จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

เปิดผลสำรวจแบงก์ชาติ เอกชนผวาบาทแข็ง กระทบผลประกอบการ แต่ยังเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ โตต่อเนื่อง

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้สำรวจแนวความเห็นของนักธุรกิจทั่วประเทศกว่า 198 ราย ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2556 รวมทั้งการสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจรายเดือนจากบริษัทต่างๆ กว่า 1,010 รายทั่วประเทศในการประเมินเศรษฐกิจไตรมาส 2

ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้สำรวจแนวความเห็นของนักธุรกิจทั่วประเทศกว่า 198 ราย ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2556 รวมทั้งการสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจรายเดือนจากบริษัทต่างๆ กว่า 1,010 รายทั่วประเทศ พบว่า แนวโน้มธุรกิจช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่อาจชะลอตัวลงตามอุปสงค์ ในขณะที่ราคาสินค้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามต้นทุนที่ปรับเพิ่ม

"จากการสำรวจความเชื่อมั่นภาคธุรกิจรายเดือน พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นด้านราคาขายสินค้าในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่เหนือ 50 สะท้อนว่าผู้ประกอบการคาดว่าจะปรับราคาขายสินค้าเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันตามการเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบ ราคาพลังงาน และค่าแรง"

ทั้งนี้ผลสำรวจดังกล่าวสอดคล้องกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ประกอบการที่พบว่า หลายธุรกิจมีแผนปรับขึ้นราคาสินค้า โดยอาจทยอยขึ้นภายในปีนี้ ซึ่งภาคอสังหาริมทรัพย์สามารถปรับขึ้นราคาได้ตามต้นทุนที่ดินและวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น เพราะประเมินว่าอุปสงค์ยังอยู่ในเกณฑ์ดีและลูกค้ายังมีกำลังซื้อ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีแผนผลิตสินค้าใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นทดแทนสินค้าเดิมซึ่งมีการแข่งขันด้านราคาสูงและกำไรน้อย

บางอุตสาหกรรมยังไม่สามารถปรับราคาขายขึ้นได้ในปีนี้ เนื่องจากมีการทำสัญญาการขายเป็นรายปี เช่น อุตสาหกรรมอาหารส่งออกแปรรูป และภาคขนส่ง

ส่วนการสำรวจความเห็นเกี่ยวกับการผลิตและการส่งออกนั้น จากการสำรวจพบว่าดัชนีความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อจากต่างประเทศในอีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่เหนือระดับ 50 หมายความว่า ผู้ประกอบการเชื่อมั่นว่าจะได้รับคำสั่งซื้อจากต่างประเทศในระยะถัดไปเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน

ปัจจัยด้านการแข็งค่าของเงินบาท ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะต่อผลประกอบการ ทั้งนี้ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นด้านการคาดการณ์อัตราแลกเปลี่ยนในอีก 3 เดือนข้างหน้าพบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เงินบาทจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจากปัจจุบัน

จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ประกอบการพบว่า กลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะส่งออกได้ดีต่อเนื่อง ได้แก่ อุตสาหกรรมไก่แปรรูป ไก่สดแช่แข็ง และอาหารทะเลแปรรูป เนื่องจากตลาดอาเซียนและตะวันออกกลางสามารถขยายตัวชดเชยตลาดยุโรปและสหรัฐฯ ที่ยังคงซบเซา รวมทั้งอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในอุปกรณ์ Smart Devices จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยมสินค้าประเภทนี้มากขึ้น

กลุ่มธุรกิจที่คาดว่าการส่งออกจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ได้แก่ กลุ่มฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเห็นว่าความต้องการของตลาดโลกจะทยอยฟื้นตัว

กลุ่มธุรกิจที่คาดว่าการส่งออกจะทรงตัว ได้แก่ อุตสาหกรรมกุ้งแช่แข็ง โดยสถานการณ์โรคระบาดในกุ้งมีแนวโน้มคลี่คลายลง และผู้ผลิตเน้นผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงขึ้น ทำให้ได้รับราคาดีขึ้นและช่วยชดเชยปริมาณการส่งออกที่ลดลงได้

