สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

พิลึก!ข้าวเปลือกราคาพุ่ง-ข้าวสารคงที่

พิลึก!ข้าวเปลือกราคาพุ่ง-ข้าวสารคงที่

จาก โพสต์ทูเดย์

อัมมารระบุรัฐบาลทำลายระบบข้าวในประเทศ ข้าวเปลือกราคาพุ่งแต่ข้าวสารราคาคงที่ ชี้จำนำข้าวช่วยชาวนาฐานะดี ไม่ใช่ชาวนาจน

คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์ และอุตสาหกรรม วุฒิสภา จัดเสวนาเชิงวิชาการ "ทางออกระบบอุตสาหกรรมข้าวไทย สู่การแข่งขันตลาดโลก" โดยมีวิทยากร ประกอบด้วย นายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย น.ส.การดี เลียวไพโรจน์ ผอ.ศูนย์ให้คำปรึกษาทางธุรกิจแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายชัยภัฏ จันทร์วิไล อนุกรรมาธิการศึกษาอุตสาหกรรมข้าวทั้งระบบ

นายอัมมาร กล่าวว่า สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดของรัฐบาลคือการทำให้ราคาข้าวเปลือกพุ่งไปสูง 30-40% แต่ข้าวสารราคาเท่าเดิม เพราะนโยบายจำนำข้าวที่รัฐบาลรวบรัดเอาข้าวมาอยู่กับตัวเอง ทำให้ราคาข้าวสารนิ่ง แต่ข้าวเปลือกแพง จึงอาจต้องพิจารณาให้ราคาข้าวสารแพงขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าโครงการรับจำนำข้าวมีผู้ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นชาวนา พ่อค้า หรือผู้บริโภค

นายอัมมาร กล่าวว่า มีความรู้สึกว่าอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ที่อาศัยมานานคือบ้านเศรษฐกิจข้าว ขณะนี้มีความรู้สึกเกิดพายุใหญ่ บ้านถูกทำลาย โดยข้าวส่วนใหญ่ที่บริโภคกันอยู่ไม่ได้มาจากชาวนาที่ยากจน แต่มาจากชาวนาร่ำรวย หรือ ระดับปานกลาง ประมาณ 20% ข้าวที่เข้าโครงการรับจำนำจึงมาจากชาวนาฐานะดี ซึ่งการที่เราจะบอกแก้ปัญหาความยากจน โดยการขึ้นราคาสินค้าข้าวนั้นเป็นคนละเรื่อง และการแก้ไขปัญหายากจนโดยการขึ้นราคาสินค้าข้าวเป็นการแก้ไขปัญหาที่ผิดพลาด ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้น 2 ปีที่ผ่านมาเป็นการหากินของพวกที่อาศัยการเมืองกอบโกยหากิน

"ดูตลาดส่งออกข้าวของเรา พ่อค้าที่รัฐบาลให้อำนาจผูกขาดไม่มีปัญญาส่งออก จึงทำให้การส่งออกต่ำลง และทำให้ข้าวตกอยู่ในมือรัฐบาล และในอนาคตเมื่อเอเชียมีราคาข้าวดีขึ้น จะทำให้คนสนใจคุณภาพข้าว ส่วนไทยก็ต้องค่อยรื้อฟื้นระบบค้าข้าวแบบเดิม ที่สร้างคุณค่าให้ข้าวไทยอย่างแท้จริง" นายอัมมาร กล่าว

นายอัมมาร กล่าวต่อว่า ทางออกของปัญหาในระยะสั้นนั้นพูดลำบาก เพราะรัฐบาลกำลังหันซ้ายหันขวาหาทางออกจากนโยบายของตัวเอง เปลี่ยนวันต่อวัน เพื่อแก้ปัญหาไปเรื่อยๆ ซึ่งข้อเท็จจริงเมื่อมองไป 2-3 ปีข้างหน้าจะต้องเจ็บปวด จึงขอฝากบอกรัฐบาลว่า จะทำอะไรก็ต้องคิดให้ดี เพราะจะสร้างความเจ็บปวด ซึ่งความเจ็บปวดดังกล่าวต้องไปที่พ่อค้าข้าวเป็นหลัก ขณะที่ชาวนาอาจจะรับภาระบางส่วน

นางการดี เลียวไพโรจน์ ผู้อำนวยการศูนย์ให้คำปรึกษาทางธุรกิจแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า จากการวิเคราะห์การปลูกข้าวของไทย พบว่า ชาวนาไทย ปลูกข้าวเฉลี่ย 454.4 กิโลกรัมต่อไร่ แต่ชาวนาเวียดนามทำได้ 896 กิโลกรัมต่อไร่ นอกจากนี้ไทยผลิตข้าว 1 ตัน ต้องใช้พื้นที่เพาะปลูก 2.2 ไร่ แต่เวียดนามใช้แค่ 1.1 ไร่ ในแง่ต้นทุนข้าว พบว่า ไทยมีต้นทุน 7,309 บาทต่อตัน แต่เวียดนามมีต้นทุน 4,960 บาทต่อตัน ปัจจัยหลักที่ทำให้ต้นทุนข้าวไทยแพง เพราะต้องลงทุนกับยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมีไปถึง 90% ของต้นทุนรวม แต่เวียดนามเลิกใช้ยาฆ่าแมลง และมีนโยบาย 3 เพิ่ม 3 ลด คือ เพิ่มคุณภาพข้าว เพิ่มผลผลิตต่อไร่ เพิ่มกำไร แต่ลดปริมาณเมล็ดพันธุ์ ลดการใช้ปุ๋ยเคมี และลดการใช้ยาฆ่าแมลง


“อัมมาร” ชำแหละ “จำนำข้าวทุกเมล็ด” พาชาติล่มจม แนะให้ตื่นจากภวังค์ของคนดูไบได้แล้ว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

“อัมมาร” ชี้นโยบายจำนำข้าวทุกเมล็ดทำลายอนาคตส่งออกข้าวไทย ยอมรับ 2 ปีที่่ผ่านมาไทยระบายข้าวไม่ได้เพราะข้าวไทยเสื่อมคุณภาพ แนะทางออกรัฐต้องแกล้งลืมสต๊อก 17 ล้านตันแล้วเอาข้าวใหม่ที่่เข้าโครงการไปเสนอขาย พร้อมปลุกให้คนไทยตื่นจากภวังค์ของคนดูไบได้แล้ว เพราะการเก็บข้าวไม่ได้ทำให้เรานำราคาในตลาดโลกได้ ผูกขาดไม่ได้เพราะข้าวไม่ใช่มือถือ เก็บไว้ 2 ปีข้าวก็เน่าแล้ว
       นายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวในงานสัมมนาทางออกระบบอุตสาหกรรมข้าวไทยสู่การแข่งขันตลาดโลก จัดโดยคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจการพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา โดยระบุว่า ทางออกของอุตสาหกรรมข้าวไทยคือต้องรื้อฟื้นระบบการขายข้าวแบบเก่าที่่ระบบ รับจำนำข้าวทุกเมล็ดของรัฐบาลได้ทำลายลงไป เนื่องจากระบบเดิมที่่ทำให้ข้าวไทยได้รับการยอมรับเรื่องคุณภาพจากตลาดโลกมี กระบวนการคัดเลือกข้าวที่่ได้คุณภาพดีอยู่แล้ว ซึ่งต่างจากระบบของรัฐที่่จำนำข้าว และนำข้าวมาเก็บไว้จนเสื่อมคุณภาพ
       
       “ยอมรับว่า 2 ปีที่ผ่านมาไทยระบายข้าวไม่ได้ ส่งออกไม่ได้ เพราะบางตลาดเห็นว่าคุณภาพข้าวไทยเสื่อมลงเพราะมีการเก็บข้าวไว้นานเกินไป ดังนั้นทางออกของการขายข้าวและรักษาตลาดข้าว รัฐบาลต้องแกล้งลืมสต๊อกข้าว 17 ล้านตันไปเลย แล้วเอาข้าวใหม่ที่่เข้าโครงการไปเสนอขาย จากนั้นค่อยหาทางระบายข้าวที่่เสื่อมคุณภาพออกไปภายหลังซึ่งต้องใช้เวลา ระบายอีกนานมาก”
       
       นายอัมมารกล่าวว่า ตลาดข้าวในอนาคตจะแข่งขันกันในเรื่องคุณภาพข้าวสูงขึ้น ดังนั้น การที่่รัฐบาลเก็บข้าวไว้ในโครงการทำให้ข้าวเสื่อมคุณภาพจึงเป็นการทำลาย อนาคตการส่งออกข้าวไทย และสร้างความเสียหายแก่ห่วงโซ่การผลิตข้าวทั้งระบบ
       
       “เราต้องตื่นจากภวังค์ของคนดูไบได้แล้ว การเก็บข้าวไม่ได้ทำให้เรานำราคาในตลาดโลกได้ ผูกขาดไม่ได้เพราะข้าวไม่ใช่มือถือ เก็บไว้ 2 ปีข้าวก็เน่า”
       
       นอกจากนี้ สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดของรัฐบาลคือการทำให้ราคาข้าวเปลือกพุ่งไปสูงถึง 30-40% แต่ข้าวสารยังมีราคาเท่าเดิม เพราะนโยบายจำนำข้าวที่รัฐบาลรวบรัดเอาข้าวมาอยู่กับตัวเองทำให้ราคาข้าวสาร นิ่ง แต่ข้าวเปลือกแพง จึงอาจต้องพิจารณาให้ราคาข้าวสารแพงขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าโครงการรับจำนำข้าวมีผู้ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นชาวนา พ่อค้า หรือผู้บริโภค
       
       นายอัมมารกล่าวว่า มีความรู้สึกว่าอยู่ในบ้านหลังหนึ่งที่อาศัยมานานคือบ้านเศรษฐกิจข้าว ขณะนี้มีความรู้สึกเกิดพายุใหญ่ บ้านถูกทำลาย โดยข้าวส่วนใหญ่ที่บริโภคกันอยู่ไม่ได้มาจากชาวนาที่ยากจน แต่มาจากชาวนาร่ำรวย หรือระดับปานกลาง ประมาณ 20% ข้าวที่เข้าโครงการรับจำนำจึงมาจากชาวนาฐานะดี ซึ่งการที่เราจะบอกแก้ปัญหาความยากจนโดยการขึ้นราคาสินค้าข้าวนั้นเป็นคนละ เรื่อง และการแก้ไขปัญหายากจนโดยการขึ้นราคาสินค้าข้าวเป็นการแก้ไขปัญหาที่ผิดพลาด ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้น 2 ปีที่ผ่านมาเป็นการหากินของพวกที่อาศัยการเมืองกอบโกยหากิน
       
       “ดูตลาดส่งออกข้าวของเรา พ่อค้าที่รัฐบาลให้อำนาจผูกขาดไม่มีปัญญาส่งออกจึงทำให้การส่งออกต่ำลง และทำให้ข้าวตกอยู่ในมือรัฐบาล และในอนาคตเมื่อเอเชียมีราคาข้าวดีขึ้นจะทำให้คนสนใจคุณภาพข้าว ส่วนไทยก็ต้องค่อยรื้อฟื้นระบบค้าข้าวแบบเดิมที่สร้างคุณค่าให้ข้าวไทยอย่าง แท้จริง”
       
       อย่างไรก็ตาม มองว่าการระบายข้าวรัฐบาลต้องทำให้โปร่งใส เลิกวิธีการที่ให้เอกชนแค่ไม่กี่่รายเข้ามาผูกขาด เนื่องจากพิสูจน์แล้วว่าล้มเหลวในการระบายข้าว และทำให้มีการขาดทุนจำนวนมาก รัฐบาลต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเพื่อลดความเสียหายลง
       
       นายอัมมารกล่าวสรุปว่า ทางออกของปัญหาในระยะสั้นนั้นพูดลำบาก เพราะรัฐบาลกำลังหันซ้ายหันขวาหาทางออกจากนโยบายของตัวเอง เปลี่ยนวันต่อวันเพื่อแก้ปัญหาไปเรื่อยๆ ซึ่งข้อเท็จจริงเมื่อมองไป 2-3 ปีข้างหน้าจะต้องเจ็บปวด จึงขอฝากบอกรัฐบาลว่าจะทำอะไรก็ต้องคิดให้ดีเพราะจะสร้างความเจ็บปวด ซึ่งความเจ็บปวดดังกล่าวต้องไปที่พ่อค้าข้าวเป็นหลัก ขณะที่ชาวนาอาจจะรับภาระบางส่วน


ปูปัดเตรียมยุบสภา-ท้าสุภาส่งข้อมูลโกงจำนำข้าว

จาก โพสต์ทูเดย์

นายกฯ ยืนยันเปลี่ยนราคาจำนำข้าว ไม่ได้เตรียม ยุบสภา ท้า"สุภา"ส่งหลักฐานทุจริต ยอมรับพบโรงสีทุจริต 26 แห่งสั่งสอบ เชื่อแรงกระเพื่อมหลังปรับครม.เคลียร์ได้

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นนถอดถอน คณะรัฐมนตรี ที่ทุจริตโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทว่า ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งรัฐบาลพร้อมที่จะให้ข้อมูล และชี้แจง ส่วนจะทำให้โครงการดังกล่าวนี้หยุดชะงักหรือไม่ เห็นว่า ต้องรอคำสั่งศาลปกครองว่า จะให้ทำอย่างไรต่อไป ซึ่งรัฐบาลได้มีคำสั่งแต่งตั้งนายพงษ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการศึกษาคำสั่งศาลแล้ว โดยให้มีการเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาข้อมกฎหมายว่า สิ่งไหนที่สามารถดำเนินการได้ และสิ่งไหนไม่สามารถดำเนินการได้ตามคำสั่งศาล

ขณะที่การรับจำนำข้าวที่น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า พบการทุจริตในทุกขั้นตอนนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยากให้นางสาวสุภา สรุปออกมาเป็นรายละเอียด ซึ่งสื่อมวลชนก็เห็นว่า มีการตรวจสต็อคข้าวกว่า 2 พันจุด โดยพบการทุจริตเพียงแค่ 26 จุด ต้องรอขั้นตอนของตำรวจสืบค้น ทั้งนี้ถ้ามีหลักฐานก็ให้นำหลักฐานนั้นมา ตนพร้อมที่จะตรวจสอบ และดำเนินคดี

"การพูดในภาพรวมอาจทำให้เกิดความกังวล จึงอยากให้พูดในรายละเอียดว่า พบการทุจริตในจุดไหน จะได้ให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพร้อมดำเนินคดี" นายกรัฐมนตรี กล่าว

สำหรับที่มีการระบุว่า เงินที่ขาดทุนมากกว่า 2 แสนล้านบาท นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องรอให้คณะกรรมการตรวจสต็อคสรุปตัวเลข ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสต็อคอยู่ โดยตัวเลขจะเป็นตัวเลขจริง ไม่ใช่เกิดจากตัวเลขที่เกิดจากการคำนวน และต้องรอให้คณะทำงานสรุปอย่างเป็นทางการ

ส่วนการที่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) กลับมารับจำนำราคาข้าวในราคา 15,000 บาทต่อตัน เหมือนเดิม ทางฝ่ายค้านออกมาระบุว่า รัฐบาลมีนโยบายเหมือนไม้หลักปักขี้ เลนนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ แต่ย้ำว่า เหตุผลที่กลับมาใช้ราคาเดิม เพราะได้ศึกษาข้อมูล โดยมีความชัดเจนในเรื่องของรายละเอียดทำให้พิจารณาได้ว่า จะไม่เสียสมดุลทั้ง 4 ด้าน และมีการดูแลชาวนาด้วย จึงยืนยันว่า ไม่ใช่การกลับไปกลับมา และอนาคตก็ต้องดูหลักความสมดุลทั้ง 4 ด้านเหมือนเดิม เพราะต้องอิงกับราคาของตลาดโลกด้วย

ขณะเดียวกัน ที่ฝ่ายค้านมองเรื่องดังกล่าวเป็นการเตรียมการเพื่อยุบสภา นั้นเห็นว่า ขอให้ ครม.ใหม่ได้ทำงานก่อน ยังไม่มีการยุบสภา ส่วนที่การปรับ ครม.ใหม่นั้นมีแรงกระเพื้อมในพรรคเพื่อไทย เห็นว่า เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นมากกว่า เชื่อว่า สมาชิกพรรคเพื่อไทยคงเข้าใจ ซึ่งก็น้อมรับความคิดเห็น ก็รู้ว่า ทุกคนอยากช่วยบ้านเมือง และเชื่อว่า ทุกคนจะสามารถคุยกันได้


ป.ป.ช.ลุยสอบโกงจำนำข้าว เรียก “สุภา” ให้ข้อมูลทุจริต ตัวเลขขาดทุน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ป.ป.ช.เดินเครื่องสอบทุจริตจำนำข้าว เตรียมเรียก “สุภา ปิยิจิตติ” ให้ตัวเลขขาดทุน รวมถึงปัญหาการทุจริตในภาพรวม แฉพาณิชย์ยังกั๊กข้อมูลขาดทุน พร้อมร่วมมือผู้ตรวจการฯ ลงพื้นที่สอบโรงสี โกดัง หาข้อมูลสวมสิทธิ ปัญหาข้าวเน่า คาดสรุปได้ใน 1-2 เดือน เผยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีทุจริตจัดซื้อเรือและ รถดับเพลิงของ กทม.6 ส.ค.นี้
        นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีโครงการรับจำนำข้าว กล่าวถึงความคืบหน้าการไต่สวนคดีดังกล่าวว่า เตรียมเชิญ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว มาให้ข้อมูลประเด็นเกี่ยวกับการขาดทุนของโครงการว่า มีตัวเลขชัดเจนอย่างไร รวมถึงปัญหาการทุจริตในภาพรวม เพราะคณะอนุกรรมการฯ ได้เข้ามาตรวจสอบเรื่องการรักษาวินัยการเงินการคลังด้วย นอกเหนือจากการตรวจสอบการทุจริต
       
       นายวิชากล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ให้ความร่วมมือส่งข้อมูลให้ ป.ป.ช.มากขึ้น แต่มีบางข้อมูลที่ ป.ป.ช.ยังต้องการ คือ ข้อมูลการขาดทุน ที่ ป.ป.ช.ได้ข้อมูลบางส่วนจากกระทรวงการคลังเท่านั้น ทั้งที่ควรได้มาจากกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง ขณะเดียวกัน ป.ป.ช.ได้รับความร่วมมือจากนายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่จะลงพื้นที่ตรวจสอบโรงสีและโกดังเก็บข้าวทั่วประเทศ เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับการลักลอบนำข้าวไปสวมสิทธิและปัญหาข้าวเน่าว่า เกิดจากการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ คาดว่าภายใน 1-2 เดือน ป.ป.ช.น่าจะได้รับข้อมูลในส่วนนี้
       
       นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เตรียมศึกษาคำพิพากษาศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีการทุจริตจัดซื้อเรือและรถดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร ที่จะมีการพิพากษาในวันที่ 6 ส.ค.นี้ เพราะเป็นคดีสำคัญ เนื่องจากการจัดซื้อเรือและรถดับเพลิงเป็นในลักษณะรัฐต่อรัฐเหมือนการซื้อ ขายข้าวกับต่างประเทศของรัฐบาล ดังนั้นผลของคำพิพากษาที่จะออกมา อาจมีนัยสำคัญต่อการไต่สวนของ ป.ป.ช.ด้วย ยืนยันว่า ป.ป.ช.ทำงานด้วยความเป็นกลาง ไม่เลือกปฏิบัติกับฝ่ายใดหรือพรรคใด


ต้านทุจริตหยุดคอร์รัปชั่น ?

จาก โพสต์ทูเดย์

ต้านทุจริตหยุดคอร์รัปชั่น ?

น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์ และอุตสาหกรรมวุฒิสภา

เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2556 >> http://bit.ly/14OvvO7

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวระหว่างเป็นประธานการ ประกาศเจตนารมณ์ "เดินหน้าพัฒนาประเทศไทย โดยยึดหลักธรรมาภิบาล ของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี" เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2556 >> http://bit.ly/1axvQek


ยันทุจริตข้าวของอคส.เน่าในโกดังร้างที่พิจิตร

พบข้าวเน่าในโกดังร้าง จำนวนประมาณ 5,000 ตัน จ.พิจิตร เผยเป็นข้าวขององค์การคลังสินค้า แต่เกิดปัญหาทุจริตเมื่อปี2548

ผู้สื่อข่าวรายงาน จาก จ.พิจิตร ว่า พบข้าวข่าวเน่าในโกดังร้าง โดยยังมีป้ายกระดาษหลงเหลือไว้ว่าเป็นข้าวตามโครงการรับจำนำปี 2548/49 ที่เสื่อมคุณภาพ จำนวนราว 5,000 ตัน ถูกเก็บไว้ในโกดังของตลาดกลางข้าวและพืชไร่ จ.พิจิตร ซึ่งเป็นของบริษัทเอกเกษตรคลังสินค้าจำกัด เลขที่ 43 หมู่ที่ 6 ถนนพิจิตร-กำแพงเพชร อ.เมือง จ.พิจิตร โดยสภาพข้าวเกิดการเน่าเสีย ไม่มีประตูเปิดปิด มีข้าวเสื่อมสภาพ คล้ายข้าวท่อน หรือปลายข้าว ที่แปรรูปแล้วอยู่ในบิ๊กแบ๊กขนาดใหญ่ โดยมีถุงจำนวนมากชำรุดทำให้ข้าวร่วงกองกับพื้น ถูกน้ำฝน และขึ้นราจำนวนมาก โดยภายในโกดังมีชาวบ้านรายหนึ่งทำหน้าที่เฝ้าเวรยาม โดยบอกเพียงว่าเป็นข้าวของ อคส.ที่เก็บไว้นานแล้ว และตนรับจ้างเฝ้า ไม่ให้ใครมาลักข้าวเท่านั้น
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าโกดังและที่ดินดังกล่าวเป็นของ บริษัทสิงห์โตทองไรซ้ อินเตอร์เทรด จำกัด ซึ่งได้ประมูลทรัพย์สินมาจากธนาคารหลังบริษัทเอกเกษตรคลังสินค้าจำกัด ถูกยึดทรัพย์และฟ้องล้มละลาย แต่ภายในยังมีข้าวที่มีปัญหา ซึ่งข้าวมีจำนวนไม่ครบและเสื่อมคุณภาพอยู่ภายใน แต่ทางบริษัทสิงห์โตทองไรซ้ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้องการใช้พื้นที่หลังจากที่ซื้อพื้นที่และทรัพย์สินมาในราคา 80 ล้านบาท

โดยจากการตรวจสอบเบื้อต้น พบว่าเป็นข้าวขององค์การคลังสินค้า (อคส.) แต่เกิดปัญหาทุจริตเมื่อปี 2548 เนื่องจากการตรวจสอบพบว่าข้าวหายไป และมีความพยามที่จะทำลายข้าวด้วยการเผา เพื่อทำลายหลักฐาน แต่ไฟไหม้ไม่หมด ทำให้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

ด้านนายอุดม กัลป์ยาวรรณ เจ้าหน้าที่ อคส. พื้นที่จังหวัดพิจิตร เปิดเผยและให้ข้อมูลสับสน โดยครั้งแรกแจ้งว่า ได้ขายข้าวทั้งหมดให้กับโรงสีแห่งหนึ่งใน จ.ลพบุรีไปแล้ว ในขณะนี้อยู่ระหว่างรอส่งมอบ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะส่งมอบได้เมื่อใด โดยการซื้อขายก็จะซื้อขายกันตามสภาพของข้าว

แต่เมื่อผู้สื่อข่าวจะขอดูหลักฐานว่าผู้ใดเป็นผู้ซื้อข้าว เนื่องจากสภาพของข้าว ไม่น่าจะขายได้ นายอุดม กลับบอกว่า เป็นข้าว ที่อคส.ส่วนกลาง เป็นผู้ขาย ตนเองไม่รับรู้เพียงแต่หากใครถือใบออเดอร์มาขอรับข้าวก็จะส่งมอบให้เท่านั้น โดยมีข้าวที่หลงเหลือจำนวนประมาณ 5,000 ตัน


“ปู” ท้า “สุภา” เขียนรายละเอียดพิสูจน์โกงจำนำข้าว ลั่นไม่มียุบสภา

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

นายกฯ และรมว.กห.บินไปโปแลนด์-ตุรกี ยันพร้อมแจง ป.ป.ช.ถอดกู้จัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน โยน “พงศ์เทพ” ดูทำอะไรได้บ้าง ท้ารองปลัดคลังเขียนรายละเอียดพิสูจน์โกงจำนำข้าว ลั่นพร้อมฟัน โบ้ยทีมตรวจสต๊อกสรุปขาดทุน ปัดคืนจำนำหมื่นห้ากลับไปกลับมา อ้างดูเหตุการณ์ โอ่เพิ่งตั้ง ครม.ใหม่ไม่มีหรอกยุบสภา สวนสื่อซักพรรคกระเพื่อมอะไร ไล่เรื่องข้าวไปถามพาณิชย์
          วันนี้ (3 ก.ค.) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 12.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางเยือนประเทศโปแลนด์และประเทศตุรกี ถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทั้งคณะใน เรื่องการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทว่า คงต้องว่าไปตามขั้นตอน เรายินดีให้ข้อมูลและชี้แจง ผู้สื่อข่าวถามว่าจะทำให้โครงการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลหยุดชะงักหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราคงต้องรอเรื่องศาลปกครองอีกทีว่าจะอย่างไรและเมื่อวานนี้ (2 ก.ค.) คณะรัฐมนตรีมีมติให้นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดูว่าอะไรบ้างในส่วนที่ภาครัฐทำได้ หรืออะไรที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาลปกครอง ต้องดูตรงนั้นมากกกว่า
       
       เมื่อถามว่า น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ระบุว่าโครงการรับจำนำข้าวมีการทุจริตทุกขั้นตอนตั้งแต่ระดับล่างจนถึงระดับ บน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก็ให้ น.ส.สุภาพิสูจน์ออกมาเป็นรายละเอียดเลยดีกว่าหรือไม่ วันนี้ต้องเรียนว่าสื่อมวลชนก็เห็นการตรวจสต๊อกเราตรวจพร้อมกันทั่วประเทศ 2,000 กว่าโรงสี ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเราบ้าง ซึ่งจากการตรวจทั้งหมดจุดที่เจอประมาณ 26 จุด เราก็รอขั้นตอนของตำรวจในการสืบค้น ถ้ามีหลักฐานการทุจริตทุกจุดก็เอาหลักฐานมา ตนพร้อมที่จะดำเนินคดีและพร้อมตรวจสอบให้หมด ขอเป็นอย่างนั้นดีกว่า เพราะจริงๆ เราเองพูดภาพรวมอาจทำให้คนกังวล ถ้าพูดเป็นรายละเอียดเลยว่ามีจุดไหนที่ตรวจสอบแล้วมีประเด็น เราก็พร้อมให้เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจ ถ้าผิดก็พร้อมดำเนินคดี ตรงนั้นพร้อมอยู่แล้ว
       
       เมื่อถามว่า เรื่องการขาดทุนที่มีมากกว่า 2.2 แสนล้านบาท ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขณะนี้เราตรวจสต๊อกจริง ต้องให้คณะกรรมการตรวจสต๊อกเป็นผู้สรุปดีกว่า การตรวจสื่อมวลชนก็เห็น ขณะนี้ทางคณะกรรมการจะเรียกตัวเลขจริง ฉะนั้นตัวเลขเราดูด้วยตาหมดแล้ว ไม่ใช่ตัวเลขที่เกิดจากการคำนวน ตัวเลขจะเกิดจากการลงตรวจโรงสีทุกโรง วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 หมื่นกว่านายที่ลงไปน่าจะใช้ข้อมูลนั้นมากกว่า ขอให้คณะกรรมการได้สรุปมาอย่างเป็นทางการดีกว่า
       
       เมื่อถามว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์โจมตีกรณีที่รัฐบาลเห็นชอบตามมติของคณะกรรมการนโยบาย ข้างแห่งชาติ หรือ กขช.ที่ให้กลับไปรับจำนำข้าวในราคา 15,000 บาทต่อตันเหมือนเดิม เหมือนเป็นนโยบาบไม้หลักปักขี้เลน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อันนี้แล้วแต่ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ตรงนั้น แต่ขอเรียนเหตุผลที่คณะรัฐมนตรีรับทราบตามประเด็นที่ กขช.นั้นนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรียนว่าเรื่องของวินัยการเงินการคลังเราก็รักษา เพราะจากตอนแรกได้ตัวเลขมาเราจำเป็นต้องรักษาสมดุล 4 เรื่อง แต่ระหว่างที่ดำเนินงานไปหน่วยงานก็มีการปรับปรุงเรื่องขั้นตอนการควบคุม การนำเข้าและมีจำนวนที่มา ข้าวที่ปลูกแล้วเหลือสต๊อกเท่าไรก็มีความชัดเจนเรื่องรายละเอียดทำให้คณะ กรรมการสามารถพิจารณาได้ ก็ไม่ทำให้เราเสีย 4 สมดุลนั้นไป ขณะเดียวกันเราก็ได้ดูแลชาวนาด้วยเพื่อให้เกิดสมดุลทั้ง 4 เรื่อง ไม่ได้เรียกว่ากลับไปกลับมาหรอก เราต้องดูตามเหตุการณ์ทั้งหมด อนาคตก็ต้องดูตามสมดุลเหมือนเดิมว่าราคาตลาดโลกเป็นอย่างไรและควรจะมาเท่าไร หากราคาตลาดโลกดีขึ้นอาจจะปรับขึ้นก็ได้ก็ต้องดูตามสภาวการณ์
       
       เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านมองรัฐบาลเตรียมการยุบสภา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “โอ้ย...เพิ่งประกาศคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ขอให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ทำงานก่อนดีมั้ย ไม่มียุบสภาหรอก” เมื่อถามว่า ในพรรคเพื่อไทยมีแรงกระเพื่อมหลังปรับคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีย้อนถามว่ากระเพื่อมอะไร ความจริงแล้วเป็นความคิดเห็นมากกว่า เราเองเชื่อว่าสมาชิกในพรรคก็คงจะเข้าใจ เพราะทุกท่านก็ตั้งใจที่จะเข้ามาทำงานและเราก็น้อมรับทุกท่าน จริงๆ ทุกคนอยากช่วยบ้านเมือง ก็ต้องอยูที่บทบาทว่าเราจะช่วยกันตรงไหนอย่างไร แต่เชื่อว่าเราเองพูดคุยกันได้ เมื่อถามว่า นายกฯ มั่นใจหรือไม่ว่าเรื่องรับจำนำข้าวจะไม่สะเทือนเสถียรภาพรัฐบาล นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พอแล้ว เรื่องข้าวเยอะแล้ว ไปถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์บ้าง


'วราเทพ'อัด'สุภา'ส่งหลักฐานทุจริตจำนำข้าว

"วราเทพ"ซัด"สุภา"ให้ส่งหลักฐานทุจริตจำนำข้าวไปดำเนินคดี โยน"นิวัฒน์ธำรง"เปิดตัวเลขจำนำข้าว

นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรมช.เกษตรฯ กล่าวถึงกรณี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวระบุว่ามีการทุจริตทุกขั้นตอนว่ายังไม่ได้คุยกับน.ส.สุภา ว่าที่ออกข่าวตรงกับที่เขาพูดทุกเรื่องหรือไม่ หรือเป็นการแปลความต่างกัน ในส่วนการทุจริตทุกขั้นตอนเขายังไม่เคยพูดให้ตนฟัง หรือในรายงานอาจไม่ได้เขียนเป็นคำพูดหนักแน่นขนาดนี้ สำหรับการลงทะเบียนแจ้งเกินจริงก็มีการพูดคุยมาตลอด และมีการดำเนินคดีกับผู้ทำผิดในทุกครั้ง เพียงแต่จำนวนอาจไม่มาก

ดังนั้นจึงต้องมาดูที่แจ้งเกิน ซึ่งเราก็ได้พยายามประชาสัมพันธ์ และวางมาตรการให้ดำเนินการตามจริง ทั้งนี้ที่คิดว่าตัวเลขที่เราปรับลดราคาลงมา และกลับไปที่เดิม ก็มีประเด็นนี้เหมือนกัน แต่ว่าการแจ้งของเกษตรกรจำนวนที่เหลือ 2 แสนกว่าราย 2 ล้านกว่าตัน มันจะเป็นจริง เราจึงพิจารณากลับมาใช้ราคาเดิม ก็หวังว่าจะไม่มีการแจ้งเกิน ไม่อยากจะเรียกว่าเกษตรกรทุจริตเลย ต้องไปดูว่าขั้นตอนในการแจ้ง เจตนาหรือการดำเนินการแจ้ง มันสามารถที่จะปรับปรุงให้เกิดความชัดเจน ระหว่างผู้แจ้งกับกรรมการได้หรือไม่ จะทำให้ทุกอย่างกระชับ และชัดเจนขึ้น ตรงไปตรงมา

"ถ้าคุณสุภามีหลักฐานไม่สามารถเก็บไว้ได้ เขาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐมีหน้าที่ที่ต้องนำหลักฐานเหล่านั้นมาแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปดำเนินคดี แต่ถ้าพูดลอยๆ ใครๆ ก็พูดได้ ซึ่งผมสันนิษฐานว่า เขาเคยเห็นว่ามีการดำเนินคดี แล้วก็คาดการณ์ว่ากระบวนการนี้มันมีช่องว่างเกิดขึ้นในการทุจริตได้ พอพูดออกมาแบบนี้ ก็กลายเป็นส่งผลกระทบว่า ทั้งโครงการนี้มีการทุจริตจนรับไม่ได้เลย แต่คิดว่าไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น ต้องดำเนินการไป อะไรที่จับไมได้ ก็ต้องจับให้ได้ อะไรที่ป้องกันได้ ก็ต้องรีบไปป้องกัน"นายวราเทพ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่กระทรวงพาณิชย์ จะเปิดเผยตัวเลขจำนวนข้าวที่ระบายได้ ขายไปให้ใคร ได้หรือไม่นั้น นายวราเทพ กล่าวว่า ต้องไปถามนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ว่าเมื่อลงไปดูแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งตนคิดว่าคำถามนี้ให้นายนิวัฒน์ธำรงตอบจะเหมาะสมที่สุด

ส่วนโครงการรับจำนำข้าวจะมีผลกระทบกับรัฐบาลหรือไม่นั้น นายวราเทพ กล่าวว่า ข่าวเรื่องนี้ หลายคนพอฟังแล้วว่ามีการทุจริตก็จะมีความเชื่อมากกว่าไม่เชื่อ เพราะฉะนั้นแล้ว รัฐบาลพยายามทุกอย่างที่จะอธิบายขั้นตอนที่ปฏิบัติที่มันเกิดขึ้น และรัฐบาลก็พยายามวางมาตรการ ก็ไม่ได้ไปช่วยผู้ที่กระทำความผิดใดๆ


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : พิลึก ข้าวเปลือก ราคาพุ่ง ข้าวสาร คงที่

view