สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

โลกวัชชะเพราะ พระ หรือ โยม

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...สมผล ตระกูลรุ่ง นักวิชาการกฎหมายอิสระ

เรื่องราวของพระกับเครื่องบินเจ็ท ใช้กระเป๋าแบรนด์เนม มีรถหรู เป็นเรื่องที่ชาวพุทธให้ความสนใจ หลายท่านเป็นห่วงว่าจะทำให้ศาสนามัวหมอง บางคนถึงกับใช้เป็นเครื่องตัดสินว่าศาสนาเสื่อม

ศาสนาไม่เสื่อมและไม่มีวันเสื่อม พุทธศาสนายังคงเป็นความจริงแท้และจะเป็นความจริงตลอดไป แม้พุทธศาสนาจะหมดสิ้นไปจากโลกนี้แล้วก็ตาม

ศาสนาจึงไม่เสื่อม แต่คนต่างหากที่เสื่อม

เรื่องความประพฤตินอกลู่นอกทางของพระภิกษุนั้นมีมานานแล้ว แม้ในสมัยพุทธกาลที่พระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่

พระพุทธองค์เคยตรัสไว้กับพระอุบาลีและกิมพิละต่างวาระกันว่า “ดูก่อนอุบาลี ภิกษุณีทำลายสงฆ์ไม่ได้ แต่พยายามเพื่อจะทำลายได้ สิกขมนาก็ทำลายสงฆ์ไม่ได้ สามเณรก็ทำลายสงฆ์ไม่ได้ สามเณรีก็ทำลายสงฆ์ไม่ได้ อุบาสกก็ทำลายสงฆ์ไม่ได้ อุบาสิกาก็ทำลายสงฆ์ไม่ได้ แต่พยายามเพื่อจะทำลายได้ ดูก่อนอุบาลี ภิกษุปกตัตตะ มีสังวาสเสมอกัน อยู่ในสีมาเดียวกัน ย่อมทำลายสงฆ์ได้”

“ดูก่อนกิมพิละ เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว หากพวกภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้เป็นผู้ที่ไม่เคารพ ไม่มีความยำเกรงในพระบรมศาสดา ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในพระธรรม ไม่มีความเคารพไม่มีความยำเกรงในพระสงฆ์ ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในสิขาบท ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงซึ่งกันและกัน ดูก่อนกิมพิละ ปฏิปทานี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระสัทธรรมไม่ดำรงอยู่ได้นาน”

สิขมนา หมายถึง สามเณรีผู้มีอายุถึง 18 ปีแล้ว ตกลงสมาทานสิขาบทที่เคร่งครัดเพื่อเตรียมเป็นภิกษุณี

ภิกษุปกตัตตะ หมายถึง ภิกษุที่เป็นปกติไม่ได้ต้องอาบัติหนัก

พระพุทธองค์ท่านสรุปให้แล้วว่า ผู้ที่จะทำลายสงฆ์ซึ่งย่อมหมายถึงพุทธศาสนาในยุคปัจจุบัน คือ พระสงฆ์กันเองนี่แหละ ไม่มีใครอื่นใดที่จะทำลายสงฆ์ได้

และเหตุที่จะทำให้พระสัทธรรม คือ คำสอนของพุทธศาสนาสูญสิ้นไป เกิดจากคนในศาสนาเอง คือ พุทธบริษัทสี่ ที่ไม่มีความเคารพยำเกรงในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ คือ พระรัตนตรัยนั่นเอง

มายุคปัจจุบันนี้ ความเคารพยำเกรงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ของชาวพุทธ ไม่ว่านักบวชหรือชาวบ้านดูจะลดน้อยลง

เมื่อนักบวชประพฤติตนอยู่เหนือชาวบ้าน หากไม่มีคุณธรรมที่ดีเพียงพอแล้ว ชาวบ้านเขาจะรู้สึกอย่างไร

เมื่อนักบวชปฏิบัติผิดเพี้ยน ชาวบ้านก็เสื่อมศรัทธา เลยเหมาเอาว่าพระเป็นเหมือนกันหมด ซึ่งย่อมกระทบถึงความศรัทธาในพระศาสนาที่ย่อมจะลดลงด้วย

การที่ชาวบ้านหรือลูกศิษย์พระจะขวนขวายหาสิ่งของที่ดีสุดๆ ไปถวายให้กับพระที่ตนเองนับถือนั้นเป็นเรื่องปกติ และมีมาแต่สมัยพุทธกาลแล้ว

การบริจาคทานอันประณีต ในแง่มุมหนึ่งคือการแสดงความเคารพอย่างยิ่ง เหมือนเราหาสิ่งของที่ดีให้กับพ่อแม่หรือคนที่เรารัก

ลูกศิษย์ที่มีความศรัทธาพระ จึงหาสิ่งที่ดีถวายท่าน ซึ่งอาจเกินไปกว่าปัจจัย 4 อันเป็นความจำเป็นที่เพียงพอสำหรับการดำรงชีพ ทั้งๆ ที่มนุษย์เรามีความต้องการเพียงปัจจัย 4 เท่านั้น

อาหาร ไม่ว่าจะดีเลิศอร่อยลิ้นปานใด ก็กินได้เพียงแค่อิ่ม เมื่ออิ่มแล้วไม่ว่าอาหารใดที่โปรดปราน ก็ไม่สามารถกินเข้าไปได้อีก

ที่อยู่อาศัย ไม่ว่าบ้านจะใหญ่โตเป็นปราสาทราชวัง หรือเป็นกระต๊อบ ถึงเวลานอนก็ใช้พื้นที่เท่ากัน

เครื่องนุ่งห่ม ไม่ว่าจะมีมากเป็นห้องสวยงามอย่างไร ก็ใส่ได้เพียงครั้งละชุดเท่านั้น

ยารักษาโรค เป็นเพียงสิ่งบรรเทาความทุกข์จากความเจ็บป่วย แต่เมื่อกรรมมาถึงแล้ว ร่างกายไม่รับยา ไม่ว่ายารักษาโรคจะดีเลิศเพียงใด ก็รักษาชีวิตไว้ไม่ได้

การที่ญาติโยมนำสิ่งของที่ดีเลิศไปถวายพระจึงเป็นเรื่องปกติ แต่พระต่างหากที่ต้องพิจารณาว่า สิ่งของที่ถวายนั้น เหมาะสมกับสมณเพศหรือไม่

รถยนต์เป็นสิ่งที่มีประเด็นให้ถกเถียงกันมากที่สุด เพราะฆราวาสถือเป็นปัจจัยที่ 5 ไปเสียแล้ว โทรศัพท์มือถือก็เช่นกัน แต่สำหรับพระแล้วความจำเป็นในการดำรงชีพยังคงมีเพียงปัจจัย 4 เท่านั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นประจำในยุคปัจจุบัน คือ ญาติโยมจะนำรถยนต์ไปถวายพระจะให้พระทำอย่างไร

หลวงตามหาบัว ท่านมีรถประจำเดินทางไปทั่วประเทศ แต่รถที่ท่านใช้ ไม่ใช่ของท่าน มีญาติโยมผู้มีศรัทธานำไปให้ท่านใช้ ขอให้ท่านใช้ เจ้าของรถยังคงเป็นญาติโยม มีหน้าที่ดูแลรักษาจ่ายค่าภาษีเอง ท่านไม่รับเป็นของท่าน แต่ท่านรับที่จะใช้รถที่ญาติโยมนำมาบริการท่าน

เรื่องรถยนต์นี้ หลวงพ่อชาท่านเคยปฏิเสธที่จะรับมาแล้ว โดยท่านอธิบายกับพระลูกวัดที่เห็นควรรับรถที่ญาติโยมนำมาถวายว่า

“เราเป็นพระ เป็นสมณะ คือ ผู้สงบระงับ เราต้องเป็นคนมักน้อยสันโดษ เวลาเช้าเราอุ้มบาตรออกไปเที่ยวบิณฑบาตรับอาหารจากชาวบ้านมาเลี้ยงชีวิต เพื่อยังอัตภาพนี้ให้เป็นไป ชาวบ้านส่วนมากเขาเป็นคนยากจน เรารับอาหารมาจากเขา เรามีรถยนต์แต่เขาไม่มี นี่ลองคิดดูซิว่ามันจะเป็นอย่างไร เราเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธเจ้าไม่มีรถ เราก็อย่ามีเลยดีกว่า ถ้ามี สักวันหนึ่งก็จะมีข่าวว่ารถวัดนั้นคว่ำที่นั่น รถวัดนี้ไปชนคนที่นี่...อะไรวุ่นวาย เป็นภาระยุ่งยากในการรักษา

เมื่อก่อนนี้จะไปไหนแต่ละทีมีแต่เดินไปทั้งนั้น ไปธุดงค์สมัยก่อนไม่ได้นั่งรถไปเหมือนทุกวันนี้ ถ้าไปธุดงค์ก็ธุดงค์กันจริงๆ ขึ้นเขาลงห้วยมีแต่เดินทั้งนั้น เดินกันจนเท้าพองทีเดียว แต่ทุกวันนี้พระเณรเขาไปธุดงค์มีแต่นั่งรถกันทั้งนั้น เขาไปเที่ยวดูบ้านนั้นเมืองนี้กัน ผมเรียกทะลุดง ไม่ใช่ธุดงค์ เพราะดงที่ไหนมีทะลุกันไปหมด นั่งรถทะลุมันเลย ไม่มีรถก็ช่างมันเถอะ ขอแต่ให้เราประพฤติปฏิบัติให้ดีเข้าไว้ก็แล้วกัน เทวดาเห็นเข้าก็เลื่อมใสศรัทธาเองหรอก

ผมไม่รับรถยนต์ที่เขาจะเอามาถวายก็เพราะเหตุนี้ ยิ่งสบายเสียอีก ไม่ต้องเช็ดไม่ต้องล้างให้เหนื่อย ขอให้ท่านทั้งหลายจงจำไว้ อย่าเห็นแก่ความสะดวกสบายกันนักเลย”

การใช้สิ่งของที่หรูหราฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น แม้ไม่ผิดพระธรรมวินัย แต่เป็นที่ติเตียนของชาวโลกที่เห็นว่าไม่เหมาะสม ก็ถือว่าผิดวินัยเหมือนกัน ที่เรียกว่า โลกวัชชะ พระภิกษุไม่พึงทำ

การที่พระพยายามอธิบายว่า สิ่งของฟุ่มเฟือยที่ใช่อยู่นั้นลูกศิษย์นำมาถวาย ไม่ได้ซื้อหาเองนั้นเป็นการอ้างที่ไม่ถูกต้อง เพราะพระมีหน้าที่สอนลูกศิษย์ว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร ลูกศิษย์พร้อมที่จะเชื่อฟังครูอาจารย์อยู่แล้ว แต่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ พระเองก็อยากได้ จึงไม่ห้ามปราม

แล้วรถยนต์ เครื่องบิน จะกลายเป็นภาระให้พระต้องดูแลรักษา ไม่มีเวลาที่จะปฏิบัติภาวนาขัดเกลากิเลสให้หมดสิ้นไปจากใจ


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : โลกวัชชะ พระหรือโยม

view