สำหรับกลุ่มธุรกิจที่คาดว่า การส่งออกจะชะลอตัวจากไตรมาสก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมยางพารา เพราะอุปสงค์จากจีนชะลอลงหลังจากได้เร่งซื้อเพื่อสะสมสต็อกไปแล้วเมื่อต้นไตรมาสที่ผ่านมา ส่งผลให้อุปสงค์ในไตรมาสที่ 2 มีแนวโน้มแผ่วลง และเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคายางพาราในตลาดโลกลดลงด้วย

สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์นั้น พบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประเมินว่า ตลาดมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราชะลอลง เนื่องจากอุปสงค์ได้ขยายตัวมากแล้วในช่วงก่อนหน้า ประกอบกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานทำให้มีการชะลอการเปิดโครงการใหม่

ทั้งนี้ ผลสำรวจดังกล่าวสอดคล้องกับการสำรวจภาวะและแนวโน้มสินเชื่อรายไตรมาส ที่พบว่าสถาบันการเงินส่วนใหญ่คาดว่าอุปสงค์ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยในไตรมาสที่2 จะค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ทั้งนี้สถาบันการเงินส่วนหนึ่งแสดงความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยกล่าวว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สถาบันการเงินเพิ่มความเข้มงวดมาตรฐานการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะเพิ่มความเข้มงวดขึ้นในไตรมาสต่อไป

ส่วนการบริโภคภาคเอกชนนั้น จากการสำรวจพบว่าช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ยังมีแนวโน้มขยายตัว โดยผู้ประกอบการเชื่อมั่นว่าอุปสงค์ในประเทศยังเติบโตต่อเนื่องแต่ในอัตราที่ชะลอลง สอดคล้องกับผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในเดือนมี.ค.56 ที่พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อใหม่ในประเทศในอีก 3 เดือนข้างหน้า ยังอยู่เหนือระดับ 50 กล่าว คือ คำสั่งซื้อในระยะต่อไปจะปรับเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน

"แนวโน้มการบริโภคที่ดี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาวะการเงินที่เอื้ออำนวยทั้งอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และการเข้าถึงสินเชื่อที่สะดวกขึ้น สอดคล้องกับการสำรวจภาวะและแนวโน้มสินเชื่อที่พบว่า สถาบันการเงินเห็นว่าความต้องการสินเชื่อครัวเรือนในไตรมาสที่2 ปี 2556 จะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยเฉพาะความต้องการสินเชื่อเพื่อการบริโภคอื่นๆ"

ในด้านการลงทุนภาคเอกชน พบว่าในไตรมาส 2 ปีนี้ การลงทุนยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการทดแทนแรงงาน รวมทั้งรองรับความต้องการที่คาดจะเพิ่มขึ้น จากผลกระตุ้นการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ ผู้ประกอบการเชื่อมั่นต่อภาวะธุรกิจในอนาคต และเห็นว่าการลงทุนของภาครัฐในโครงการบริหารจัดการน้ำและโครงการรถไฟฟ้าใต้ติดส่วนต่อขยายเป็นปัจจัยเสริมที่สำคัญต่อการลงทุนของเอกชน

ส่วนภาวะการจ้างงานนั้น พบว่าช่วงไตรมาส 2 ปี 2556 ผู้ประกอบการส่วนใหญ่คาดว่าตลาดแรงงานยังมีแนวโน้มตึงตัวต่อเนื่องตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยธุรกิจขนาดใหญ่ในกลุ่มยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ อัญมณีและเครื่องประดับ โดยเฉพาะธุรกิจก่อสร้างในโครงการภาครัฐ มีความต้องการแรงงานเพิ่มและมีความสามารถในการดึงดูดแรงงานมากกว่าธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี)

นอกจากนี้ ธุรกิจขนาดใหญ่ยังจัดทำโครงการพัฒนาแรงงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทำให้ไม่มีอุปสรรคด้านการขาดแคลนแรงงานมากนัก ขณะที่เอสเอ็มอีมีแนวโน้มประสบปัญหาการถูกแย่งชิงแรงงานเพิ่มขึ้น

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน