ กรุงอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย เมื่อ 29 เม.ย. ดูเหมือนเธอจะเป็นมากกว่านั้น "

speech "ประชาธิปไตยแบบด้านเดียว" ภายใต้ภาษาแบบแกนนำเสื้อแดง สะท้อนได้เป็นอย่างดีว่า..เธอถูกยึดอำนาจและไร้การต่อรองอย่างสิ้นเชิง! ('ยิ่งลักษณ์'ฟ้องเวทีโลกเจ็บปวดพี่ชายถูกปฏิวัติ http://bit.ly/186KdU6 )

การเริ่มต้นจากศูนย์แบบประชาชนไม่ได้คาดหวัง ย่อมเป็นสิ่งที่ดี เพราะความนิยมต่ำสุด ไม่อาจที่ตกต่ำจากฐานที่เป็นอยู่ แต่ถึงกระนั้นหลังบริหารประเทศผ่านมา 1 ปี

เอแบคโพลล์สำรวจเมื่อเดือนก.พ.2555 สอบถามถึงคะแนนนิยมของสาธารณชนต่อ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พบว่าเพิ่มสูงขึ้นหลังจากตกลงไปในช่วงเดือนม.ค.ที่ 34.7% กลับสูงขึ้นมาอยู่ที่ 41.8%
เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยะ!!

เมื่อ ธ.ค.2555 ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) เปิดเผยผลสำรวจคะแนนนิยมยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พบว่าปรับลดลงเหลือ 48.7% จากเดิม 52.6% เมื่อเทียบกับช่วงที่มีการแต่งตั้ง ครม.ยิ่งลักษณ์ 3 นอกจากนี้ คะแนนนิยมของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังสูงกว่าการสำรวจในช่วงวิกฤติน้ำท่วมปี 2554 ที่คะแนนนิยมขณะนั้นเท่ากับ 47.0%

ตัวเลขคะแนนนิยมยังอยู่ระดับน่าพอใจ...และเริ่มเป็นความหวังใหม่ อีกทั้งประชาชนส่วนใหญ่ก็เริ่มที่จะ"ลืม"พี่ชาย"ไปพอสมควร จนสื่อต่างประเทศเองก็ได้วิเคราะห์ในแนวทางนี้ว่า การออกมาพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คนไทยเริ่มให้ความสนใจน้อยลง

การสไกป์..เขามาที่พรรคเพื่อไทยและอีกหลายเวที ก็เพื่อที่จะคอนโทรลจากทางไกล มีประสิทธิภาพเช่นเดิม เพราะทราบดีว่าหลังจากยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บริหารประเทศผ่านไป 1 ปี ได้แสดงความเป็น"ตัวตน"และแนวทางของตัวเอง ออกมาระดับหนึ่ง ผ่านการปรับคณะรัฐมนตรี ที่ปฏิเสธที่จะดึงแกนนำเสื้อแดงบางรายเข้ามาร่วมครม. หรือการคัดค้านและแสดงจุดยืนชัดเจน กรณีให้ กิตติรัตน์ ณ ระนอง ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง"เช่นเดิม"

บารมี...เริ่มแสดงให้เห็น ผ่านความพยายามจับกลุ่ม หวังสร้างขั้วอำนาจใหม่ ที่สามารถพูดจากับแกนนำขั้วอำนาจเก่าได้ดีพอสมควร

ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นความเป็นผู้หญิง และบุคลิกที่นิ่มนวล ง่ายที่จะเป็นตัวแทนของผู้นำที่จะสร้างความปรองดองของคนในชาติ หลังผ่านเหตุการณ์ขัดแย้งรุนแรงเมื่อปี 2553

อะไรอยู่เบื้องลึก เบื้องหลัง speech ที่ประเทศมองโกเลีย?
speech ณ กรุงอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย เมื่อ 29 เม.ย. สะท้อน "เธอถูกยึดอำนาจเบ็ดเสร็จ" และตัวแปรสำคัญอยู่ที่การเลือกตั้งซ่อมเขต 3 เชียงใหม่ ที่สามารถดันพี่สาว "เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เข้าสภา

หมากนี้...ถูกเปิดเผยออกมาชัดเจนตั้งแต่ต้นแล้วว่า เตรียมพร้อมสำหรับ"นายกสำรอง" กรณีที่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง หรือกรณี "ไม่เชื่อฟังพี่ชาย"

เกมหรือเครื่องมือที่ยิ่งลักษณ์มีก่อนหน้านี้.."หากปลดกิตติรัตน์ ขู่ลาออก" อาจจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป
speech ที่ประเทศมองโกเลีย เป็น"ภาษาแกนนำเสื้อแดง"...มากกว่าที่จะพูดในภาษา"ผู้นำประเทศไทย" เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่ พูดถึง"เขา"นั้น หมายถึงกลุ่มคนเสื้อแดงถูกกระทำ

แต่หากพูดในภาษาผู้นำประเทศ ต้องสื่อให้เห็นว่าความรุนแรงในประเทศไทยที่ผ่านมา "ทุกฝ่ายถูกกระทำ..ที่รอการพิสูจน์ความผิดตามกระบวนการยุติธรรม" ส่วนการรัฐประหารที่เกิดขึ้นนั้น ต้องพูดถึงบริบทก่อนเกิดการรัฐประหารด้วยว่า การบริหารงานของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีการเคารพ"เสียงข้างน้อย"มากน้อยแค่ไหน เพราะนี้คือ"หัวใจ"ของระบอบประชาธิปไตย อีกทั้งไม่ได้พูดถึงว่า การบริหารแบบธุรกิจพวกพ้อง ได้กีดกัน ธุรกิจกลุ่มอื่น จนสร้างความเจ็บปวด ล้มละลายมากน้อยแค่
นี้คือ speech ประชาธิปไตยแบบด้านเดียว

การรัฐประหารที่ประชาชนนำดอกไม้ให้กับทหาร เป็นปรากฏการณ์ที่นักประชาธิปไตย ต้องวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้น? เมื่อประชาชนยอมเว้นวรรคประชาธิปไตย

หรืออาจจะใช่ตามที่ศาลวินิจฉัยเมื่อครั้งยึดทรัพย์ว่า"เป็นการทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน"
นอกจากนั้น speech ที่มุ่งเน้นโจมตีองค์กรอิสระ ก็เป็นภาษาเดียวกับกลุ่มแกนนำเสื้อแดงและสมาชิกพรรคเพื่อไทย กำลังเคลื่อนไหวกดดันองค์กรอิสระอยู่ขณะนี้

speech จึงพูดในภาษา"แกนนำเสื้อแดง"...นอกจากจะมุ่งกดดันไปที่องค์กรอิสระแล้ว ยังสามารถ"ดึง"กลุ่มคนเสื้อแดงที่กระจัดกระจาย กลุ่มแดงอิสระให้กลับมาผนึกกันอีกครั้งก็เป็นได้

ใครเป็นคนร่าง?
คนเดียวกับที่เคยร่าง speech สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ...เขาเป็น "หมอ" นักวางกลยุทธ์ให้กับ อดีตนายกฯและพรรคไทยรักไทย ชนะการเลือกตั้งถล่มทลายนับตั้งแต่ปี 2544 และวันนี้"หมอ"ถูกส่งมาดูแล ทางยุทธศาสตร์อีกครั้ง

ยุทธศาสตร์วันนี้ คือ"สร้างความชอบธรรม"เพื่อกดดันองค์กรอิสระ(ที่ยังแทรกแซงไม่ได้) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

เพราะประเมินแล้วว่า...ตอนนี้เหลือแค่ 3 องค์กรอิสระ"ศาล-แบงก์ชาติและ ป.ป.ช."ที่เป็นหนาม ขวางทาง กระบวนการยึดอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ !!!

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน